ของกินใกล้ตัว ที่ไม่ควรนำไปแช่ตู้เย็น นอกจากไม่อร่อยแล้ว แถมเชื้อราเพียบ!
"ตู้เย็น" นับเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นมากๆ สำหรับทุกครัวเรือนในปัจจุบัน เรียกว่าขาดไม่ได้เลยทีเดียว หลายๆ คนเคยชินที่จะนำอาหารทุกอย่างแช่ในตู้เย็น เพื่อหวังให้ช่วยรักษาคุณภาพของอาหารไว้ได้นานมากขึ้น
เป็นเรื่องจริงที่ความเย็น ช่วยรักษาคุณภาพของอาหารไว้ได้ แต่ไม่ใช่กับอาหารทุกชนิด! เพราะยังมีอาหารอีกหลายชนิดที่ไม่ควรแช่ในตู้เย็นเลย ซึ่งทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีด้วยซ้ำ มีอาหารชนิดใดบ้างที่ไม่ควรแช่ในตู้เย็น แม่บ้านทั้งหลายไม่ควรพลาด ตามไปดูกันค่ะ
1. มันฝรั่ง
ความหนาวเย็นจะทำให้แป้งในมันฝรั่งกลายเป็นเนื้อทรายรวมถึงสูญเสียรสหวานไป ทำให้มันฝรั่งเสียรสชาติที่ดี ดังนั้นควรเก็บมันฝรั่งไว้ในถุงกระดาษและเก็บไว้ในที่ที่แห้งและเย็น หรือเก็บไว้ในลิ้นชักจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
2. น้ำผึ้ง
หากเก็บน้ำผึ้งไว้ในตู้เย็น น้ำผึ้งจะตกผลึกแข็งและจับตัวเป็นก้อนเมื่ออยู่ในอุณหภูมิที่หนาวเย็น ดังนั้นเพียงแค่ตั้งขวดน้ำผึ้งไว้นอกตู้เย็นและเก็บให้พ้นแสงแดด ในอุณหภูมิห้องปกติ จะได้เก็บสารให้ความหวานตามธรรมชาตินี้ได้อย่างสมบูรณ์
3. มะเขือเทศ
ความเย็นในตู้เย็นจะทำให้มะเขือเทศเสียรสชาติ จนในที่สุดมะเขือเทศจะสุกงอมและเหี่ยวในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้นเก็บมะเขือเทศไว้ด้านนอกที่แห้งและห่างจากแสงแดดจะเหมาะสมกว่า
4. แอปเปิ้ล
เหตุผลเดียวกับมะเขือเทศคือหากเก็บแอปเปิลไว้ในตู้เย็นจะทำให้มันเสียรสชาติ แต่ถ้าหากอยากจะรับประทานให้ได้รสชาติหวานเย็น ก็เพียงปอกแล้วนำไปแช่ตู้เย็นก่อนรับประทานสัก 30 นาที
5. เมลอน
เราควรจัดเก็บเมลอนไว้บนเคาท์เตอร์เพื่อรสชาติที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับแตงโม แคนตาลูป โดยงานวิจัยของ USDA ยังพบว่าการเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องจะไม่ทำให้เมลอนสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระ และเมื่อหั่นเป็นชิ้นก็ควรเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 3-4 วัน
6. หัวหอม
หัวหอมที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกหรือหั่น ไม่ควรนำไปแช่เย็นเนื่องจากความชื้นในตู้เย็นจะทำให้เกิดเป็นรา นิ่มและเละ และกลิ่นของมันจะทำให้อาหารอื่นมีกลิ่นตามไปด้วย ที่ๆ เหมาะสมที่สุดสำหรับการเก็บหัวหอมคือการเก็บมันไว้ในถุงกระดาษที่มืด และเย็นหรือเก็บในลิ้นชัก สำหรับหัวที่หั่นแล้วก็ใส่ในถุงเก็บไว้ในช่องเก็บผัก
7. น้ำมัน
