จากเหตุการณ์สะเทือนขวัญ คดีข่มขืนและทำร้ายร่างกายจนเสียชีวิต “น้องสโนว์
น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์” อายุ 18 ปี
นักเรียนหญิงโรงเรียนประจำอำเภอร่องคำ ซึ่งตำรวจได้จับกุมตัว “นายกฤติเดช
ระเวงวรรณ” ผู้ใหญ่บ้านสีถานหมู่ที่ 15 เป็นผู้ต้องหา
คดีนี้ได้ใช้เวลาในการพิจารณาคดีนานกว่า 10 เดือน ล่าสุดอัยการจังหวัด
เปิดเผยว่า ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ กำหนดนัดฟังคำพิพากษาคดีในวันที่ 30
มีนาคมนี้แล้ว
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560 ที่สำนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายรัชดา จุฬารี อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เปิดเผยถึงกระบวนการพิจารณาคดีของ นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน หมู่ที่ 15 ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย , ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2559 โดย พ.ต.ท.ประพนธ์ ภูจอมนิล พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ได้ทำการส่งสำนวนถึงอัยการเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2559 นั้น
เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ผู้ต้องหาในคดีเป็นถึงผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้นำชุมชนและมีอิทธิพลในพื้นที่ อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ทำการคัดค้านการประกันตัวตั้งแต่บัดนั้น ส่วนนายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ต้องหา ก็ได้ให้การปฏิเสธ และมีการต่อสู้คดีมายาวนานเกือบ 10 เดือนนั้น
นายรัชดา จุฬารี อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ (ชั้นต้น) ได้กำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ ในวันที่ 30 มีนาคม 2560 เวลา 09.00 น. ซึ่งที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2559 ภายหลังจากที่พนักงานสอบสวน สภ.กมลาไสย ส่งมอบคดีให้ทางสำนักงานอัยการจังหวัดนั้น สำนักงานอัยการจังหวัดได้ตั้งองค์คณะในการพิจารณาคดีเพื่อส่งฟ้องต่อศาลซึ่งอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ได้แต่งตั้งอัยการเข้าร่วม 3 ท่าน ประกอบ นายพงศ์ศิริ แสนสุข , นายธนานนท์ รัตนาเดชาชัย, และนายศรายุธ แสนบุญ เป็นเจ้าของสำนวน ได้ทำการพิจาณาสำนวนจากพนักงานสอบสวนฯเกือบ 30 วัน จนเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2559 สำนักงานอัยการฯจึงได้ทำการส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ได้รับเป็นคดีดำเลขที่ 2112/2559
และล่าสุด ในวันนี้ 30 มีนาคม 2560 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ (ศาลชั้นต้น) ได้อ่านคำพิพากษาตัดสินให้ประหารชีวิต นายกฤติเดช ระเวงวรรณ อายุ 34 ปี และให้ชดใช้ค่าสินไหม 2,390,000 บาท ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านสีถาน ตำบลดงลิง ผู้ต้องหาสังหารโหด น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ อายุ 18 ปี หรือน้องสโนว์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี 6 โรงเรียนประจำอำเภอร่องคำ
ขณะที่บรรยากาศภายในและภายนอกศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ มีบรรดาญาติของน้องสโนว์และชาวบ้านที่ทราบข่าวพากันมาติดเพื่อขอรับฟัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังเข้ามาดูแลความปลอดภัย
