นายสิทธศักดิ์ ใจชื่นบาน หรือ อาจารย์อู๊ด อายุ 49 ปี
อาจารย์สอนเกี่ยวกับเครื่องยนต์ของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง
และเป็นเจ้าของฟาร์มไส้เดือน อ.อู๊ด จ.นนทบุรี ที่บ้านเลขที่ 94/317 ซอย 14
หมู่บ้านสิวารัตน์ หมู่ 11 ถนนบางกรวย-ไทรน้อย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง
จ.นนทบุรี โดย อ.อู๊ดเคยเป็นอาจารย์สอนให้กับวิทยาลัยชื่อดังหลายแห่ง
และเป็นครูฝึกให้กับช่างในบริษัทต่างๆ
สำหรับจุดเริ่มต้นของการเลี้ยงไส้เดือนนั้น เนื่องจาก อ.อู๊ด
เป็นคนชอบปลูกต้นไม้ จึงศึกษาหาวิธีทำให้ต้นไม้ออกดอกและให้ผลดี
จึงเริ่มศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากอินเทอร์เน็ต
และพบว่าไส้เดือนมีประโยชน์กับดินมาก ซึ่งจะส่งผลถึงต้นไม้ที่ปลูกด้วย
จนเป็นที่มาของการทดลองเลี้ยงเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับดินภายในบ้านและเหลือใช้จนสามารถจำหน่ายให้กับเพื่อนบ้านได้ ต่อมาพบว่าการเลี้ยงไส้เดือนสามารถเพิ่มรายได้ จึงเริ่มศึกษาและทดลองเลี้ยงอย่างจริงจัง
อ.อู๊ด เปิดเผยว่าครั้งแรกที่เริ่มเลี้ยงไส้เดือน เพราะจะเอามูลมาบำรุงดินที่สวนภายในบ้าน เนื่องจากที่บ้านถมด้วยทรายล้วนๆ ไม่มีดินเลย โดยไปซื้อชุดหัดเลี้ยงมา แต่ด้วยความที่ไม่มีความรู้ ไส้เดือนจึงตายเกือบหมด หลังจากนั้นได้เข้าอบรมหลายครั้งจนมีความรู้มากพอ จึงได้เริ่มเลี้ยงไส้เดือนใหม่ ผลปรากฎว่าได้ผลดี โดย อ.อู๊ด ได้แนะนำวิธีการเลี้ยงไส้เดือนให้ทราบดังนี้
1. จัดหาสถานที่ที่โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่โดนแดดและฝน
2. จัดหาวัตถุดิบสำหรับเลี้ยง ภาชนะ (กะละมัง) ใส่พันธุ์ไส้เดือนควรเป็นพลาสติกเจาะรูระบายน้ำ
3. ใช้มูลวัวนม สำหรับเป็นอาหารให้กับไส้เดือน เพราะมีสารอาหารมาก
4. พ่อ-แม่พันธุ์ไส้เดือน ที่สามารถเลี้ยงได้ดี คือ พันธุ์ AF หรือแอฟริกัน ไนท์ ครอเลอร์ เป็นพันธุ์ที่ทนอากาศร้อนแบบประเทศไทยได้ดี ตัวใหญ่ กินเก่ง ให้มูลมาก , พันธุ์ไทเกอร์ ตัวเล็ก ราคาต้นทุนสูง หายาก , พันธุ์สีน้ำเงิน ตัวเล็ก , พันธุ์ไทย มีไส้เดือนแดง และพันธุ์ขี้ตาแร ตัวใหญ่ ทนอากาศร้อนได้ดี แต่ชอบหนีออกนอกภาชนะ
5. เตรียมที่อยู่ให้ไส้เดือน โดยนำมูลวัวนมแช่น้ำโดยใส่ภาชนะขนาดใหญ่ทิ้งไว้อย่างน้อย 5 วัน เพื่อที่จะคลายความร้อนและความเป็นกรดในมูลวัว หลังจากให้ตักมูลวัวขึ้นพอหมาดๆ นำไปใส่ในภาชนะที่เจาะรูไว้ ใส่ปริมาณ 60% ของภาชนะ เปิดมูลวัวให้เป็นหลุมกลางภาชนะ เพื่อที่จะนำพ่อ-แม่พันธุ์ไส้เดือนที่เตรียมไว้ใส่ลงไปประมาณ 3 ขีด
วางลงไปโดยไม่ต้องกลบ สังเกตว่าไส้เดือนมีการชอนไชลงไปในมูลวัวหรือไม่ ถ้าไส้เดือนยังเกาะกลุ่มอยู่แสดงว่ามูลร้อนหรือมีกรดมากไป ต้องนำไส้เดือนออกและเตรียมมูลวัวใหม่ให้เหมาะสม
6. หลังจากใส่ไส้เดือนไปแล้วต้องหมั่นรดน้ำเพื่อเพิ่มความชื้น 3 วันต่อครั้ง จนครบ 20 วันให้หยุดให้น้ำ และปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รดน้ำเพิ่มอีก 10 วัน จนครบ 1 เดือน ก็สามารถเก็บมูลไส้เดือนมาใช้ทำปุ๋ยได้แล้ว ซึ่งภาชนะขนาดความกว้าง 40 นิ้ว จะได้มูลไส้เดือนประมาณ 3 กก.
สำหรับการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อเป็นรายได้เสริมนั้น มูลไส้เดือนและตัวไส้เดือน สามารถจำหน่ายได้ โดยปัจจุบัน อ.อู๊ด เปิดเป็นฟาร์มเลี้ยงไส้เดือนที่ภายในบริเวณบ้าน มีภาชนะเลี้ยงประมาณ 50 กะละมัง สามารถเก็บมูลขายและจำหน่ายพันธุ์ไส้เดือน รายได้ประมาณ 15,000-20,000 บาทต่อเดือน
โดยมูลไส้เดือนขายได้ กก.ละ 30 บาท เพื่อนำไปเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ให้งอกงามและให้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ ส่วนพ่อ-แม่พันธุ์ จำหน่าย กก.ละ 600 บาท ถ้า 2 กก.ขึ้นไปจำหน่ายในราคา 500 บาท ปัจจุบันทางฟาร์มผลิตได้ไม่ทันจำหน่าย มีลูกค้าสั่งจองเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าซื้อในปริมาณน้อยพอที่จะแบ่งขายได้
ผู้ที่สนใจอยากเพาะเลี้ยงหรือศึกษา สามารถติดต่อได้ที่ เบอร์โทร. 08-4419-8000 ส่วนผู้ใดสนใจจะเริ่มเพาะเลี้ยงทางฟาร์มมีชุดเลี้ยงเริ่มต้นไว้จำหน่าย ราคาชุดละ 400 บาท พร้อมทั้งสอนวิธีเลี้ยงให้
จากการพูดคุยกับ อ.อู๊ด ทราบว่าครอบครัวของอาจารย์ อยู่กับ 3 คน พ่อ-แม่-ลูก ตนและภรรยาช่วยกันเพาะเลี้ยงไส้เดือนเป็นรายได้เสริม ทำกันแบบเศรษฐกิจพอเพียงตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สอนไว้ ตอนนี้ยังไม่คิดจะเพิ่มผลผลิต แต่อยากสอนผู้ที่สนใจให้มีความรู้นำไปเลี้ยงเอง เพื่อสร้างรายได้
ถ้าตนเพิ่มพื้นที่เพาะเลี้ยงก็ต้องเพิ่มคนดูแล มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รายได้อาจจะเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่เกรงว่าคุณภาพของผลผลิตจะไม่ดี จึงคิดว่าทำแค่นี้ดีกว่าเป็นกิจกรรมยามว่างจากงานประจำ ตนยินดีสอนให้กับคนที่สนใจศึกษาเพิ่มเติม ไม่คิดเงินติดต่อมาได้หรือจะมาเยี่ยมชมก็ได้ เลี้ยงไม่ยาก เเละมีรายได้พอสมควร
ขอบคุณเนื้อหาจาก:http://money.sanook.com
จนเป็นที่มาของการทดลองเลี้ยงเพื่อเพิ่มคุณค่าให้กับดินภายในบ้านและเหลือใช้จนสามารถจำหน่ายให้กับเพื่อนบ้านได้ ต่อมาพบว่าการเลี้ยงไส้เดือนสามารถเพิ่มรายได้ จึงเริ่มศึกษาและทดลองเลี้ยงอย่างจริงจัง
อ.อู๊ด เปิดเผยว่าครั้งแรกที่เริ่มเลี้ยงไส้เดือน เพราะจะเอามูลมาบำรุงดินที่สวนภายในบ้าน เนื่องจากที่บ้านถมด้วยทรายล้วนๆ ไม่มีดินเลย โดยไปซื้อชุดหัดเลี้ยงมา แต่ด้วยความที่ไม่มีความรู้ ไส้เดือนจึงตายเกือบหมด หลังจากนั้นได้เข้าอบรมหลายครั้งจนมีความรู้มากพอ จึงได้เริ่มเลี้ยงไส้เดือนใหม่ ผลปรากฎว่าได้ผลดี โดย อ.อู๊ด ได้แนะนำวิธีการเลี้ยงไส้เดือนให้ทราบดังนี้
1. จัดหาสถานที่ที่โปร่ง อากาศถ่ายเทได้สะดวก ไม่โดนแดดและฝน
2. จัดหาวัตถุดิบสำหรับเลี้ยง ภาชนะ (กะละมัง) ใส่พันธุ์ไส้เดือนควรเป็นพลาสติกเจาะรูระบายน้ำ
3. ใช้มูลวัวนม สำหรับเป็นอาหารให้กับไส้เดือน เพราะมีสารอาหารมาก
