Home »
Uncategories »
10 เคล็ดลับ แก้ง่วงยามบ่าย ชื่นใจแบบง่ายๆไม่ต้องพึ่งกาแฟ
10 เคล็ดลับ แก้ง่วงยามบ่าย ชื่นใจแบบง่ายๆไม่ต้องพึ่งกาแฟ
10 เคล็ดลับ แก้ง่วงยามบ่าย ชื่นใจแบบง่ายๆไม่ต้องพึ่งกาแฟ
ฮ้าววว…คำว่า หนังท้องตึง หน้าตาหย่อน นี่เป็นจริงเสียยิ่งกว่าจริงอีกนะ
แม้ช่วงเช้า ๆ เราจะตื่นมาด้วยความลั้ลลาสดชื่นขนาดไหน
แต่พอทานอาหารเที่ยงเสร็จปุ๊บ ตกบ่ายปั๊บก็เริ่มตาปรือ หาวแล้วหาวอีก
แถมความง่วงยังมาพร้อมกับความมึน คิดงานสำคัญอะไรก็ไม่ออก
เรียนก็ไม่รู้เรื่อง
อย่างนี้ต้องหาวิธีปราบอาการง่วงตอนกลางวันแบบด่วนจี๋ชนิดที่ไม่ต้องพึ่งกาแฟ
ซึ่งเราเอามาฝากแล้ว
1. นอนหลับตอนกลางคืนให้เต็มอิ่ม
ลองคิดดูซิว่าช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เราเข้านอนกันตอนกี่โมง
แล้วตื่นกี่โมง ถ้าเวลานอนของคุณน้อยกว่า 7-8 ชั่วโมงติดต่อกันหลายวันล่ะก็
ไม่แปลกเลยที่คุณจะมาง่วงตอนกลางวัน วิธีแก้ไขก็ไม่ย ากเย็นอะไรเลยล่ะ
แค่ต่อจากนี้ไป เราต้องเข้านอนให้เร็วขึ้น อย่างปกตินอน 5 ทุ่ม
ก็เขยิบมานอนสัก 4 ทุ่ม ให้ร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่
จะได้ไม่มานั่งหาวตอนกลางวันไงล่ะ
แต่ถ้าใครมีอาการนอนไม่หลับ หรือหลับย าก
อันเป็นสาเหตุทำให้ตัวเองนอนไม่พอ อาจจะลองทานนมอุ่น ๆ กล้วย
หรือน้ำผึ้งมาทานก่อนนอน จะช่วยให้หลับสบายขึ้น
หรือจะหาน้ำมันหอมระเหยอย่างลาเวนเดอร์ มาดมดู จะช่วยคลายความเครียด
ทำให้เราหลับได้ง่ายขึ้นเหมือนกัน
2. ออกไปสัมผัสแสงแดดย ามเช้า
รู้ไหมว่าแสงแดดตอนเช้า ๆ ก่อน 9 โมง จะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือ
ดในกล้ามเนื้อของคุณไปสู่สมองมากขึ้น ซึ่งจะทำให้คุณรู้สึกตื่น
และสดชื่นต่อเนื่องตลอดทั้งวันนั่นเอง
ว่าแล้วพรุ่งนี้ก็ตื่นให้เร็วขึ้นสักหน่อย แล้วออกไปสัมผัสแสงแดดกันดีกว่า
ตกบ่ายจะได้ไม่ง่วงเหงาหาวนอน หรือมีอาการครึ่งหลับครึ่งตื่นไงล่ะ
3. จิบน้ำระหว่างวัน
เมื่อนึกถึง น้ำ เราจะนึกถึงความสดชื่นมาเป็นอันดับแรก เพราะฉะนั้น น้ำ
ก็เป็นตัวช่วยชั้นเลิศในการแก้ง่วงได้เหมือนกัน
อย่างที่มีคำแนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 8-10 แก้ว ก็เป็นเรื่องที่ถูกต้องเลย
และต้องดื่มแบบจิบ ๆ ตลอดทั้งวัน
เพราะการที่ร่างกายได้รับน้ำอย่างสม่ำเสมอจะช่วยทำให้ระดับออกซิเจนในร่างกายเพิ่มขึ้น