สำหรับคดีนี้ได้รับการเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2558 ก่อนเกิดเหตุในช่วงเช้า น้องสโนว์ ขี่รถจักรยานยนต์ไปเรียนตามปกติ จนในช่วงเย็น เวลากลับบ้านถึงที่เกิดเหตุถูกค้นร้ายสะกดรอยขี่จักรยานยนต์ประกบและใช้เท้าถีบ โดยคนร้ายพยามจะข่มขืนแต่ น้องสโนว์ ขัดขืนและได้กัดและบีบลูกอัณฑะ จนสามารถหลีกหนีการข่มขืนได้แต่เนื่องจากถูกทำร้ายมีอาการสาหัสจึงได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา จนเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2559 ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้จับกุมตัว นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน หมู่ที่ 15 ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมตั้งข้อหาฉกรรจ์ “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย , ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โดยได้ส่งสำนวนถึงอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2559 ซึ่งอัยการจังหวัดได้ตั้งองค์คณะขึ้นมาพิจารณาคดี 1 เดือน แล้วส่งฟ้องศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2559 และศาลได้รับเป็นคดีดำที่ 2112/2559 และทำการสืบพยานโจทก์รวม 40 ปากพร้อมพยานเอกสาร ในเดือนพฤศจิกายน 2559 และ ทำการสืบพยานจำเลย 11 ปาก ในช่วงเดือนธันวาคม 2559 และนัดฟังการคำตัดสินคดี ในวันที่ 30 มีนาคม 2560 เวลา 09.00 น.ที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์
ซึ่งในวันนี้ (30 มีนาคม 2560) ผู้สี่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ รายงานบรรยากาศการตัดสินคดี ระหว่าง นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน หมู่ที่ 15 ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้ต้องหา ข่มขืนกระทำชำเรา และทำให้ น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ ถึงแก่ความตาย ซึ่งวันนี้เป็นวันพิพากษาคดี ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้นัดฟังคำพิพากษาที่บัลลังค์ 2 ในเวลา 09.00 น.
และตั้งแต่ในช่วงเช้าตูร่ นายกฤษณ์ นางลำไย พลประสิทธิ์ พ่อแม่น้องสโนว์ และ น.ส.ภัทรานิตย์ พลประสิทธิ์ พี่สาว และญาติกว่าหนึ่งร้อยคน เดินทางเข้ามาเฝ้าติดตาม ขณะที่ฝ่ายจำเลย ญาติ ได้เดินทางมาพร้อม นายวิรัช พิพรพงษ์ ทนายความ ทั้งนี้คดีดังกล่าวอัยการฝ่ายโจกท์ได้ยื่นฟ้องจำเลย ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2559 ซึ่งศาลได้ดำเนินการพิจารณาคดีสืบพยานฝ่ายโจกท์ 40 ปากพร้อมเอกสารกว่าหนึ่งร้อยฉบับ ขณะที่สืบฝ่ายจำเลยจำนวน 11 ปาก
การอ่านคำพิพากษาเริ่มขึ้นเวลา 10.00 น.และใช้เวลาอ่านเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งศาลามีคำพิพากษา จำเลย นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 276 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 277 ทวิ(2),290 วรรคแรก การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฏหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต และให้จำเลย ชำระเงิน 2,390,000บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
คำพิพากษามีดังนี้ คดีหมายเลขดำที่2112/2559 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2560 พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ โจทก์ นางลำไย พลประสิทธิ์ โจทก์ร่วมที่ 1 นายกฤษ พลประสิทธิ์ โจทก์ร่วมที่ 2 ระหว่างจำเลย นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ต่อความผิดต่อชีวิต ข่มขืนกระทำชำเรา
โจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายและฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276,277 ทวิ,290 จำเลยให้การปฏิเสธ
พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ โจทห์ร่วมทั้งสองและจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้อต้นจึงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2558 เวลา 18.40 น. น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ ผู้ตาย ขับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ขนว.ร้อยเอ็ด 443 จากโรงเรียนร่องคำเดินทางกลับบ้านไปตามถนนสายบ้านสีถาน – บ้านโนนเมือง ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายขับรถจักรยานยนต์เข้าไปเบียดชนและให้เท้าถีบรถของผู้ตายจนเสียหลักล้มลงข้างถนน จากนั้นคนร้ายดึงลากตัวผู้ตายเข้าไปในทุ่งนาแล้วบีบคอและชกต่อยบริเวณท้อง ลำตัวและใบหน้าผู้ตาย แล้วคนร้ายใช้นิ้วสอดใส่ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศผู้ตาย ผู้ตายต่อสู้ขัดขืน คนร้ายจึงชกต่อบริเวณท้องผู้ตาย จนเป็นเหตุให้ผู้ตายตับฉีกขาดถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา
ปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า จำเลยเป็นคนร้ายหรือไม่ โจทก์มีพยานบุคคลเบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุ เห็นจำเลยขับรถจักรยานยนต์แล่นติดตามรถของผู้ตายตั้งแต่ปากทางเข้าบ้านสีถานไปจนถึงบริเวณที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ ผู้ตาย โทรศัพท์แจ้งบิดามารดาไปรับบริเวณที่เกิดเหตุและเล่าให้บิดามารดาฟังว่า ผู้ตายกัดที่มือคนร้ายและใช้มือบีบลูกอัณฑะคนร้าย คนร้ายมีอาการเจ็บปวดที่ลูกอัณฑะจึงชกที่ท้องผู้ตายหลายครั้งแล้ววิ่งไปขับรถจักรยานยนต์ไปทางบ้านสีถาน
ต่อมาในระหว่างที่จำเลยเข้าร่วมประชุมเพื่อสืบหาตัวคนร้ายมีผู้สังเกตเห็นร่องรอยบาดแผลที่นิ้วหัวแม่มือข้าวขวาของจำเลย จึงถ่ายรูปบาดแผลดังกล่าวส่งให้เจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงานตำรวจจึงเชิญตัวจำเลยไปตรวจร่างกาย ผลการตรวจพบบาดแผลที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวาของจำเลย และลูกอัณฑะจำเลยมีอาการบวม จำเลยอ้างว่าบาดแผลดังกล่าวเกิดจากหนูกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการชันสูตรพลิกศพและสัตวแพทย์ตรวจดูภาพถ่ายบาดแผลดังกล่าวแล้วมีความเห็นว่าไม่ใช่บาดแผลที่เกิดจากหนูกัด แต่บาดแผลเข้ากับรอยขบกัดของฟันมนุษย์ได้ นอกจากนี้เจ้าพนักงานตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ขคธ กาฬสินธุ์ 185 จอดอยู่ที่บ้านของบิดามารดาจำเลย โดยมีพยานบุคคลเคยเห็นจำเลยใช้รถต้องสงสัยคันดังกล่าว พนักงานสอบสวนจึงนำรถคันต้องสงสัยและรถของผู้ตายไปตรวจเปรียบเทียนร่องรอยการชนปรากฏว่ารถทั้งสองคันมีร่องรอยความเสียหายที่เข้ากันได้ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่า
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายขับรถจักรยนยนต์ หมายเลขทะเบียบ ขนว ร้อยเอ็ด 443 จากโรงเรียนร่องคำเดินทางกลับบ้านไปตามถนน สายขอนแก่น-โพนทอง เมื่อไปถึงปากทางเข้าบ้านสีถานได้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายบ้านสีถาน-บ้านโนนเมือง ในขณะนั้นจำเลยขับรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน ขคธ กาฬสินธุ์ 185 แล่นสวนทางกับรถของผู้ตาย จำเลยเห็นผู้ตายจึงขับรถย้อนกลับไปไล่ติดตามรถของผู้ตายจนถึงที่เกิดเหตุแล้วขับรถเข้าไปเบียดชนและใช้เท้าถีบรถของผู้ตายจนเสียหลักล้มลงข้างถนน จำเลยลงจากรถเข้าไปดึงตัวผู้ตายไปที่บริเวณทุ่งนาแล้วทำร้ายผู้ตายโดยการบีบคอ ชกต่อยที่ท้อง ลำตัว และใบหน้าผู้ตายและใช้นิ้วสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศผู้ตาย ในขณะที่จำเลยใช้มือข้างขวาปิดปากผู้ตายไม่ให้ส่งเสียงดัง ผู้ตายกัดที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวาของจำเลยและใช้มือบีบลูกอัณฑะจำเลย จำเลยจึงชกต่อยที่ท้องผู้ตายแล้วขับรถหลบหนีไปทางบ้านสีถาน