4. พ่อ-แม่พันธุ์ไส้เดือน ที่สามารถเลี้ยงได้ดี คือ พันธุ์ AF หรือแอฟริกัน ไนท์ ครอเลอร์ เป็นพันธุ์ที่ทนอากาศร้อนแบบประเทศไทยได้ดี ตัวใหญ่ กินเก่ง ให้มูลมาก , พันธุ์ไทเกอร์ ตัวเล็ก ราคาต้นทุนสูง หายาก , พันธุ์สีน้ำเงิน ตัวเล็ก , พันธุ์ไทย มีไส้เดือนแดง และพันธุ์ขี้ตาแร ตัวใหญ่ ทนอากาศร้อนได้ดี แต่ชอบหนีออกนอกภาชนะ
5. เตรียมที่อยู่ให้ไส้เดือน โดยนำมูลวัวนมแช่น้ำโดยใส่ภาชนะขนาดใหญ่ทิ้งไว้อย่างน้อย 5 วัน เพื่อที่จะคลายความร้อนและความเป็นกรดในมูลวัว หลังจากให้ตักมูลวัวขึ้นพอหมาดๆ นำไปใส่ในภาชนะที่เจาะรูไว้ ใส่ปริมาณ 60% ของภาชนะ เปิดมูลวัวให้เป็นหลุมกลางภาชนะ เพื่อที่จะนำพ่อ-แม่พันธุ์ไส้เดือนที่เตรียมไว้ใส่ลงไปประมาณ 3 ขีด
วางลงไปโดยไม่ต้องกลบ สังเกตว่าไส้เดือนมีการชอนไชลงไปในมูลวัวหรือไม่ ถ้าไส้เดือนยังเกาะกลุ่มอยู่แสดงว่ามูลร้อนหรือมีกรดมากไป ต้องนำไส้เดือนออกและเตรียมมูลวัวใหม่ให้เหมาะสม
6. หลังจากใส่ไส้เดือนไปแล้วต้องหมั่นรดน้ำเพื่อเพิ่มความชื้น 3 วันต่อครั้ง จนครบ 20 วันให้หยุดให้น้ำ และปล่อยทิ้งไว้โดยไม่รดน้ำเพิ่มอีก 10 วัน จนครบ 1 เดือน ก็สามารถเก็บมูลไส้เดือนมาใช้ทำปุ๋ยได้แล้ว ซึ่งภาชนะขนาดความกว้าง 40 นิ้ว จะได้มูลไส้เดือนประมาณ 3 กก.
สำหรับการเลี้ยงไส้เดือนเพื่อเป็นรายได้เสริมนั้น มูลไส้เดือนและตัวไส้เดือน สามารถจำหน่ายได้ โดยปัจจุบัน อ.อู๊ด เปิดเป็นฟาร์มเลี้ยงไส้เดือนที่ภายในบริเวณบ้าน มีภาชนะเลี้ยงประมาณ 50 กะละมัง สามารถเก็บมูลขายและจำหน่ายพันธุ์ไส้เดือน รายได้ประมาณ 15,000-20,000 บาทต่อเดือน
โดยมูลไส้เดือนขายได้ กก.ละ 30 บาท เพื่อนำไปเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ให้งอกงามและให้ผลผลิตเป็นที่น่าพอใจ ส่วนพ่อ-แม่พันธุ์ จำหน่าย กก.ละ 600 บาท ถ้า 2 กก.ขึ้นไปจำหน่ายในราคา 500 บาท ปัจจุบันทางฟาร์มผลิตได้ไม่ทันจำหน่าย มีลูกค้าสั่งจองเป็นจำนวนมาก แต่ถ้าซื้อในปริมาณน้อยพอที่จะแบ่งขายได้
ผู้ที่สนใจอยากเพาะเลี้ยงหรือศึกษา สามารถติดต่อได้ที่ เบอร์โทร. 08-4419-8000 ส่วนผู้ใดสนใจจะเริ่มเพาะเลี้ยงทางฟาร์มมีชุดเลี้ยงเริ่มต้นไว้จำหน่าย ราคาชุดละ 400 บาท พร้อมทั้งสอนวิธีเลี้ยงให้
จากการพูดคุยกับ อ.อู๊ด ทราบว่าครอบครัวของอาจารย์ อยู่กับ 3 คน พ่อ-แม่-ลูก ตนและภรรยาช่วยกันเพาะเลี้ยงไส้เดือนเป็นรายได้เสริม ทำกันแบบเศรษฐกิจพอเพียงตามที่ในหลวงรัชกาลที่ 9 สอนไว้ ตอนนี้ยังไม่คิดจะเพิ่มผลผลิต แต่อยากสอนผู้ที่สนใจให้มีความรู้นำไปเลี้ยงเอง เพื่อสร้างรายได้
ถ้าตนเพิ่มพื้นที่เพาะเลี้ยงก็ต้องเพิ่มคนดูแล มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น รายได้อาจจะเท่าเดิมหรือเพิ่มขึ้นนิดหน่อย แต่เกรงว่าคุณภาพของผลผลิตจะไม่ดี จึงคิดว่าทำแค่นี้ดีกว่าเป็นกิจกรรมยามว่างจากงานประจำ ตนยินดีสอนให้กับคนที่สนใจศึกษาเพิ่มเติม ไม่คิดเงินติดต่อมาได้หรือจะมาเยี่ยมชมก็ได้ เลี้ยงไม่ยาก เเละมีรายได้พอสมควร
ขอบคุณเนื้อหาจาก:http://money.sanook.com