ทั่วไปแล้วควรวางไว้ในอุณหภูมิห้องปกติมากกว่า แต่สำหรับน้ำมันประเภทที่มีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ เช่นน้ำมันดอกคำฝอยหรือน้ำมันดอกทานตะวัน ก็จะดีกว่าถ้าเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เย็น เช่นตำแหน่งของประตูตู้เย็น
8. ซอสมะเขือเทศและซอสพริก
ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้เย็นเนื่องจากมีน้ำส้มสายชูจำนวนมากที่ป้องกันการเติบโตของแบคทีเรียอยู่แล้ว โดยเฉพาะซอสพริกนั้น ความเผ็ดร้อนของพริกจะมีศักยภาพมากที่สุด เมื่ออยู่ในอุณหภูมิห้อง ดังนั้นควรเก็บให้อยู่ในตู้กับข้าวก็พอแล้ว
9. แตงโม
ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูง เนื่องจากมีน้ำเยอะ เป็นแหล่งวิตามินเอและวิตามินซี แต่การนำแตงโมไปแช่ไว้ในตู้เย็นจะทำแตงโมสูญเสียสารเหล่านั้นที่มีประโยชน์ต่อร่างกายไปอย่างน่าเสียดาย อีกทั้งเมื่อมันอยู่ในตู้เย็นมีโอกาสที่มันจะแตกและกลายเป็นจุดๆ ดีที่สุดคือการเก็บแตงโมไว้นอกตู้เย็น แต่ถ้าหั่นแล้วคุณสามารถนำมันไปแช่ตู้เย็นได้
10. กาแฟ
ไม่ควรแช่กาแฟไว้ในตู้เย็น เพราะจะทำให้กาแฟเสียรสชาติที่ควรจะเป็น แถมยังทำให้กลิ่นของกาแฟนั้นเปลี่ยนไป ไม่หอมเท่าที่ควรด้วย เพราะกาแฟได้ดูดกลิ่นจากตู้เย็นเข้ามาเก็บไว้นั่นเอง ทางที่ดีเก็บใส่กล่องที่มีฝาปิดมิดชิดจะดีกว่า
11. ถั่ว
อุณหภูมิที่เย็นอาจช่วยป้องกันการเหม็นหืนจากน้ำมันธรรมชาติในถั่วได้ แต่ก็สามารถกำจัดรสชาติถั่วได้เช่นกัน นอกจากนี้เปลือกถั่วก็ยังสามารถดูดซับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ ในตู้เย็นไว้อีกด้วย ทางที่ดีควรจัดเก็บถั่วไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทในตู้กับข้าว หากมีถั่วจำนวนมากในตู้เย็นก็ควรคั่วถั่วในกระทะก่อนที่จะนำมาใช้
12. กระเทียม
การนำกระเทียมไปแช่ไว้ในตู้เย็นจะทำให้กระเทียมงอกเป็นต้นขึ้นมาและขึ้นราได้ง่าย แถมยังทำให้เนื้อของกระเทียมนั้นหดเร็วขึ้นด้วย เราสามารถรักษารสชาติของกระเทียมได้ โดยการจัดเก็บไว้ในภาชนะที่แห้ง เย็น และมีอากาศถ่ายเท เมื่อมีการปอกหัวกระเทียมออกก็ควรใช้ให้หมดภายใน 10 วัน
13. ใบโหระพาและใบกะเพรา
เพราะจะทำให้ใบโหระพานั้นแห้งและเหี่ยวไว อีกทั้งใบโหระพายังดูดซับกลิ่นจากตู้เย็นเข้ามาไว้ในตัวอีกด้วย เช่นนั้นก็จะนำไปประกอบอาหารไม่ได้อีกต่อไป
14. ขนมปัง
การเก็บขนมปังไว้ในตู้เย็นจะทำให้ขนมปังแข็งจนเกินไป ดังนั้นเก็บไว้นอกตู้เย็นจะได้ขนมปังที่รสชาติดีกว่า หรือหากว่าคุณมีขนมปังจำนวนมากสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้โดยใช้ผ้าขาวบางห่อก่อนที่จะนำไปแช่
15. กล้วย
ถ้ากล้วยยังมีเปลือกสีเหลืองปกติให้วางกล้วยไว้ในอุณหภูมิห้อง แต่เมื่อมันเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลก็สามารถแช่ในช่องแช่แข็งได้
16. เหล้า
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดรวมถึงเหล้าที่ไว้หมักเนื้อสัตว์ต่างๆ หรือปรุงอาหาร ไม่ควรนำเหล้าไปแช่ตู้เย็น เพราะสีและรสชาติเปลี่ยนไปแน่นอน ควรวางไว้ที่อุณหภูมิห้องปกติก็พอแล้ว
17. ฟักทอง
The Canadian Produce Marketing Association (CPMA) บอกไว้ว่า วิธีเก็บผักผลไม้สดอย่างฟักทอง ต้องเก็บไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดี เน้นพื้นที่แห้งๆ ไม่โดนแดด ไม่ร้อนอบ จึงจะช่วยยืดอายุฟักทองได้ดี
18. ส้ม
ไม่ควรเก็บไว้ในตู้เย็น แต่ควรวางไว้ในอุณหภูมิห้องปกติ โดยใส่ถุงและมัดปากถุงให้แน่น เนื่องจากเมื่อเก็บพวกมันไว้ในตู้เย็นมันเสี่ยงที่จะเป็นเชื้อราได้ง่าย
19. ผักกาดดอง
เป็นอาหารที่มีสารกันบูดและน้ำส้มสายชูในปริมาณสูง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็น แต่ก็สามารถนำไปแช่ในตู้เย็นได้ แนะนำให้วางไว้ในตู้เย็นบริเวณประตูตู้เย็นก็พอ
20. ซอสถั่วเหลือง
เครื่องปรุงรสอาหารอีกประเภทหนึ่งที่มีสารกันบูดและเกลือดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นต้องแช่ในตู้เย็น
เป็นอย่างไรบ้างคะ มีอาหารชนิดไหนที่คุณมักจะนำไปแช่เย็นทั้งๆ ที่ไม่ควรบ้างหรือเปล่าเอ่ย เชื่อว่าต้องมีอยู่หลายข้ออย่างแน่นอนเลยทีเดียว ได้รู้เช่นนี้แล้วอย่าลืมบอกต่อเพื่อนของคุณด้วยนะ
ข้อมูลและภาพ จาก samunpaisecrete
"ตู้เย็น" นับเป็นอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าที่จำเป็นมากๆ สำหรับทุกครัวเรือนในปัจจุบัน เรียกว่าขาดไม่ได้เลยทีเดียว หลายๆ คนเคยชินที่จะนำอาหารทุกอย่างแช่ในตู้เย็น เพื่อหวังให้ช่วยรักษาคุณภาพของอาหารไว้ได้นานมากขึ้น
เป็นเรื่องจริงที่ความเย็น ช่วยรักษาคุณภาพของอาหารไว้ได้ แต่ไม่ใช่กับอาหารทุกชนิด! เพราะยังมีอาหารอีกหลายชนิดที่ไม่ควรแช่ในตู้เย็นเลย ซึ่งทำให้เกิดผลเสียมากกว่าผลดีด้วยซ้ำ มีอาหารชนิดใดบ้างที่ไม่ควรแช่ในตู้เย็น แม่บ้านทั้งหลายไม่ควรพลาด ตามไปดูกันค่ะ
1. มันฝรั่ง
ความหนาวเย็นจะทำให้แป้งในมันฝรั่งกลายเป็นเนื้อทรายรวมถึงสูญเสียรสหวานไป ทำให้มันฝรั่งเสียรสชาติที่ดี ดังนั้นควรเก็บมันฝรั่งไว้ในถุงกระดาษและเก็บไว้ในที่ที่แห้งและเย็น หรือเก็บไว้ในลิ้นชักจึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่า
2. น้ำผึ้ง
หากเก็บน้ำผึ้งไว้ในตู้เย็น น้ำผึ้งจะตกผลึกแข็งและจับตัวเป็นก้อนเมื่ออยู่ในอุณหภูมิที่หนาวเย็น ดังนั้นเพียงแค่ตั้งขวดน้ำผึ้งไว้นอกตู้เย็นและเก็บให้พ้นแสงแดด ในอุณหภูมิห้องปกติ จะได้เก็บสารให้ความหวานตามธรรมชาตินี้ได้อย่างสมบูรณ์