การที่จำเลยใช้นิ้วสอดใส่เข้าไปในอวัยละเพศผู้ตายถือว่าเป็นการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศผู้ตาย จึงเป็นการกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง พฤติการณ์ที่จำเลยทำร้ายผู้ตายแล้วข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ถือว่าเป็นควาผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายและฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตายตามฟ้อง
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 276 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 277 ทวิ(2),290 วรรคแรก การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตายซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต และให้จำเลยชำระเงิน 2,390,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสณ้จแก่โจทก์ร่วมทั้งสอง
ทั้งนี้ภายหลังตัดสินคดี ครอบครัว พลประสิทธิ์ ร้องไห้ด้วยความดีใจและพอใจในผลคำตัดสินต่อกระบวนการยุติธรรม นางลำไย-นส.ภัทรานิตย์ พลประสิทธิ์ แม่และพี่สาวของน้องสโนว์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันที่ทวงเอาความยุติธรรมให้แก่น้องสโนว์ เพราะตลอดระยะเวลา 464 วันครอบครัวมีความทุกข์ทรมานและหวังเพียงว่ากระบวนการยุติธรรมจะสมารถลงโทษคนร้ายได้
น.ส.ภัทรานิตย์ พลประสิทธิ์ พ่อสาวน้องสโนว์ กล่าวว่า ตั้งแต่เมื่อคืนครอบครัวได้พากันจุดธูปบอกน้องสโนว์ ว่าวันที่รอคอยมาถึงแล้ว ซึ่งต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดกาฬสินธุ์ อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ได้หาพยานหลักฐานไปดำเนินคดีกับคนร้าย ซึ่งต่อไปนี้ครอบครัวก็จะมีความสุข และขอให้เป็นบทเรียนและน้องสโนว์คงเป็นเหยื่อคนสุดท้ายต่อคดีข่มขืน เพราะไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็เสียใจ ทั้งนี้ถึงแม้จะมีการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ แต่ผลคำตัดสินของศาลชั้นต้นออกมานั้นไม่ว่าจะอย่างไรครอบครัวก็จะติดตามต่อไปให้ถึงที่สุด
ขณะที่ นายวิรัช พิพรพงษ์ ทนายฝ่ายจำเลย กล่าวว่า คดีนี้นี้ในส่วนของจำเลยก็เตรียมที่ต่อสู้คดีโดยจะยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน หรือไม่อาจจะขอขยายเวลาในการอุทธรณ์ ซึ่งก็จะต้องตรวจเอกสารสำนวนคำพิพากษาก่อน ส่วนจะหยิบยกประเด็นไหนมาต่อสู้ก็คงต้องตรวจคำพิพากษาก่อน
“น้องสโนว์”
ครอบครัวผู้สูญเสีย
ผู้ต้องหาฆ่าน้องสโนว์ “ผู้ใหญ่บ้านนายกฤติเดช ระเวงวรรณ”
คอมเม้นชาวเน็ต
เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2560 ที่สำนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ นายรัชดา จุฬารี อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้เปิดเผยถึงกระบวนการพิจารณาคดีของ นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน หมู่ที่ 15 ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหา ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย , ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมได้เมื่อวันที่ 4 เมษายน 2559 โดย พ.ต.ท.ประพนธ์ ภูจอมนิล พนักงานสอบสวนผู้รับผิดชอบคดี ได้ทำการส่งสำนวนถึงอัยการเมื่อช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2559 นั้น
เนื่องจากคดีนี้เป็นคดีอุกฉกรรจ์ สะเทือนขวัญ ผู้ต้องหาในคดีเป็นถึงผู้ใหญ่บ้านเป็นผู้นำชุมชนและมีอิทธิพลในพื้นที่ อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้ทำการคัดค้านการประกันตัวตั้งแต่บัดนั้น ส่วนนายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ต้องหา ก็ได้ให้การปฏิเสธ และมีการต่อสู้คดีมายาวนานเกือบ 10 เดือนนั้น