ชาร์จพลังงานในตัวให้เพิ่มขึ้นด้วย
อ้อ..ที่สำคัญคือ น้ำที่ดื่มควรเป็นน้ำอุ่นอุณหภูมิห้องด้วยนะ
เพื่อให้ร่างกายดูดซึมไปใช้ในระบบไหลเวียนมาเลี้ยงเลือ ดได้ทันที
จะช่วยเพิ่มความสดชื่น กระปรี้กระเปร่าได้ดี แต่ถ้าใครสงสัยว่า อ้าว
แล้วดื่มน้ำเย็น ๆ ให้ชื่นใจไม่ได้เหรอ
งานนี้ ต้องบอกว่า การดื่มน้ำเย็นเกินไป จะทำให้เส้นเลือ
ดที่อยู่ในระบบทางเดินอาหารหดตัวลง กว่าเซลล์จะปรับตัวและขย
ายตัวเพื่อดูดซึม ต้องใช้เวลานานพอสมควร ต่างจากน้ำธรรมดาที่อุณหภูมิ
ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายดูดซึมมาเลี้ยงเลือ ดได้ทันทีเลย
4. ขอเวลางีบสัก 10-15 นาที
ถ้ารู้ตัวล่วงหน้าว่าช่วงบ่าย ๆ เราคงต้องหลับแน่ ๆ
ก็ต้องเตรียมตัวตั้งแต่ตอนพักกลางวันก่อนเลย โดยหาที่เหมาะ ๆ
หรือบนโต๊ะทำงานนั่นแหละ งีบหลับสัก 10-15 นาที
มีงานวิจัยหลายแห่งยืนยันตรงกันว่า
คนที่งีบหลับในตอนกลางวันจะมีความจำดีขึ้น รู้สึกตื่นตัวขึ้น
และมีประสิทธิภาพในการทำอะไรต่ออะไรได้ดีขึ้นด้วย
แต่ไม่ควรนอนเกินครึ่งชั่วโมงไม่เช่นนั้นคุณอาจจะหลับลึกไปเลยแล้วตื่นขึ้นมาด้วยอาการมึนงง
แทนที่จะสดชื่นย ามบ่าย กลายเป็นง่วงหนักกว่าเดิมอีกนะจ๊ะ
5. เลี่ยงคาร์โบไฮเดรตหนัก ๆ ในมื้อเที่ยง
ถ้ามื้อเที่ยงที่ผ่านมา เราจัดหนักจัดเต็มกับอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาล
ก็อาจทำให้ช่วงบ่าย ๆ มีอาการง่วงซึมได้อย่างไม่ต้องสงสัย
เพราะการทานอาหารมื้อใหญ่ ๆ ที่หนักแป้ง หนักน้ำตาล จะทำให้เลือ
ดไหลไปเลี้ยงกระเพาะอาหารมากขึ้น
เพื่อเร่งย่อยอาหารในปริมาณมากให้แล้วเสร็จ
ทีนี้ก็จะทำให้เลือ ดที่ไหลไปเลี้ยงสมองมีน้อยลง หรือไหลเวียนช้าลง ทำให้เราง่วงซึม เฉื่อยชา หลังจากทานอาหารแล้วนั่นเอง
6. บอกลาของหวาน
หลายคนคิดว่า ถ้าง่วงก็กินซะสิ ให้ปากได้ขยับเคี้ยวของหวาน ๆ
บ้างจะได้แก้ง่วงได้ เอ้า…จริง ๆ
ของหวานก็ช่วยทำให้เรากระชุ่มกระชวยได้อยู่หรอกค่ะ แต่แค่แป๊บเดียวเองนะ
เพราะเมื่อเราทานของหวานซึ่งเป็นสารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรตชนิดเร่งด่วน
จะไปทำให้ตับอ่อนต้องหลั่งอินซูลินออกมามากขึ้น
ทีนี้ น้ำตาลในเลือ ดเราก็จะสูงขึ้นไปด้วย ส่งผลให้เราเกิดความรู้สึกง่วงนอนตามมา เพราะฉะนั้น บอกลาของหวานเลย ถ้าไม่อย ากหลับผล็อย
