ทำได้จริงๆ ปลูกเพกา(ลิ้นฟ้า)3ไร่มีรายได้50,000-100,000บาทต่อเดือนใครสนใจอ่านเลย
ต้นเพกาพันธุ์เตี้ย หรือ ลิ้นฟ้า พืชผักพื้นบ้านที่มีสรรพคุณเป็นยาและอาหาร ปัจจุบันเกษตรกรจำนวนมากนิยมปลูก
ทั้งเพื่อขยายพันธุ์และเก็บฝักขาย หนึ่งนั้นคือ ประสาน คำมาตย์ แห่ง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เกษตรกรคนแรกๆที่นำผักชนิดนี้มาขยายขายกิ่งพันธุ์ บนพื้นที่ 3 ไร่เศษ จนสร้างรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน
ประสาน เล่าว่า เริ่มปลูกเพกาพันธุ์เตี้ย มาประมาณ 4 ปี หลังปลูกพืชมาหลายชนิด แต่ไม่เคยสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ สุดท้าย มาลงที่เพกาพันธุ์เตี้ย หรือลิ้นฟ้า ซึ่งตอนแรกกะจะมาปลูกเพื่อไว้กิน เพราะตนเองและครอบครัวชอบผักชนิดนี้มาก ต่อ เมื่อนำมาปลูกเป็นพันธุ์ต้นเตี้ย และมีผลดก จึงมีแต่มีคนถามซื้อต้นพันธุ์ จึงมีความคิดเพาะกิ่งพันธุ์ขายในเวลาต่อมา
เขาจึงหันมาเพาะชำรากเพกาขาย เมื่อ 2 ปีก่อน เป็นพันธุ์เบาดอร์ พันธุ์พื้น เมืองของทาง สปป.ลาว ที่มีลักษณะเด่น คือ ต้นพันธุ์เตี้ยให้ผลผลิตเร็ว หากเกษตรกรนำไปปลูกและดูแลให้น้ำให้ปุ๋ยอย่างดี เพียง 6 เดือนก็จะติดฝักให้เก็บขายได้ ต่อเมื่อปลูกเข้าปีที่ 2 จะให้ผลผลิตเต็มที่
โดยเริ่มแรกประสานใช้พื้นที่หลังบ้าน 200 ตารางวา ปลูก 50 ต้น เป็นต้นพันธุ์อายุ 1 ปีขึ้นไป และได้ขยายพื้นที่เพาะต้นพันธุ์เพิ่มขึ้นจนเต็มพื้นที่ในเวลาต่อมา จากการขุดรากมาปักชำต่อเนื่อง โดยเพกา 1 ต้น สามารถขุดรากปักชำขยายเป็นต้นพันธุ์ได้ราว 300-500 ต้น/ปี
สายพันธุ์เพกาของที่นี่มีลักษณะเด่น คือ ต้นพันธุ์เตี้ยให้ผลผลิตเร็ว หากเกษตรกรนำไปปลูกและดูแลให้น้ำให้ปุ๋ยอย่างดี เพียง 6 เดือนก็จะติดฝักให้เก็บขายได้ เมื่อปลูกเข้าปีที่ 2 จะให้ผลผลิตเต็มที่
จากต้นพันธุ์เพียง 1 ต้นเพือปลูกไว้กิน ขยับเป็น 50 ปัจจุบันมีต้นพันธุ์หลายพันต้น แต่ละวันจะมีลูกค้าเข้าออกสวนเพื่อขอซื้อต้นพันธุ์ตลอด ทั้งซื้อไปปลูกจำหน่ายฝัก และปลูกเป็นไม้ประดับยืนต้นตามรีสอร์ทต่างๆ ซึ่งกำลังเป็นทีนิยมมาก ในราคา ต้นละ 40 บาท ทำให้ทุกวันนี้มีรายได้ 50,000 บาท จนถึงกว่า 100,000 บาท/เดือน จากการขายต้นเพกาพันธุ์เตี้ย
