เตรียมข้าวสวยร้อน
ๆ กินกับ “หมูต้มซีอิ๊ว” ราดน้ำพอฉ่ำ ก่อนตักเข้าปากได้กลิ่นหอมอวล
พอถึงเวลาเคี้ยวนี่ไม่อยากกลืนเลยเพราะกลัวหมด
บอกเลยว่าเนื้อนุ่มมากและไม่เลี่ยนด้วย
ใครกลัวอ้วนคงไม่เหมาะกับเมนูหมูต้มซีอิ๊วสูตรนี้ แต่ทั้งนี้ก็สามารถดัดแปลงเป็นปลาแซลมอนต้มซีอิ๊ว ปลาทูต้มซีอิ๊ว ไก่ต้มซีอิ๊ว หรือกุ้งต้มซีอิ๊วก็ได้เช่นกันจ้า
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
เอ่ยถึงเมนูต้มซีอิ๊ว โดยเฉพาะสามชั้นต้มซีอิ๊ว ถ้าซื้อกินไม่จุใจก็ทำกินเองเลยสิคะ กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำหมูต้มซีอิ๊ว หรือหมูฮ้อง สูตรจาก คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
จับหมูสามชั้นหั่นชิ้นผัดกับเครื่องโขลก ปรุงรสด้วยน้ำปู
ต้มจนน้ำงวดและเนื้อหมูเปื่อย ตัดเลี่ยนด้วยสับปะรดปั่น
และปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บ กินกับไข่ต้มยางมะตูม
หมอกควันไฟจากประเทศอินโดนีเซียปกคลุมทั่วท้องฟ้าทั้งบนฝั่งและในทะเล
ท้องฟ้ามืดสลัว ควันปกป้องพรางแดดไว้ยิ่งทำให้หายใจลำบากขึ้น
แม้จะมีลมพัดพามาบ้างก็เหมือนกับยิ่งพัดหอบเอาควันไฟป่ามาในปริมาณมากขึ้น
ชาวเรือเล็กไม่ออกวางอวนวางลอบเพราะไม่ได้ตัว
บางครอบครัวก็ป่วยจากภาวะการหายใจ จับไข้ ทั้งไอทั้งจาม
อากาศที่เปลี่ยนแปลงในช่วงปลายปี หรือที่เรียกกันว่า
ปลายฝนต้นหนาวกำลังเริ่ม เมื่อไม่มีอาหารทะเลให้ทำกับข้าว
ก็ต้องขึ้นบกกินหมูกินไก่
และอาหารที่เหมาะสำหรับอากาศในข่วงนี้คงหนีไม่พ้นอาหารที่มีไขมันสูง
เพื่อให้ร่างกายอบอุ่น มีพลังงานไว้ต่อสู้กับสภาพอากาศในยามนี้
เศรษฐกิจบ้านเราในช่วงนี้มันเหมือนกับการขาดสภาพคล่อง เงินทองหายาก สินค้ากลุ่มยางและปาล์มมีราคาตกต่ำ สวนทางกับค่าเงินบาทที่แข็งดั่งภูเขา เมื่อก่อน 1$ มีค่าถึง 32 บาทกว่า ๆ มาตอนนี้เหลือเพียง 30.38 บาท การส่งออกพากันตายเป็นแถบเพราะเรทเงินบาทแข็งค่า แต่ก็ยังแอบดีใจเมื่อมีโรคอหิวาต์หมูระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน ทำเอาราคาหมูและไก่ในบ้านเราเป็นที่ต้องการของตลาด ราคาพุ่งไป 30-40% จากเดิม ผู้ที่ได้ประโยชน์รายใหญ่ก็คงไม่พ้นกลุ่มเจ้าสัวและผู้ประกอบธุรกิจหมูไก่ นี่แหละมั้งที่เขาบอกกันว่า “รวยกระจุก จนกระจาย” ประชาชนแทนที่จะได้รับอานิสงส์ กลับกลายเป็นต้องซื้อหมูแพงขึ้นตามกลไกตลาดที่เอื้อเฉพาะนายทุน ถึงอย่างไรเราก็ต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ ทั้งสภาพอากาศที่เลวร้ายและเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง
เศรษฐกิจบ้านเราในช่วงนี้มันเหมือนกับการขาดสภาพคล่อง เงินทองหายาก สินค้ากลุ่มยางและปาล์มมีราคาตกต่ำ สวนทางกับค่าเงินบาทที่แข็งดั่งภูเขา เมื่อก่อน 1$ มีค่าถึง 32 บาทกว่า ๆ มาตอนนี้เหลือเพียง 30.38 บาท การส่งออกพากันตายเป็นแถบเพราะเรทเงินบาทแข็งค่า แต่ก็ยังแอบดีใจเมื่อมีโรคอหิวาต์หมูระบาดในประเทศเพื่อนบ้าน ทำเอาราคาหมูและไก่ในบ้านเราเป็นที่ต้องการของตลาด ราคาพุ่งไป 30-40% จากเดิม ผู้ที่ได้ประโยชน์รายใหญ่ก็คงไม่พ้นกลุ่มเจ้าสัวและผู้ประกอบธุรกิจหมูไก่ นี่แหละมั้งที่เขาบอกกันว่า “รวยกระจุก จนกระจาย” ประชาชนแทนที่จะได้รับอานิสงส์ กลับกลายเป็นต้องซื้อหมูแพงขึ้นตามกลไกตลาดที่เอื้อเฉพาะนายทุน ถึงอย่างไรเราก็ต้องก้าวผ่านมันไปให้ได้ ทั้งสภาพอากาศที่เลวร้ายและเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง
ส่วนผสม หมูต้มซีอิ๊ว
- หมูสามชั้น
- พริกไทย
- รากผักชี
- กระเทียม
- เม็ดผักชี
- น้ำปู 2-3 ช้อน
- น้ำเปล่า
- โป๊ยกั๊ก 1-2 แท่ง
- ดอกจันทน์ 2-3 ดอก
- สับปะรด
- น้ำตาลปี๊บ
วิธีทำหมูต้มซีอิ๊ว
► สามชั้นต้มซีอิ๊ว
หรือบางคนเรียกว่าหมูฮ้อง ตะโกเคยเขียนไว้แล้ว
แต่คราวนี้จะปรับสูตรให้เข้มข้นขึ้นจากเดิม
เริ่มตั้งแต่การใช้ขาหมูมาร่วมกับสามชั้น แต่คงจะลำบากสำหรับคุณแม่บ้าน
เพราะขาหมูจะสุกยากกว่าสามชั้น เอาเป็นว่าใช้สามชั้นอย่างเดียวนะครับ
เลือกสามชั้นที่มันน้อยคือราวนม จะมีเนื้อแดงที่อร่อย ไม่แข็งเมื่อสุก
หนังก็จะหนุบแบบพอดี เนื้อชั้นกลางก็มีความนุ่ม
► เอารากผักชี พริกไทย และกระเทียมมาตำให้แหลก
► แล้วเอาเม็ดผักชีมาคั่วไฟจนหอม แล้วเอาไปตำกับส่วนผสมกระเทียมจนละเอียด บางคนไม่ชอบกลิ่นก็ผ่านไปเลยนะครับ ไม่จำเป็นต้องใส่
►
ใส่เครื่องโขลกลงไปผัดจนกระเทียมเริ่มสุก ใส่หมูสามชั้นหั่นชิ้นใหญ่
หั่นขนาด 2 นิ้ว หรือ 5 เซนติเมตร
ที่ต้องหั่นชิ้นใหญ่เพราะเมื่อสุกเข้าที่จะไม่เละเหมือนชิ้นเล็ก ๆ
และยังดูสวยงาม
► เอาสามชั้นลงผัดจนเข้ากันดี และหนังหมูเริ่มตึง
► เมื่อได้ที่ก็ใส่ซีอิ๊วลงไป
ตะโกชอบยี่ห้อนี้เพราะมีรสที่ถูกปากกว่าซีอิ๊วไทยมาก
น้ำปูคือชื่อเรียกของซอสขวดนี้ มีใช้กันแพร่หลายในจังหวัดติดชายแดนมาเลเซีย
บางท่านอาจจะเลือกใช้ซีอิ๊วหรือซอสถั่วเหลืองตามท้องตลาดได้
หรือใช้โชยุก็มีความหอมมากขึ้น อาจจะใช้คิคโคแมนผสมก็ได้
เอาตามที่ชอบได้เลย ใส่ซีอิ๊วเพิ่มสัก 2-3 ช้อน เพื่อเรียกสี
ที่ตะโกใช้คือฉลากส้มรสกลมกล่อมดี
► หลังจากนั้นใส่น้ำพอท่วม ใส่โป๊ยกั๊ก 1-2 แท่ง และดอกจันทน์ 2-3 ดอก ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องใส่นะครับ
► ต้มไฟอ่อนไปเรื่อย ๆ จนน้ำเริ่มงวด จะสังเกตได้จากหนังหมูตึงใส
และเนื้อแดงเปื่อยนุ่ม ก็ปรุงรสต่อไปโดยใช้สับปะรดปั่นให้แหลก
ใส่ลงไปตามปริมาณของหมู
► ใส่น้ำตาลปี๊บ ชิมรสชาติดูให้มีรสเค็ม เปรี้ยวนิด ๆ หวานตามไม่มาก คล้าย 3 รสชาติในถ้วยเดียว
► ไข่เป็ด ไข่ไก่ ไข่นกกระทา ใช้ได้หมด ต้มแบบยางมะตูมยิ่งอร่อย
► ตักชิมหมูชิ้นหนึ่ง
เมื่อเข้าปากได้กลิ่นพริกไทยกับรากผักชีหอมกรุ่น มีรสเค็มจาง ๆ จากซีอิ๊ว
เปรี้ยวไม่ออกรสมาก หวานไม่จัดตามมา หนังหมูใส ๆ มีความหนุบหนับ
เนื้อหมูชั้นกลางเหนียวพอเคี้ยวอร่อย หมูแดงชั้นล่างแตกเป็นเส้น
มันช่างหอมยั่วยวนให้ต้องรีบคดข้าวร้อน ๆ มารอ
สามชั้นมันน้อยกินแล้วไม่เลี่ยน
เพราะมีเครื่องเทศและสับปะรดมาตัด เมื่อตักราดบนข้าวสวยร้อน ๆ
ไอความร้อนพัดกลิ่นให้หอมขึ้น เหมือนกับจะบอกว่า ให้รีบตักเข้าปาก
เพราะหอมยั่วยวน ชวนทรมานความหิวใครกลัวอ้วนคงไม่เหมาะกับเมนูหมูต้มซีอิ๊วสูตรนี้ แต่ทั้งนี้ก็สามารถดัดแปลงเป็นปลาแซลมอนต้มซีอิ๊ว ปลาทูต้มซีอิ๊ว ไก่ต้มซีอิ๊ว หรือกุ้งต้มซีอิ๊วก็ได้เช่นกันจ้า
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณมอแกนน้อย สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม