สตรอว์เบอร์รีไม่ได้มีดีแค่สีสด ๆ ชวนให้อยากลิ้มลองเท่านั้นหรอกนะคะ
แต่ประโยชน์ของผลไม้ชนิดนี้ก็เรียกได้ว่ามีคุณค่าอนันต์
นับเป็นผลไม้ที่คนรักสุขภาพคู่ควร
ช่วงหน้าหนาวจะเป็นช่วงที่หาสตรอว์เบอร์รีกินได้ง่าย แถมยังมีราคาถูกกว่าสตรอว์เบอร์รีในฤดูอื่น ที่สำคัญสตรอว์เบอร์รีที่วางจำหน่ายยังเป็นสตรอว์เบอร์รีผลสด ๆ ที่ไม่ผ่านการเชื่อมหรือกระบวนการถนอมอาหารต่าง ๆ นานา อย่างที่มักจะได้กินในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูออกดอกออกผลของสตรอว์เบอร์รีอีกด้วย ซึ่งถ้าจะบอกว่านี่คือโอกาสอันดีของคนที่ชื่นชอบสตรอว์เบอร์รีก็ไม่ผิดค่ะ ทว่าสำหรับใครที่ยังไม่ได้จัดอันดับสตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ชนิดโปรด ขอบอกว่าคุณพลาดมาก ๆ เพราะอันที่จริงแล้วประโยชน์ของสตรอว์เบอร์รีกับสุขภาพของเรามีอยู่มากมายตั้งเท่านี้แน่ะ
1. ช่วยบูสต์ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกาย
สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง โดยข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย ระบุว่า สตรอว์เบอร์รี 9 ผล จะให้วิตามินซีมากถึง 112 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณวิตามินซีที่มากพอกับขนาดที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ดังนั้นการกินสตรอว์เบอร์รีจึงสามารถช่วยเสริมกำลังของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้
อีกทั้งผลการศึกษาจาก UCLA เมื่อปี 2010 ยังแสดงให้เห็นว่า วิตามินซีที่มีในสตอว์เบอร์รียังจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อระบบไหลเวียนของหลอดเลือดเราด้วยนะคะ
2. ช่วยควบคุมความดันเลือดและชะลอการอุดตันของหลอดเลือด
ข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย ระบุว่า นอกจากสตรอว์เบอรีจะเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงแล้ว ในสตรอว์เบอร์รียังมีใยอาหารค่อนข้างสูง และมีส่วนประกอบของน้ำค่อนข้างมาก แถมยังมีสารที่ช่วยควบคุมความดันเลือดและชะลอการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจได้อีกต่างหาก
3. ช่วยลดคอเลสเตอรอล ดีต่อใจ
ซูเปอร์ไฟเบอร์เพคตินในสตรอว์เบอร์รีมีคุณสมบัติช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้วิตามินซีและไฟเบอร์ของสตรอว์เบอร์รียังมีส่วนในการลดจำนวนคอเลสเตอรอลที่เกาะตามผนังหลอดเลือดได้ด้วย
ขณะที่การศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดยังพบว่า สารแอนโธไซยานินส์ในสีแดงสดของผลสตรอว์เบอร์รีก็มีส่วนสำคัญในการลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เพราะจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกาย และช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงได้อีกทาง
4. ลดความดันโลหิต
การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ The American Journal of Clinical Nutrition พบว่า สารฟลาโวนอยด์ในผลไม้ตระกูลเบอร์รีทุกชนิดสามารถช่วยป้องกันความดันโลหิตสูงและช่วยลดระดับความดันโลหิตได้ เนื่องจากสตรอว์เบอร์รีก็มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียมซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตของเราให้อยู่ในจุดสมดุลนั่นเอง
5. บำรุงและดูแลสุขภาพตา
สารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีในสตรอว์เบอร์มีส่วนช่วยป้องกันโรคต้อ และชะลอความเสื่อมของดวงตาจากการถูกรังสียูวีทำลายได้ นอกจากนี้วิตามินซียังเป็นสารอาหารสำคัญของการบำรุงดูแลเลนส์ตาและกระจกตาของเราให้สมบูรณ์แข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อโรคและความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับดวงตาของเรา
6. ช่วยลดน้ำหนัก
สตรอว์เบอร์รีมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มการผลิตฮอร์โมนอะดิโปเนกติน (Adiponectin) และฮอร์โมนเลปติน (Leptin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยเร่งระบบการเผาผลาญ จัดการไขมันสะสมในร่างกายได้อยู่หมัด ฉะนั้นสาว ๆ ที่อยากลดน้ำหนักให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น ก็ไม่ควรพลาดสตรอว์เบอร์รีด้วยประการทั้งปวง
อ้อ ! มีอีกอย่างที่อยากบอกให้สบายใจ สตรอว์เบอร์รีประมาณ 9 ผลให้พลังงานอยู่ที่ 58 กิโลแคลอรีเท่านั้นเองค่ะ
7. บำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง ดูอ่อนกว่าวัย
ผลการศึกษาจาก American Journal of Clinical Nutrition เผยว่า วิตามินซีที่มีอยู่เยอะในสตรอว์เบอร์รีก็มีส่วนช่วยลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และความแห้งกร้านของผิวพรรณที่เกิดจากความเสื่อมตามอายุได้ด้วยนะจ๊ะสาว ๆ
8. แก้ท้องผูก
สตรอว์เบอร์รีเพียง 9 ผลก็มีไฟเบอร์ราว ๆ 3.4 กรัมแล้วนะคะ ซึ่งไม่เพียงเท่านั้น เพราะในสตรอว์เบอร์รีก็ยังมีกรดโฟลิก กรดที่ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย จึงช่วยแก้ปัญหาท้องผูกให้กับเราได้ แต่ทั้งนี้ก็ควรกินผัก-ผลไม้อื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อให้ร่างกายได้รับใยอาหารที่หลากหลาย โดยเฉพาะคนที่มีอาการท้องผูกหนักมาก ๆ
9. เป็นผลไม้ต้านมะเร็ง
American Cancer Society เผยประโยชน์ดี๊ดีของสตรอว์เบอร์รีมาว่า ไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) หรือสารพฤกษเคมี บวกกับวิตามินซี และแร่ธาตุดี ๆ อีกหลายชนิดในสตรอว์เบอร์รี ก็มีส่วนสำคัญในการต้านเซลล์มะเร็ง และมีสรรพคุณบำบัดโรค โดยเฉพาะคุณสมบัติป้องกันโรคมะเร็งเต้านมของคุณสาว ๆ
10. ลดการอักเสบในร่างกาย
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเผยผลการศึกษามาว่า ผู้หญิงที่กินสตรอว์เบอร์รีสัปดาห์ละ 16 ผลขึ้นไป จะมีแนวโน้มเสี่ยงต่ออาการอักเสบลดลง โดยเฉพาะอาการข้อต่ออักเสบ โรคเกาต์ หรือโรคข้อเสื่อม เนื่องจากสตรอว์เบอร์รีมีสารต้านอนมูลอิสระค่อนข้างสูง และยังมีสารพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติล้างกรดยูริกอันเป็นกรดที่กระตุ้นให้เกิดโรคข้อต่าง ๆ ได้
11. บำรุงสมอง
ความเสื่อมของเส้นประสาทและประสิทธิภาพการทำงานของสมองมีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นตามอายุของเรา แต่เราเองก็สามารถป้องกันความเสื่อมสภาพของสมองได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงอย่างสตรอว์เบอร์รีนี่เองค่ะ
12. ป้องกันปัญหาสุขภาพฟัน
อย่างที่ทราบกันดีว่าสตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้มีวิตามินซีสูง ซึ่งในวิตามินซีก็มีกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน อีกทั้งในสตรอว์เบอร์รียังมีโพลีฟีนอล ที่ช่วยลดการสะสมของคราบพลัคพร้อมทั้งมีคุณสมบัติบำรุงสารเคลือบฟันของเราได้อีกทางด้วยนะคะ
