Home »
Uncategories »
ไอเดียเก๋ ‘จานกาบหมาก’ เพิ่มมูลค่า ช่วยลดโลกร้อน ผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย
ไอเดียเก๋ ‘จานกาบหมาก’ เพิ่มมูลค่า ช่วยลดโลกร้อน ผลิตเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย
โดยวันนี้เราจะพาทุกคนนั้นไปชมกับอีกหนึ่งไอเดียเก๋ที่บอกเลยว่าสามารถสร้างสรรค์ช่วยลดโลกร้อนอีกทั้งยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก
ซึ่งสิ่งเหล่านั้นก็คือใบกาบหมากนั่นเองบอกเลยว่าเป็นสิ่งที่ใครหลายคนนั้นไม่สนใจแต่มันก็สามารถสร้างมูลค่าได้มากมายเลยทีเดียว
โดยจุดเริ่มต้นมาจากการที่คุณสุมาลี
ภิญโญผู้ที่ริเริ่มทำจานกาบหมากก็ได้มีการเปิดเผยว่าในช่วงปี 2539
ก็ได้รับมอบหมายให้จัดงานเลี้ยงอาหารขันโตกที่อำเภอเนินสูง
จังหวัดนครราชสีมาโดยมีงานประเพณีภาคอีสานซึ่
งก็จะมีการกินอาหารกันในช่วงภาคค่ำ โดยในสมัยนั้นภาชนะต่างๆก็จะเป็นโฟม
ซึ่งสวนทางกับตีมงานเป็นอย่างมากที่มีความย้อนยุคทั้งโทรมยังมีเป็นขยะที่กำจัดได้ยากต่อมาก็มีการเปลี่ยนใช้เป็นกระทงและใบตอง
แต่ทว่าสิ่งเหล่านี้ก็สามารถใส่อาหารได้น้อย
ยิ่งอาหารที่มีน้ำก็รั่วและฉีกขาดง่าย โดยในตอนนั้นยังหาแนวทางไม่ออก
จนกระทั่งได้มาพบกับใบกาบหมากจากต้นหมากจึงได้นำมาทดลองขึ้นเป็นรูปจานชามปรากฏว่าใส่อาหารได้ทุกชนิดจากนั้นก็มีการต่อยอดขึ้นมาจนเกิดกลายเป็นธุรกิจของตัวเอง
โดยคุณสุมาลีนั้นได้พบเจอใบกาบหมากตามพื้นที่ ที่ร่วงอยู่ตามปก
ติโดยส่วนใหญ่นั้นชาวสวนก็จะนำไปเผาเพื่อทำลายแต่ก็ได้สังเกตว่าใบลักษณะนี้มีแข็งก็เลยให้สามีที่เป็นช่างลองขึ้นรูปเป็นจานปรากฏว่า
สามารถใส่อาหารร้อนเย็นได้เป็นอย่างดีอีกทั้งที่ใส่น้ำไม่รั่ว
เข้าไมโครเวฟ ก็ได้ก็เลยทำขายเลยตั้งแต่นั้นในปี 2540
ก็ได้มีการพัฒนามาเรื่อยๆจนกระทั่งในปี 2547
ก็ได้มีการส่งสินค้าของตัวเองเข้าเป็นประกวดสินค้า OTOP จนสามารถได้ 4
ดาวโดยปีการขายงานโอทอปต่างๆ ซึ่งบอกเลยว่าสามารถขายได้ดิบได้ดี
สินค้านั้นแทบจะไม่พอขายถึงขั้นต้องทำตามออเดอร์กันเลยทีเดียว
“ย่านอำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ชาวบ้านปลูกต้นหมากกันมาก
ส่วนใหญ่จะเก็บแต่ลูกหมากไปเคี้ยว กาบหมากหรือใบมักจะถูกทิ้ง หรือนำไปเผา
ดิฉันนำมาทดลองทำภาชนะ โดยคิดค้นเครื่องจักรปั๊มขึ้นรูป โดยใช้ความร้อน
สามารถผลิตกาบหมากออกมาเป็นภาชนะรูปแบบต่างๆ”
ด้วยตั้งแต่นั้นมาจานกาบหมากของคุณสุมาลีนั้นก็เป็นรู้จักกันมากขึ้นอีกทั้งยังมีการตั้งชื่อแบรนด์ว่า‘วีรษา’
(VEERASA) ชื่อนี้มาจากชื่อของคุณปู่ และคุณย่า รวมกัน
“วีระ+อุษา”นั่นเองโดยจานกาบหมาก นี้มีขายมานานตั้งแต่ปี 47
แต่ก็เพิ่งเป็นรู้จักในปี 60
โดยอาศัยจัดการออกบูธอย่างสม่ำเสมอและมีลูกค้าบอกกันแบบต่อปากต่อ
ถึงขนาดมีลูกค้าชาวต่างชาติบินมาสั่งที่โรงงานเลยก็มีเช่นจากประเทศสวิสเซอร์แลนด์หรือประเทศอังกฤษ
โดยจุดเด่นของภาชนะนี้ก็คือมาจากธรรมชาติ 100%