นายรัชดา จุฬารี อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ กล่าวว่า ขณะนี้ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ (ชั้นต้น) ได้กำหนดวันนัดฟังคำพิพากษาคดีนี้ ในวันที่ 30 มีนาคม 2560 เวลา 09.00 น. ซึ่งที่ผ่านมา ตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2559 ภายหลังจากที่พนักงานสอบสวน สภ.กมลาไสย ส่งมอบคดีให้ทางสำนักงานอัยการจังหวัดนั้น สำนักงานอัยการจังหวัดได้ตั้งองค์คณะในการพิจารณาคดีเพื่อส่งฟ้องต่อศาลซึ่งอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ได้แต่งตั้งอัยการเข้าร่วม 3 ท่าน ประกอบ นายพงศ์ศิริ แสนสุข , นายธนานนท์ รัตนาเดชาชัย, และนายศรายุธ แสนบุญ เป็นเจ้าของสำนวน ได้ทำการพิจาณาสำนวนจากพนักงานสอบสวนฯเกือบ 30 วัน จนเมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2559 สำนักงานอัยการฯจึงได้ทำการส่งฟ้องต่อศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ได้รับเป็นคดีดำเลขที่ 2112/2559
และล่าสุด ในวันนี้ 30 มีนาคม 2560 เวลา 09.00 น. ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ (ศาลชั้นต้น) ได้อ่านคำพิพากษาตัดสินให้ประหารชีวิต นายกฤติเดช ระเวงวรรณ อายุ 34 ปี และให้ชดใช้ค่าสินไหม 2,390,000 บาท ซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านสีถาน ตำบลดงลิง ผู้ต้องหาสังหารโหด น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ อายุ 18 ปี หรือน้องสโนว์ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปี 6 โรงเรียนประจำอำเภอร่องคำ
ขณะที่บรรยากาศภายในและภายนอกศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ มีบรรดาญาติของน้องสโนว์และชาวบ้านที่ทราบข่าวพากันมาติดเพื่อขอรับฟัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้จัดกำลังเข้ามาดูแลความปลอดภัย
สำหรับคดีนี้ได้รับการเปิดเผยขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2558 ก่อนเกิดเหตุในช่วงเช้า น้องสโนว์ ขี่รถจักรยานยนต์ไปเรียนตามปกติ จนในช่วงเย็น เวลากลับบ้านถึงที่เกิดเหตุถูกค้นร้ายสะกดรอยขี่จักรยานยนต์ประกบและใช้เท้าถีบ โดยคนร้ายพยามจะข่มขืนแต่ น้องสโนว์ ขัดขืนและได้กัดและบีบลูกอัณฑะ จนสามารถหลีกหนีการข่มขืนได้แต่เนื่องจากถูกทำร้ายมีอาการสาหัสจึงได้เสียชีวิตในเวลาต่อมา จนเมื่อวันที่ 4 เมษายน 2559 ตำรวจภูธรจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้จับกุมตัว นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน หมู่ที่ 15 ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ พร้อมตั้งข้อหาฉกรรจ์ “ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย , ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย โดยได้ส่งสำนวนถึงอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ในช่วงต้นเดือนพฤษภาคม 2559 ซึ่งอัยการจังหวัดได้ตั้งองค์คณะขึ้นมาพิจารณาคดี 1 เดือน แล้วส่งฟ้องศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน 2559 และศาลได้รับเป็นคดีดำที่ 2112/2559 และทำการสืบพยานโจทก์รวม 40 ปากพร้อมพยานเอกสาร ในเดือนพฤศจิกายน 2559 และ ทำการสืบพยานจำเลย 11 ปาก ในช่วงเดือนธันวาคม 2559 และนัดฟังการคำตัดสินคดี ในวันที่ 30 มีนาคม 2560 เวลา 09.00 น.ที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์
ซึ่งในวันนี้ (30 มีนาคม 2560) ผู้สี่อข่าวประจำจังหวัดกาฬสินธุ์ รายงานบรรยากาศการตัดสินคดี ระหว่าง นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน หมู่ที่ 15 ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ ผู้ต้องหา ข่มขืนกระทำชำเรา และทำให้ น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ ถึงแก่ความตาย ซึ่งวันนี้เป็นวันพิพากษาคดี ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้นัดฟังคำพิพากษาที่บัลลังค์ 2 ในเวลา 09.00 น.
และตั้งแต่ในช่วงเช้าตูร่ นายกฤษณ์ นางลำไย พลประสิทธิ์ พ่อแม่น้องสโนว์ และ น.ส.ภัทรานิตย์ พลประสิทธิ์ พี่สาว และญาติกว่าหนึ่งร้อยคน เดินทางเข้ามาเฝ้าติดตาม ขณะที่ฝ่ายจำเลย ญาติ ได้เดินทางมาพร้อม นายวิรัช พิพรพงษ์ ทนายความ ทั้งนี้คดีดังกล่าวอัยการฝ่ายโจกท์ได้ยื่นฟ้องจำเลย ข้อหาข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยขู่เข็ญด้วยประการใดๆ โดยใช้กำลังประทุษร้าย เป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตาย ตั้งแต่วันที่ 4 มิถุนายน 2559 ซึ่งศาลได้ดำเนินการพิจารณาคดีสืบพยานฝ่ายโจกท์ 40 ปากพร้อมเอกสารกว่าหนึ่งร้อยฉบับ ขณะที่สืบฝ่ายจำเลยจำนวน 11 ปาก
การอ่านคำพิพากษาเริ่มขึ้นเวลา 10.00 น.และใช้เวลาอ่านเกือบ 2 ชั่วโมง ซึ่งศาลามีคำพิพากษา จำเลย นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ผู้ใหญ่บ้านสีถาน จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 276 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 277 ทวิ(2),290 วรรคแรก การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฏหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย ซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต และให้จำเลย ชำระเงิน 2,390,000บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ
คำพิพากษามีดังนี้ คดีหมายเลขดำที่2112/2559 ลงวันที่ 30 มีนาคม 2560 พนักงานอัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ โจทก์ นางลำไย พลประสิทธิ์ โจทก์ร่วมที่ 1 นายกฤษ พลประสิทธิ์ โจทก์ร่วมที่ 2 ระหว่างจำเลย นายกฤติเดช ระเวงวรรณ ต่อความผิดต่อชีวิต ข่มขืนกระทำชำเรา
โจทก์ฟ้องให้ลงโทษจำเลยฐานทำร้ายร่างกายผู้อื่นเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายและฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตาย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276,277 ทวิ,290 จำเลยให้การปฏิเสธ
พิเคราะห์พยานหลักฐานโจทก์ โจทห์ร่วมทั้งสองและจำเลยแล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้อต้นจึงรับฟังได้ว่า เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2558 เวลา 18.40 น. น.ส.ฤดีวัลย์ พลประสิทธิ์ ผู้ตาย ขับรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ขนว.ร้อยเอ็ด 443 จากโรงเรียนร่องคำเดินทางกลับบ้านไปตามถนนสายบ้านสีถาน – บ้านโนนเมือง ตำบลดงลิง อำเภอกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุมีคนร้ายขับรถจักรยานยนต์เข้าไปเบียดชนและให้เท้าถีบรถของผู้ตายจนเสียหลักล้มลงข้างถนน จากนั้นคนร้ายดึงลากตัวผู้ตายเข้าไปในทุ่งนาแล้วบีบคอและชกต่อยบริเวณท้อง ลำตัวและใบหน้าผู้ตาย แล้วคนร้ายใช้นิ้วสอดใส่ล่วงล้ำเข้าไปในอวัยวะเพศผู้ตาย ผู้ตายต่อสู้ขัดขืน คนร้ายจึงชกต่อบริเวณท้องผู้ตาย จนเป็นเหตุให้ผู้ตายตับฉีกขาดถึงแก่ความตายในเวลาต่อมา