3. มะเขือเทศ
ความเย็นในตู้เย็นจะทำให้มะเขือเทศเสียรสชาติ จนในที่สุดมะเขือเทศจะสุกงอมและเหี่ยวในเวลาอันรวดเร็ว ดังนั้นเก็บมะเขือเทศไว้ด้านนอกที่แห้งและห่างจากแสงแดดจะเหมาะสมกว่า
4. แอปเปิ้ล
เหตุผลเดียวกับมะเขือเทศคือหากเก็บแอปเปิลไว้ในตู้เย็นจะทำให้มันเสียรสชาติ แต่ถ้าหากอยากจะรับประทานให้ได้รสชาติหวานเย็น ก็เพียงปอกแล้วนำไปแช่ตู้เย็นก่อนรับประทานสัก 30 นาที
5. เมลอน
เราควรจัดเก็บเมลอนไว้บนเคาท์เตอร์เพื่อรสชาติที่ดีที่สุดเช่นเดียวกับแตงโม แคนตาลูป โดยงานวิจัยของ USDA ยังพบว่าการเก็บรักษาที่อุณหภูมิห้องจะไม่ทำให้เมลอนสูญเสียสารต้านอนุมูลอิสระ และเมื่อหั่นเป็นชิ้นก็ควรเก็บไว้ในตู้เย็นได้ประมาณ 3-4 วัน
6. หัวหอม
หัวหอมที่ยังไม่ได้ปอกเปลือกหรือหั่น ไม่ควรนำไปแช่เย็นเนื่องจากความชื้นในตู้เย็นจะทำให้เกิดเป็นรา นิ่มและเละ และกลิ่นของมันจะทำให้อาหารอื่นมีกลิ่นตามไปด้วย ที่ๆ เหมาะสมที่สุดสำหรับการเก็บหัวหอมคือการเก็บมันไว้ในถุงกระดาษที่มืด และเย็นหรือเก็บในลิ้นชัก สำหรับหัวที่หั่นแล้วก็ใส่ในถุงเก็บไว้ในช่องเก็บผัก
7. น้ำมัน
ทั่วไปแล้วควรวางไว้ในอุณหภูมิห้องปกติมากกว่า แต่สำหรับน้ำมันประเภทที่มีกรดไขมันอิ่มตัวต่ำ เช่นน้ำมันดอกคำฝอยหรือน้ำมันดอกทานตะวัน ก็จะดีกว่าถ้าเก็บไว้ในอุณหภูมิที่เย็น เช่นตำแหน่งของประตูตู้เย็น
8. ซอสมะเขือเทศและซอสพริก
ไม่จำเป็นต้องเก็บไว้ในตู้เย็นเนื่องจากมีน้ำส้มสายชูจำนวนมากที่ป้องกันการเติบโตของแบคทีเรียอยู่แล้ว โดยเฉพาะซอสพริกนั้น ความเผ็ดร้อนของพริกจะมีศักยภาพมากที่สุด เมื่ออยู่ในอุณหภูมิห้อง ดังนั้นควรเก็บให้อยู่ในตู้กับข้าวก็พอแล้ว
9. แตงโม
ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้ที่มีสารต้านอนุมูลอิสระค่อนข้างสูง เนื่องจากมีน้ำเยอะ เป็นแหล่งวิตามินเอและวิตามินซี แต่การนำแตงโมไปแช่ไว้ในตู้เย็นจะทำแตงโมสูญเสียสารเหล่านั้นที่มีประโยชน์ต่อร่างกายไปอย่างน่าเสียดาย อีกทั้งเมื่อมันอยู่ในตู้เย็นมีโอกาสที่มันจะแตกและกลายเป็นจุดๆ ดีที่สุดคือการเก็บแตงโมไว้นอกตู้เย็น แต่ถ้าหั่นแล้วคุณสามารถนำมันไปแช่ตู้เย็นได้
10. กาแฟ
ไม่ควรแช่กาแฟไว้ในตู้เย็น เพราะจะทำให้กาแฟเสียรสชาติที่ควรจะเป็น แถมยังทำให้กลิ่นของกาแฟนั้นเปลี่ยนไป ไม่หอมเท่าที่ควรด้วย เพราะกาแฟได้ดูดกลิ่นจากตู้เย็นเข้ามาเก็บไว้นั่นเอง ทางที่ดีเก็บใส่กล่องที่มีฝาปิดมิดชิดจะดีกว่า
11. ถั่ว