ปราศจากสารเคมีและไม่มีการฟอกสี เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นอย่างมาก
อีกทั้งไม่แตกหักง่ายน้ำหนักเบาใส่อาหารและมนูได้ทุกชนิดสามารถเข้าเวฟได้ไม่อ่อนตัวทนความร้อนได้เป็นอย่างดีมีกลิ่นหอมและยังมีลวดลายที่เป็นเอกลักษณ์อีกด้วยทั้งสามารถย่อยสลายเองได้ภายใน
40-45 วันเท่านั้น
ซึ่งวัสดุที่คุณสุมาลีในการใช้นั้นส่วนหนึ่งเธอก็ปลูกเองแต่อีกส่วนหนึ่งก็รับมาจากชาวเกษตรกรหรือจะรับในราคากิโลกรัมละ
8
บาทเพราะว่าวัสดุในการทำของส่วนตัวเองนะไม่เพียงพอต่อความต้องการจึงส่งเสริมให้ชาวเกษตรมีการปลูกต้นหมากกันมากยิ่งขึ้น
โดยจะรับซื้อทั้งหมดและดำเนินการแล้วที่ตำบลหนองสาหร่าย อำเภอปากช่อง
โดยพื้นที่ประมาณ 1 ไร่เนื้อสามารถปลูกต้นหมากได้ประมาณ 1,000
ต้นอีกทั้งยังมีการยกให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวและแหล่งการเรียนรู้ว่าสำหรับนักท่องเที่ยวอีกด้วยค่ะ
นอกจากคุณสุมาลีแล้วยังมีคุณหวานอีกคนหนึ่ง หรือ คุณจันทิมา พิพิธสุนทร
วัย 29
ปีได้มีการแปรรูปจากใบกาบหมากเป็นผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อมโดยตัวเธอนั้นเรียนจบสาขาชีวเคมีคณะวิทยาศาสตร์จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมีแนวคิดเริ่มต้นในการที่จะทำกิจกรรมเพื่อสังคมเพื่อสิ่งแวดล้อมอีกทั้งยังช่วยในการคัดแยกขยะซึ่งก็ได้มีการทำมาตั้งแต่
2011 โดยมีการสนับสนุนจาก บริติชเคาท์ซิล
“เราเห็นปัญหาขยะที่เกิดขึ้นในบ้านเรา
ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เราทำกิจกรรมนี้ ซึ่งมองว่า
ไม่ใช่มีแต่พลาสติกเท่านั้นที่เราสามารถนำมาใช้ได้ แต่มีวัสดุอีกมากมาย
ที่นำมาใช้ได้ บางอย่างผ่านภูมิปัญญามาอย่างยาวนาน โดยก่อนหน้านี้
เราหาวัสดุหลากหลาย แต่พบว่ากาบหมากมีความเหมาะสมที่สุด เนื่องจาก
ที่เราไปดูองค์ความรู้ ก็มีการนำไปห่อข้าว ก็มีความคงทน ก็ขึ้นรูปได้เลย
แต่ถ้าเป็นใบตอง อาจจะซ้อนกันหลายใบ และผ่านหลายขั้นตอน”
โดยนัยตรงนี้ก็ทำให้คุณหวานั้นหาวัสดุยังไหนก็ตามมาทำโดยจะต้องเป็นวัสดุที่ทำได้ง่ายและไม่ผ่านขั้นตอนหลากหลายมากเกินไปโดยกาบหมากนั้นถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยแล้วยังขึ้นรูปด้วยความร้อน
100 ถึง 200
องศาเซลเซียสก็สามารถใช้ได้และเธอนั้นก็พยายามรักษาความสวยงามและคงความเป็นธรรมชาติอีกด้วย
ซึ่งในปัจจุบันภาชนะจากกาบหมากก็ได้มีการทำในเชิงการค้าและมีโรงงานการผลิตเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้ามากยิ่งขึ้นโดยส่วนใหญ่ก็จะเป็นโรงแรมและร้านค้าที่ต้องการสร้างภาพลักษณ์องค์กรในเรื่องของทางด้านสิ่งแวดล้อมโดยแม้ว่าจานกาบหมากจะมีราคาแพงมากกว่าโฟมหรือพลาสติก
7-8 เท่าแต่นั่นก็เพื่อตอบสนองลูกค้าที่ต้องการรักษาสิ่งแวดล้อมเท่านั้น
ซึ่งหากใครสนใจนั้นก็สามารถไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.begreeningware.com หรือที่ เฟซบุ๊ก Begreening กันได้เลยค่ะ