ประโยชน์ของสตรอว์เบอร์รีจัดเต็มกับสุขภาพของเราจริง ๆ ทว่าหากใครคิดว่าการกินสตรอว์เบอร์รีเพียว ๆ เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถนัดสักเท่าไร งั้นเราขอทื้งท้ายกันด้วยเมนูสตรอว์เบอร์รีให้คุณ ๆ ตามนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กองโภชนาการ กรมอนามัย
สำนักงานเกษตร อำเภอสะเมิง
Best Health Mag
Eating Well
ช่วงหน้าหนาวจะเป็นช่วงที่หาสตรอว์เบอร์รีกินได้ง่าย แถมยังมีราคาถูกกว่าสตรอว์เบอร์รีในฤดูอื่น ที่สำคัญสตรอว์เบอร์รีที่วางจำหน่ายยังเป็นสตรอว์เบอร์รีผลสด ๆ ที่ไม่ผ่านการเชื่อมหรือกระบวนการถนอมอาหารต่าง ๆ นานา อย่างที่มักจะได้กินในช่วงที่ไม่ใช่ฤดูออกดอกออกผลของสตรอว์เบอร์รีอีกด้วย ซึ่งถ้าจะบอกว่านี่คือโอกาสอันดีของคนที่ชื่นชอบสตรอว์เบอร์รีก็ไม่ผิดค่ะ ทว่าสำหรับใครที่ยังไม่ได้จัดอันดับสตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ชนิดโปรด ขอบอกว่าคุณพลาดมาก ๆ เพราะอันที่จริงแล้วประโยชน์ของสตรอว์เบอร์รีกับสุขภาพของเรามีอยู่มากมายตั้งเท่านี้แน่ะ
สตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง โดยข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย ระบุว่า สตรอว์เบอร์รี 9 ผล จะให้วิตามินซีมากถึง 112 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นปริมาณวิตามินซีที่มากพอกับขนาดที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน ดังนั้นการกินสตรอว์เบอร์รีจึงสามารถช่วยเสริมกำลังของระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายได้
อีกทั้งผลการศึกษาจาก UCLA เมื่อปี 2010 ยังแสดงให้เห็นว่า วิตามินซีที่มีในสตอว์เบอร์รียังจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อระบบไหลเวียนของหลอดเลือดเราด้วยนะคะ
2. ช่วยควบคุมความดันเลือดและชะลอการอุดตันของหลอดเลือด
ข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย ระบุว่า นอกจากสตรอว์เบอรีจะเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงแล้ว ในสตรอว์เบอร์รียังมีใยอาหารค่อนข้างสูง และมีส่วนประกอบของน้ำค่อนข้างมาก แถมยังมีสารที่ช่วยควบคุมความดันเลือดและชะลอการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจได้อีกต่างหาก
3. ช่วยลดคอเลสเตอรอล ดีต่อใจ
ซูเปอร์ไฟเบอร์เพคตินในสตรอว์เบอร์รีมีคุณสมบัติช่วยลดปริมาณคอเลสเตอรอลได้ในระดับหนึ่ง นอกจากนี้วิตามินซีและไฟเบอร์ของสตรอว์เบอร์รียังมีส่วนในการลดจำนวนคอเลสเตอรอลที่เกาะตามผนังหลอดเลือดได้ด้วย
ขณะที่การศึกษาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดยังพบว่า สารแอนโธไซยานินส์ในสีแดงสดของผลสตรอว์เบอร์รีก็มีส่วนสำคัญในการลดความเสี่ยงโรคหัวใจ เพราะจัดเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ มีคุณสมบัติช่วยป้องกันเซลล์ในร่างกาย และช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อหัวใจให้แข็งแรงได้อีกทาง
4. ลดความดันโลหิต
การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ The American Journal of Clinical Nutrition พบว่า สารฟลาโวนอยด์ในผลไม้ตระกูลเบอร์รีทุกชนิดสามารถช่วยป้องกันความดันโลหิตสูงและช่วยลดระดับความดันโลหิตได้ เนื่องจากสตรอว์เบอร์รีก็มีโพแทสเซียมและแมกนีเซียมซึ่งเป็นสารสำคัญที่ช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตของเราให้อยู่ในจุดสมดุลนั่นเอง
5. บำรุงและดูแลสุขภาพตา