กิ่งพันธุ์เพกาที่ได้รับความสนใจจากเกษตรกรนำไปปลูกตามหัวไร่ปลายนา ปลูกเพื่อขายฝักอ่อน ส่วนหนึ่งมาจากสรรพคุณทางยาทั้งชะลอความแก่ และโรคมะเร็ง ประกอบกับกระแสการบริโภคแบบออแกนิค จึงทำให้ผู้บริโภคทดลองรับประทานฝักเพกากันมาขึ้นด้วย ถือเป็นการกินอาหารเป็นยารักษาสุขภาพ”
ทั้งนี้ ฝักเพกาที่วางขายในประเทศไทยส่วนใหญ่จะนำเข้าจากประเทศลาว หากเกษตรกรสนใจกิ่งพันธุ์เพกาต้นเตี้ย แวะสอบถามรายละเอียดกับ ประสาน คำมาตย์ ที่86 หมู่ 12 ต.หนองไฮ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม โทรฯ 084-9545616
อ้างอิงโดย http://www.komchadluek.net/news/agricultural/235988
ต้นเพกาพันธุ์เตี้ย หรือ ลิ้นฟ้า พืชผักพื้นบ้านที่มีสรรพคุณเป็นยาและอาหาร ปัจจุบันเกษตรกรจำนวนมากนิยมปลูก
ทั้งเพื่อขยายพันธุ์และเก็บฝักขาย หนึ่งนั้นคือ ประสาน คำมาตย์ แห่ง อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม เกษตรกรคนแรกๆที่นำผักชนิดนี้มาขยายขายกิ่งพันธุ์ บนพื้นที่ 3 ไร่เศษ จนสร้างรายได้หลายหมื่นบาทต่อเดือน
ประสาน เล่าว่า เริ่มปลูกเพกาพันธุ์เตี้ย มาประมาณ 4 ปี หลังปลูกพืชมาหลายชนิด แต่ไม่เคยสร้างรายได้เป็นกอบเป็นกำ สุดท้าย มาลงที่เพกาพันธุ์เตี้ย หรือลิ้นฟ้า ซึ่งตอนแรกกะจะมาปลูกเพื่อไว้กิน เพราะตนเองและครอบครัวชอบผักชนิดนี้มาก ต่อ เมื่อนำมาปลูกเป็นพันธุ์ต้นเตี้ย และมีผลดก จึงมีแต่มีคนถามซื้อต้นพันธุ์ จึงมีความคิดเพาะกิ่งพันธุ์ขายในเวลาต่อมา
เขาจึงหันมาเพาะชำรากเพกาขาย เมื่อ 2 ปีก่อน เป็นพันธุ์เบาดอร์ พันธุ์พื้น เมืองของทาง สปป.ลาว ที่มีลักษณะเด่น คือ ต้นพันธุ์เตี้ยให้ผลผลิตเร็ว หากเกษตรกรนำไปปลูกและดูแลให้น้ำให้ปุ๋ยอย่างดี เพียง 6 เดือนก็จะติดฝักให้เก็บขายได้ ต่อเมื่อปลูกเข้าปีที่ 2 จะให้ผลผลิตเต็มที่
โดยเริ่มแรกประสานใช้พื้นที่หลังบ้าน 200 ตารางวา ปลูก 50 ต้น เป็นต้นพันธุ์อายุ 1 ปีขึ้นไป และได้ขยายพื้นที่เพาะต้นพันธุ์เพิ่มขึ้นจนเต็มพื้นที่ในเวลาต่อมา จากการขุดรากมาปักชำต่อเนื่อง โดยเพกา 1 ต้น สามารถขุดรากปักชำขยายเป็นต้นพันธุ์ได้ราว 300-500 ต้น/ปี
