นี่คือความเชื่อของคนโบราณเกี่ยวกับ ฟ้าร้องฟ้าแลบ ต้องรู้เอาไว้บ้าง

นี่ก็ย่างเข้าฤดูฝนแล้ว ท่านคงรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงของดินฟ้าอากาศได้ดี เป็นเรื่องธรรมดาในฤดูฝนนี้ เราก็ได้ยินเสียงฟ้าร้องฟ้าลั่นอยู่ครืนโครม คนที่ประสาทอ่อนจะหวาดกลัวฟ้าแลบเป็นอย่างยิ่งเรื่องฟ้าร้องฟ้าแลบนี้มีอยู่ในวรรณคดี เป็นความเชื่อของคนโบราณ จะขอนำมาเล่าสู่กันฟัง คือ เรื่อง เมขลาล่อแก้วกับรามสูรขว้างขวาน นั่นเอง เรื่องเมขลากับรามสูรเป็นเรื่องที่ควรศึกษาเรื่องเหนึ่งเพราะเป็นวรรคดีสำคัญที่มีจินตนาการอย่างแปลกมาก คือกวีคิดว่าการฟ้าแลบฟ้าร้องนั้นก็เพราะเมขลากับรามสูรรบกัน

ขอพูดถึงนางเมขลาก่อน นางเมขลานั้นเป็นอัปสร เธอมีแก้ววิเศษดวงหนึ่ง ด้วยเหตุที่เมขลามีแก้วเป็นของวิเศษ บางทีคนจะเรียกนางว่า มณีเมขลา หนังสือสมญาภิธานรามเกียรติ์ของพระสารประเสริฐ (ตรี นาคะประทีป) ให้ลักษณะของนางว่า เป็นนางฟ้าเจ้าแม่มหาสมุทร , สีเมฆมอ มีดวงแก้ววิเศษ เรื่องรามเกียรติ์เป็นเรื่องข้างพราหมณ์ที่ถือว่านางมณีเมขลาเป็นเจ้าแม่มหาสมุทร ในชาดก ทางพระพุทธศาสนาก็มีเช่นเดียวกัน ถือว่านางมณีเมขลาเป็นเทพธิดานางสมุทรเหมือนกัน ดังจะเห็นได้จากเรื่อง สมุทรโฆษคำฉันท์ นางมณีเมขลามิได้กระทำหน้าที่ช่วยพระโพธิสัตว์ให้พ้นภัยในมหาสมุทร พระอินทร์จึงตำหนินางเมขลาว่าไม่ใฝ่ใจต่อหน้าที่ จึงยุติได้ว่านางมณีเมขลานั้นมีอยู่อยู่ในทางศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ

ส่วนศัตรูสำคัญของนางเมขลานั้นเป็นอสูรหรือยักษ์มีนามว่า รามสูร รามสูรเป็นอสูรเทพบุตร ซึ่งมีฤทธิ์เดชมาก สีกายเขียว มีขวานเพชรเป็นอาวุธ รามสูรอยู่สวรรค์ชั้นจตุมหาราชิกา เป็นนักเลงโตบนเวหา มีชื่อเรื่องเที่ยวเกะกะระรานเทวดา

รามสูรเคยรบกับกับอรชุนซึ่งเป็นเทวดานักรบขณะท่องเที่ยวอยู่ในอากาศและแย่งกันชมอัปสร เทพอรชุนเสียท่าถูกรามสูรจับสองเท้าฟาดเขาพระสุเมรุจนเขานั้นทรุด เทพอรชุนจึงเสียชีวิต รามสูรโอหังถึงขนาดท้ารบกับพระราม และยอมแพ้เมื่อทราบว่าพระรามมี ๔ กร คือเป็นพระนารายณ์

เรื่องอื่นขอยกไว้ ขอให้เราได้ฟังเรื่องเมขลาล่อแก้วเสียก่อน

ครั้งหนึ่งเป็นเทศกาลวสันตฤดู เทวดาและอัปสรต่างจับระบำรำฟ้อนกันอย่างสนุกสนาน และคราวนั้นเองรามสูรได้พบกับนางเมขลา และนางเมขลาได้ใช้แก้วล่อ รามสูรก็ขว้างขวานอยู่เปรี้ยงๆ ขอเชิญฟังเมขลาล่อแก้ว รามสูรขว้างขวานเสีย

เมื่อนั้น

เลี้ยวไล่รามสูรอสุรี

ทำทีประหนึ่งจะให้แก้ว

ครั้นรามสูรเลี้ยวไล่มา

นางแกล้งเลี้ยวลัดฉวัดเฉวียน

มือหนึ่งชูดวงมณี

เมื่อนั้น

ครั้นแสงแก้วแวววับจับตา นางเมขลามารศรี

กรโยนมณีจินดา

กรอกแสงพราวแพรวบนหัตถา

กัลยาเลี้ยวไล่อสุรี

เวียนไปตามจักรราศี

ทำทีเยาะเย้ยอสุรา

รามสูรสิทธิศักดิ์ยักษา

อสุรากริ้วโกรธคือไฟ

ไทยเราคิดเห็นไปว่าเมื่อเวลาฟ้าแลบฟ้าร้องนั้น ก็คือเวลาเมขลาล่อแก้วและรามสูรขว้างขวานนี่เอง แสงแก้วคือแสงฟ้าแลบ เสียงขวานคือฟ้าร้อง

ขอบคุณบทความดีๆจาก http://www.rspg.thaigov.net โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรตนราชสุดาสยามบรมราชกุมารี