สารต้านอนุมูลอิสระและวิตามินซีในสตรอว์เบอร์มีส่วนช่วยป้องกันโรคต้อ และชะลอความเสื่อมของดวงตาจากการถูกรังสียูวีทำลายได้ นอกจากนี้วิตามินซียังเป็นสารอาหารสำคัญของการบำรุงดูแลเลนส์ตาและกระจกตาของเราให้สมบูรณ์แข็งแรง ลดความเสี่ยงต่อโรคและความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นกับดวงตาของเรา
6. ช่วยลดน้ำหนัก
สตรอว์เบอร์รีมีคุณสมบัติช่วยเพิ่มการผลิตฮอร์โมนอะดิโปเนกติน (Adiponectin) และฮอร์โมนเลปติน (Leptin) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ช่วยเร่งระบบการเผาผลาญ จัดการไขมันสะสมในร่างกายได้อยู่หมัด ฉะนั้นสาว ๆ ที่อยากลดน้ำหนักให้ได้ประสิทธิภาพมากขึ้น ก็ไม่ควรพลาดสตรอว์เบอร์รีด้วยประการทั้งปวง
อ้อ ! มีอีกอย่างที่อยากบอกให้สบายใจ สตรอว์เบอร์รีประมาณ 9 ผลให้พลังงานอยู่ที่ 58 กิโลแคลอรีเท่านั้นเองค่ะ
7. บำรุงผิวให้เปล่งปลั่ง ดูอ่อนกว่าวัย
ผลการศึกษาจาก American Journal of Clinical Nutrition เผยว่า วิตามินซีที่มีอยู่เยอะในสตรอว์เบอร์รีก็มีส่วนช่วยลดริ้วรอย ความหย่อนคล้อย และความแห้งกร้านของผิวพรรณที่เกิดจากความเสื่อมตามอายุได้ด้วยนะจ๊ะสาว ๆ
8. แก้ท้องผูก
สตรอว์เบอร์รีเพียง 9 ผลก็มีไฟเบอร์ราว ๆ 3.4 กรัมแล้วนะคะ ซึ่งไม่เพียงเท่านั้น เพราะในสตรอว์เบอร์รีก็ยังมีกรดโฟลิก กรดที่ช่วยกระตุ้นระบบขับถ่าย จึงช่วยแก้ปัญหาท้องผูกให้กับเราได้ แต่ทั้งนี้ก็ควรกินผัก-ผลไม้อื่น ๆ ร่วมด้วย เพื่อให้ร่างกายได้รับใยอาหารที่หลากหลาย โดยเฉพาะคนที่มีอาการท้องผูกหนักมาก ๆ
9. เป็นผลไม้ต้านมะเร็ง
American Cancer Society เผยประโยชน์ดี๊ดีของสตรอว์เบอร์รีมาว่า ไฟโตนิวเทรียนท์ (Phytonutrients) หรือสารพฤกษเคมี บวกกับวิตามินซี และแร่ธาตุดี ๆ อีกหลายชนิดในสตรอว์เบอร์รี ก็มีส่วนสำคัญในการต้านเซลล์มะเร็ง และมีสรรพคุณบำบัดโรค โดยเฉพาะคุณสมบัติป้องกันโรคมะเร็งเต้านมของคุณสาว ๆ
10. ลดการอักเสบในร่างกาย
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเผยผลการศึกษามาว่า ผู้หญิงที่กินสตรอว์เบอร์รีสัปดาห์ละ 16 ผลขึ้นไป จะมีแนวโน้มเสี่ยงต่ออาการอักเสบลดลง โดยเฉพาะอาการข้อต่ออักเสบ โรคเกาต์ หรือโรคข้อเสื่อม เนื่องจากสตรอว์เบอร์รีมีสารต้านอนมูลอิสระค่อนข้างสูง และยังมีสารพฤกษเคมีที่มีคุณสมบัติล้างกรดยูริกอันเป็นกรดที่กระตุ้นให้เกิดโรคข้อต่าง ๆ ได้
ความเสื่อมของเส้นประสาทและประสิทธิภาพการทำงานของสมองมีสาเหตุมาจากอนุมูลอิสระที่เพิ่มจำนวนมากขึ้นตามอายุของเรา แต่เราเองก็สามารถป้องกันความเสื่อมสภาพของสมองได้ด้วยการรับประทานอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงอย่างสตรอว์เบอร์รีนี่เองค่ะ
12. ป้องกันปัญหาสุขภาพฟัน
อย่างที่ทราบกันดีว่าสตรอว์เบอร์รีเป็นผลไม้มีวิตามินซีสูง ซึ่งในวิตามินซีก็มีกรดแอสคอร์บิก (Ascorbic acid) ที่มีคุณสมบัติช่วยป้องกันเลือดออกตามไรฟัน อีกทั้งในสตรอว์เบอร์รียังมีโพลีฟีนอล ที่ช่วยลดการสะสมของคราบพลัคพร้อมทั้งมีคุณสมบัติบำรุงสารเคลือบฟันของเราได้อีกทางด้วยนะคะ
ประโยชน์ของสตรอว์เบอร์รีจัดเต็มกับสุขภาพของเราจริง ๆ ทว่าหากใครคิดว่าการกินสตรอว์เบอร์รีเพียว ๆ เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยถนัดสักเท่าไร งั้นเราขอทื้งท้ายกันด้วยเมนูสตรอว์เบอร์รีให้คุณ ๆ ตามนี้
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กองโภชนาการ กรมอนามัย
สำนักงานเกษตร อำเภอสะเมิง
Best Health Mag
Eating Well