วิธีการเพาะชำ เขาบอกว่านำรากที่ขุดขึ้นมาตัดเป็นท่อนราว 2 นิ้ว ปักชำลงในดินที่เตรียมไว้ หากรากมีขนาดใหญ่สามารถแบ่งครึ่งปักชำได้ หลังปักชำราว 15-20 วัน จะแตกหน่อพร้อมจำหน่าย
ปลูกง่ายในดินทุกสภาพ โตไว ทนแล้ง ไม่ต้องดูแลมาก เพียงใส่ปุ๋ยคอก ยิ่งต้นเพกามีอายุมากขึ้น ผลผลิตยิ่งเพิ่มขึ้น”สายพันธุ์เพกาของที่นี่มีลักษณะเด่น คือ ต้นพันธุ์เตี้ยให้ผลผลิตเร็ว หากเกษตรกรนำไปปลูกและดูแลให้น้ำให้ปุ๋ยอย่างดี เพียง 6 เดือนก็จะติดฝักให้เก็บขายได้ เมื่อปลูกเข้าปีที่ 2 จะให้ผลผลิตเต็มที่
จากต้นพันธุ์เพียง 1 ต้นเพือปลูกไว้กิน ขยับเป็น 50 ปัจจุบันมีต้นพันธุ์หลายพันต้น แต่ละวันจะมีลูกค้าเข้าออกสวนเพื่อขอซื้อต้นพันธุ์ตลอด ทั้งซื้อไปปลูกจำหน่ายฝัก และปลูกเป็นไม้ประดับยืนต้นตามรีสอร์ทต่างๆ ซึ่งกำลังเป็นทีนิยมมาก ในราคา ต้นละ 40 บาท ทำให้ทุกวันนี้มีรายได้ 50,000 บาท จนถึงกว่า 100,000 บาท/เดือน จากการขายต้นเพกาพันธุ์เตี้ย
กิ่งพันธุ์เพกาที่ได้รับความสนใจจากเกษตรกรนำไปปลูกตามหัวไร่ปลายนา ปลูกเพื่อขายฝักอ่อน ส่วนหนึ่งมาจากสรรพคุณทางยาทั้งชะลอความแก่ และโรคมะเร็ง ประกอบกับกระแสการบริโภคแบบออแกนิค จึงทำให้ผู้บริโภคทดลองรับประทานฝักเพกากันมาขึ้นด้วย ถือเป็นการกินอาหารเป็นยารักษาสุขภาพ”
สำหรับขั้นตอนการปลูกเหมือนกับการปลูกพืชชนิดอื่น ขุดหลุมกว้าง 50 เซนติเมตร ลึก 50 เซนติเมตร ใส่ปุ๋ยคอกรองก้นหลุม การดูแลไม่ยุ่งยาก เพราะถือว่าศัตรูพืชน้อย ไม่จำเป็นต้องฉีดยาฆ่าแมลง ถือเป็นพืชทรงพุ่มไม่กว้าง ทนแล้งได้ดี ก่อนออกดอกจะสลัดใบ เมื่อฝนตกจะแตกยอด
หากเกษตรกรจะวางแผนให้ออกฝักนอกฤดูเก็บเกี่ยวก็ทำได้โดยรดน้ำให้ชุ่ม ใส่ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยคอก บำรุงต้น เพียงเท่านี้เพกาก็จะแทงช่อดอกตลอดทั้งปี”ทั้งนี้ ฝักเพกาที่วางขายในประเทศไทยส่วนใหญ่จะนำเข้าจากประเทศลาว หากเกษตรกรสนใจกิ่งพันธุ์เพกาต้นเตี้ย แวะสอบถามรายละเอียดกับ ประสาน คำมาตย์ ที่86 หมู่ 12 ต.หนองไฮ อ.วาปีปทุม จ.มหาสารคาม โทรฯ 084-9545616
อ้างอิงโดย http://www.komchadluek.net/news/agricultural/235988