7. ยืดเส้นยืดสายกันหน่อย
อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กระเปร่าทันตาเห็นก็คือการยืดเส้น
ยืดสายนี่แหละจ้า ถ้านั่งทำงานอยู่หลายชั่วโมงแล้วง่วงจัด
ก็ให้ลุกขึ้นเดินไปเดินมาซะบ้าง จะลุกไปยืนคุยกับเพื่อนแผนกอื่น
ขึ้นลงบันไดไป ๆ มา ๆ หรือเดินเข้าไปในห้องน้ำ แล้วแอบยืดเส้นยืดสาย
กระโดดตบเล่นให้ร่างกายได้ตื่นตัวหน่อยก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครเห็นจริงมะ
การลุกขึ้นมากระโดดตบจะช่วยเร่งอัตราการเต้นของหัวใจ นอกจากนี้
ยังช่วยเพิ่มระดับอะดรีนาลีนและคอร์ติซอล
ซึ่งช่วยชาร์จพลังงานให้แก่ร่างกายด้วย ถ้าอย ากสดชื่นก็อย่าได้แคร์ใคร
เอ้า…ลุกขึ้นมากระโดดตบกันเร็ว
8. ฟังเพลงกันเถอะ
หาหูฟังดี ๆ สักอันมาครอบหูแล้วเปิดเพลงฟังแก้ง่วงย ามบ่ายกันดีกว่า
การฟังเพลงจะช่วยทำให้เรามีสมาธิ และเพิ่มความตื่นตัวขึ้นด้วย
แต่ต้องฟังกับหูฟังเท่านั้น อย่าเปิดผ่านลำโพง
ส่วนจะเลือกฟังเพลงแบบไหนนั้น
ขึ้นอยู่กับตัวเราเองค่ะว่าเพลงแบบไหนจะช่วยทำให้เราตื่นตัวได้มากที่สุด
ก็ลองค้นหาแนวเพลงที่เหมาะกับเราดูนะ
9. ฝึกลมหายใจ
ถ้าไม่รู้จะแก้ง่วงอย่างไรดี
งั้นลองมาฝึกลมหายใจปลุกตัวเองให้กระฉับกระเฉงขึ้นก็แล้วกัน
เริ่มจากนั่งหลับตา พย าย ามหายใจเข้าออกถี่ ๆ ทางจมูก ถ้าทำได้สักวินาทีละ
3 รอบก็จะดีมาก แต่ถ้าทำไม่ได้ ก็เอาเท่าที่ไหวค่ะ
ทำไปจนกระทั่งเรารู้สึกว่ากล้ามเนื้อที่ฐานต้นคอ เหนือกระดูกไหปลาร้า
และที่กระบังลมเกิดการเคลื่อนไหวตาม
ลองทำแบบนี้ติดต่อกันสัก 15 วินาที แล้วกลับมาหายใจแบบปกติ
ทำสลับกันไปเรื่อย ๆ จนถึง 1 นาที
วิธีนี้จะช่วยกระตุ้นระบบประสาทส่วนกลางให้ทำงานมากขึ้น
ทำให้เรารู้สึกมีพลัง ตื่นตัว แก้ง่วงได้ดีนักแล
10. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
รู้กันอยู่แล้วล่ะว่าการออกกำลังกายมีแต่ประโยชน์ แล้วก็ยังช่วยแก้ง่วงย
ามบ่ายได้เหมือนกันนะ เพราะการออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง
เป็นประจำ จะช่วยเติมพลังให้ร่างกาย เหมือนมีไฟตลอดเวลา
แถมยังปลุกความสดชื่นให้สมองอีกด้วย เอ้า ลุกขึ้นมาออกกำลังกายกันหน่อยจ้า
ได้เคล็ดลับไปแล้วก็ลองนำไปใช้สลัดความง่วงกันดูนะ ตอนบ่าย ๆ จะได้ไม่ต้องหาวแล้วหาวอีกให้เซ็งอีกต่อไป
ที่มา kapook.com