อุณหภูมิที่เย็นอาจช่วยป้องกันการเหม็นหืนจากน้ำมันธรรมชาติในถั่วได้ แต่ก็สามารถกำจัดรสชาติถั่วได้เช่นกัน นอกจากนี้เปลือกถั่วก็ยังสามารถดูดซับกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์อื่นๆ ในตู้เย็นไว้อีกด้วย ทางที่ดีควรจัดเก็บถั่วไว้ในภาชนะที่ปิดสนิทในตู้กับข้าว หากมีถั่วจำนวนมากในตู้เย็นก็ควรคั่วถั่วในกระทะก่อนที่จะนำมาใช้
12. กระเทียม
การนำกระเทียมไปแช่ไว้ในตู้เย็นจะทำให้กระเทียมงอกเป็นต้นขึ้นมาและขึ้นราได้ง่าย แถมยังทำให้เนื้อของกระเทียมนั้นหดเร็วขึ้นด้วย เราสามารถรักษารสชาติของกระเทียมได้ โดยการจัดเก็บไว้ในภาชนะที่แห้ง เย็น และมีอากาศถ่ายเท เมื่อมีการปอกหัวกระเทียมออกก็ควรใช้ให้หมดภายใน 10 วัน
13. ใบโหระพาและใบกะเพรา
เพราะจะทำให้ใบโหระพานั้นแห้งและเหี่ยวไว อีกทั้งใบโหระพายังดูดซับกลิ่นจากตู้เย็นเข้ามาไว้ในตัวอีกด้วย เช่นนั้นก็จะนำไปประกอบอาหารไม่ได้อีกต่อไป
14. ขนมปัง
การเก็บขนมปังไว้ในตู้เย็นจะทำให้ขนมปังแข็งจนเกินไป ดังนั้นเก็บไว้นอกตู้เย็นจะได้ขนมปังที่รสชาติดีกว่า หรือหากว่าคุณมีขนมปังจำนวนมากสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นได้โดยใช้ผ้าขาวบางห่อก่อนที่จะนำไปแช่
15. กล้วย
ถ้ากล้วยยังมีเปลือกสีเหลืองปกติให้วางกล้วยไว้ในอุณหภูมิห้อง แต่เมื่อมันเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลก็สามารถแช่ในช่องแช่แข็งได้
16. เหล้า
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดรวมถึงเหล้าที่ไว้หมักเนื้อสัตว์ต่างๆ หรือปรุงอาหาร ไม่ควรนำเหล้าไปแช่ตู้เย็น เพราะสีและรสชาติเปลี่ยนไปแน่นอน ควรวางไว้ที่อุณหภูมิห้องปกติก็พอแล้ว
17. ฟักทอง
The Canadian Produce Marketing Association (CPMA) บอกไว้ว่า วิธีเก็บผักผลไม้สดอย่างฟักทอง ต้องเก็บไว้ในที่ที่อากาศถ่ายเทได้ดี เน้นพื้นที่แห้งๆ ไม่โดนแดด ไม่ร้อนอบ จึงจะช่วยยืดอายุฟักทองได้ดี
18. ส้ม
ไม่ควรเก็บไว้ในตู้เย็น แต่ควรวางไว้ในอุณหภูมิห้องปกติ โดยใส่ถุงและมัดปากถุงให้แน่น เนื่องจากเมื่อเก็บพวกมันไว้ในตู้เย็นมันเสี่ยงที่จะเป็นเชื้อราได้ง่าย
19. ผักกาดดอง
เป็นอาหารที่มีสารกันบูดและน้ำส้มสายชูในปริมาณสูง ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็น แต่ก็สามารถนำไปแช่ในตู้เย็นได้ แนะนำให้วางไว้ในตู้เย็นบริเวณประตูตู้เย็นก็พอ
20. ซอสถั่วเหลือง
เครื่องปรุงรสอาหารอีกประเภทหนึ่งที่มีสารกันบูดและเกลือดังนั้นมันจึงไม่จำเป็นต้องแช่ในตู้เย็น
เป็นอย่างไรบ้างคะ มีอาหารชนิดไหนที่คุณมักจะนำไปแช่เย็นทั้งๆ ที่ไม่ควรบ้างหรือเปล่าเอ่ย เชื่อว่าต้องมีอยู่หลายข้ออย่างแน่นอนเลยทีเดียว ได้รู้เช่นนี้แล้วอย่าลืมบอกต่อเพื่อนของคุณด้วยนะ
ข้อมูลและภาพ จาก samunpaisecrete