ปัญหาต้องวินิจฉัยต่อไปมีว่า จำเลยเป็นคนร้ายหรือไม่ โจทก์มีพยานบุคคลเบิกความว่า ก่อนเกิดเหตุ เห็นจำเลยขับรถจักรยานยนต์แล่นติดตามรถของผู้ตายตั้งแต่ปากทางเข้าบ้านสีถานไปจนถึงบริเวณที่เกิดเหตุ หลังเกิดเหตุ ผู้ตาย โทรศัพท์แจ้งบิดามารดาไปรับบริเวณที่เกิดเหตุและเล่าให้บิดามารดาฟังว่า ผู้ตายกัดที่มือคนร้ายและใช้มือบีบลูกอัณฑะคนร้าย คนร้ายมีอาการเจ็บปวดที่ลูกอัณฑะจึงชกที่ท้องผู้ตายหลายครั้งแล้ววิ่งไปขับรถจักรยานยนต์ไปทางบ้านสีถาน
ต่อมาในระหว่างที่จำเลยเข้าร่วมประชุมเพื่อสืบหาตัวคนร้ายมีผู้สังเกตเห็นร่องรอยบาดแผลที่นิ้วหัวแม่มือข้าวขวาของจำเลย จึงถ่ายรูปบาดแผลดังกล่าวส่งให้เจ้าพนักงานตำรวจ เจ้าพนักงานตำรวจจึงเชิญตัวจำเลยไปตรวจร่างกาย ผลการตรวจพบบาดแผลที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวาของจำเลย และลูกอัณฑะจำเลยมีอาการบวม จำเลยอ้างว่าบาดแผลดังกล่าวเกิดจากหนูกัด ผู้เชี่ยวชาญด้านการชันสูตรพลิกศพและสัตวแพทย์ตรวจดูภาพถ่ายบาดแผลดังกล่าวแล้วมีความเห็นว่าไม่ใช่บาดแผลที่เกิดจากหนูกัด แต่บาดแผลเข้ากับรอยขบกัดของฟันมนุษย์ได้ นอกจากนี้เจ้าพนักงานตำรวจได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นเวฟสีน้ำเงิน หมายเลขทะเบียน ขคธ กาฬสินธุ์ 185 จอดอยู่ที่บ้านของบิดามารดาจำเลย โดยมีพยานบุคคลเคยเห็นจำเลยใช้รถต้องสงสัยคันดังกล่าว พนักงานสอบสวนจึงนำรถคันต้องสงสัยและรถของผู้ตายไปตรวจเปรียบเทียนร่องรอยการชนปรากฏว่ารถทั้งสองคันมีร่องรอยความเสียหายที่เข้ากันได้ พยานหลักฐานโจทก์มีน้ำหนักมั่นคงรับฟังได้ว่า
ก่อนเกิดเหตุผู้ตายขับรถจักรยนยนต์ หมายเลขทะเบียบ ขนว ร้อยเอ็ด 443 จากโรงเรียนร่องคำเดินทางกลับบ้านไปตามถนน สายขอนแก่น-โพนทอง เมื่อไปถึงปากทางเข้าบ้านสีถานได้เลี้ยวซ้ายไปตามถนนสายบ้านสีถาน-บ้านโนนเมือง ในขณะนั้นจำเลยขับรถจักรยานยนต์ หมายเลขทะเบียน ขคธ กาฬสินธุ์ 185 แล่นสวนทางกับรถของผู้ตาย จำเลยเห็นผู้ตายจึงขับรถย้อนกลับไปไล่ติดตามรถของผู้ตายจนถึงที่เกิดเหตุแล้วขับรถเข้าไปเบียดชนและใช้เท้าถีบรถของผู้ตายจนเสียหลักล้มลงข้างถนน จำเลยลงจากรถเข้าไปดึงตัวผู้ตายไปที่บริเวณทุ่งนาแล้วทำร้ายผู้ตายโดยการบีบคอ ชกต่อยที่ท้อง ลำตัว และใบหน้าผู้ตายและใช้นิ้วสอดใส่เข้าไปในอวัยวะเพศผู้ตาย ในขณะที่จำเลยใช้มือข้างขวาปิดปากผู้ตายไม่ให้ส่งเสียงดัง ผู้ตายกัดที่นิ้วหัวแม่มือข้างขวาของจำเลยและใช้มือบีบลูกอัณฑะจำเลย จำเลยจึงชกต่อยที่ท้องผู้ตายแล้วขับรถหลบหนีไปทางบ้านสีถาน
การที่จำเลยใช้นิ้วสอดใส่เข้าไปในอวัยละเพศผู้ตายถือว่าเป็นการใช้สิ่งอื่นใดกระทำกับอวัยวะเพศผู้ตาย จึงเป็นการกระทำชำเราตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 วรรคสอง พฤติการณ์ที่จำเลยทำร้ายผู้ตายแล้วข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ถือว่าเป็นควาผิดฐานทำร้ายผู้อื่นจนเป็นเหตุให้ถึงแก่ความตายและฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตายตามฟ้อง
พิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา 276 วรรคหนึ่ง ประกอบมาตรา 277 ทวิ(2),290 วรรคแรก การกระทำของจำเลยเป็นกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษฐานข่มขืนกระทำชำเราเป็นเหตุให้ผู้ถูกกระทำถึงแก่ความตายซึ่งเป็นกฎหมายบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 ให้ประหารชีวิต และให้จำเลยชำระเงิน 2,390,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี นับแต่วันที่ 23 ธันวาคม 2558 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสณ้จแก่โจทก์ร่วมทั้งสอง
ทั้งนี้ภายหลังตัดสินคดี ครอบครัว พลประสิทธิ์ ร้องไห้ด้วยความดีใจและพอใจในผลคำตัดสินต่อกระบวนการยุติธรรม นางลำไย-นส.ภัทรานิตย์ พลประสิทธิ์ แม่และพี่สาวของน้องสโนว์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นวันที่ทวงเอาความยุติธรรมให้แก่น้องสโนว์ เพราะตลอดระยะเวลา 464 วันครอบครัวมีความทุกข์ทรมานและหวังเพียงว่ากระบวนการยุติธรรมจะสมารถลงโทษคนร้ายได้
น.ส.ภัทรานิตย์ พลประสิทธิ์ พ่อสาวน้องสโนว์ กล่าวว่า ตั้งแต่เมื่อคืนครอบครัวได้พากันจุดธูปบอกน้องสโนว์ ว่าวันที่รอคอยมาถึงแล้ว ซึ่งต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจจังหวัดกาฬสินธุ์ อัยการจังหวัดกาฬสินธุ์ ที่ได้หาพยานหลักฐานไปดำเนินคดีกับคนร้าย ซึ่งต่อไปนี้ครอบครัวก็จะมีความสุข และขอให้เป็นบทเรียนและน้องสโนว์คงเป็นเหยื่อคนสุดท้ายต่อคดีข่มขืน เพราะไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็เสียใจ ทั้งนี้ถึงแม้จะมีการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ แต่ผลคำตัดสินของศาลชั้นต้นออกมานั้นไม่ว่าจะอย่างไรครอบครัวก็จะติดตามต่อไปให้ถึงที่สุด
ขณะที่ นายวิรัช พิพรพงษ์ ทนายฝ่ายจำเลย กล่าวว่า คดีนี้นี้ในส่วนของจำเลยก็เตรียมที่ต่อสู้คดีโดยจะยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน หรือไม่อาจจะขอขยายเวลาในการอุทธรณ์ ซึ่งก็จะต้องตรวจเอกสารสำนวนคำพิพากษาก่อน ส่วนจะหยิบยกประเด็นไหนมาต่อสู้ก็คงต้องตรวจคำพิพากษาก่อน
“น้องสโนว์”
ครอบครัวผู้สูญเสีย
ผู้ต้องหาฆ่าน้องสโนว์ “ผู้ใหญ่บ้านนายกฤติเดช ระเวงวรรณ”
คอมเม้นชาวเน็ต