เผยความลับ! วิธีกำจัดเหาแบบได้ผล...โดยที่แพทย์ไม่ได้บอกคุณ

เหาเป็นฝันร้ายที่สุดของผู้ปกครองทุกคน พวกเขากลัวว่าเด็กของพวกเขาจะติดเหามาจากโรงเรียน เมื่อเด็กกลับบ้านมามักจะบ่นว่าคันหัว พวกเขารู้ว่ามันน่ารำคาญและยากที่จะกำจัด

เหา เป็นแมลงที่มีขนาดเล็กกินเลือดมนุษย์และยังแพร่กระจายได้ง่ายอีกด้วย ปกติแล้วเด็กๆในโรงเรียนมักจะเป็นเหากันง่าย


แต่เมื่อโตขึ้นมันก็จะหายไปเอง ถึงแม้ว่าเหาจะไม่เป็นอันตราย แต่พวกมันทำให้เกิดอาการคันสร้างความรำคาญอย่างมากและทำให้หนังศีรษะอักเสบ หากพวกมันไม่ถูกกำจัดออกไปพวก

มันจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วและยังนำไปสู่การติดเชื้อได้

คุณสามารถหาแชมพูหรือผลิตภัณฑ์กำจัดเหาได้ในท้องตลาด แต่มีราคาค่อนข้างแพง นอกจากนั้นยังมีหวีสาง ซึ่งสามารถกำจัดเหาออกได้บ้าง หากคุณพยายามทุกเคล็ดลับในหนังสือแล้ว แต่คุณก็ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรเพื่อแก้ไขปัญหาเหล่านี้ คุณไม่ต้องกังวลเราอยู่ที่นี่เพื่อช่วยคุณ ด้วยวิธีการรักษาต่อไปนี้ ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพมากกับการกำจัดเหา และถ้าลูกของคุณมีเหา แน่นอนควรจะกำจัดมันออกไป

นี่คือสิ่งที่คุณต้องเตรียม

น้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีน (คุณสามารถใช้แบรนด์อื่นได้)

หวีสางเหา

น้ำส้มสายชู

ผ้าขนหนูสองผืน

หมวกคลุมอาบน้ำหรือถุงพลาสติก

ขั้นแรกให้ล้างผมของเด็กด้วยน้ำยาบ้วนปากจนเปียกทั่วศรีษะ ห่อผมด้วยถุงพลาสติกหรือหมวกอาบน้ำ ปล่อยทิ้งน้ำยาบ้วนปากอย่างน้อย1 ชั่วโมงอย่างระมัดระวัง สระผมของเด็กด้วยน้ำส้มสายชูและคลุมผมอีกครั้งด้วยหมวกอาบน้ำต่ออีกชั่วโมงจากนั้นถอดหมวกออกและล้างผมของเด็กด้วยแชมพูปกติ สุดท้ายใช้หวีสางนำเหาออกไป

เคล็ดลับคือในกลิ่นของน้ำยาบ้วนปากมีฤทธิ์ซึ่งจะทำให้เหาหลุดออกไป เพราะพวกมันไม่สามารถทนกลิ่นของเปปเปอร์มินต์ คุณยังสามารถเทลิสเตอรีนผสมในขวดสเปรย์เล็กน้อยและฉีดสเปรย์ลงบนผมของเด็กก่อนไปโรงเรียนเพื่อป้องกันไว้ก่อน

นี้เป็นตัวเลือกที่ดีกว่าแชมพูกำจัดเหาที่มีขายอยู่ทั่วไป เพราะผลิตภัฑณ์เหล่านั้นมักจะเต็มไปด้วยสารพิษ ซึ่งสามารถทำลายหนังศีรษะของลูกหลานของท่าน

ข้อดีของการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติแทนการใช้แชมพูกำจัดเหาจากร้านค้า

วิธีรักษาธรรมชาตินี้ปราศจากผลข้างเคียงใด ๆ

- มันจะให้ผลในระยะยาว (หลังการรักษานี้ เหาจะไม่กลับมามีอีก)

- ราคาไม่แพง

- เพียงน้ำสองชนิดนี้จะช่วยกำจัดเหาให้หลุดออกไป

- ส่วนผสมนี้จะไม่ก่ออันตรายต่อเด็ก

- มันจะทำให้ผมเงางามและหอมสดชื่น
ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก http://www.rak-sukapap.com/2016/06/blog-post_240.html