“พริกหวาน” เป็นพริกที่มีสีสันสวยงาม มีรสชาติหวานและไม่เผ็ด
สามารถนำมาทำอาหารได้หลากลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สลัด ,
นำมาผัดกับผักชนิดอื่นๆ หรือนำมาใช้กับเนื้อสัตว์ ยัดไส้เนื้อหมู
ชุบแป้งทอด หรือนำไปอบหรือนึ่งก็ได้ ถือเป็นอาหารที่มีประโยชน์
เด็กก็ทานได้ ผู้ใหญ่ก็ทานดีค่ะ
ประโยชน์และสรรพคุณของพริกหวาน
1. พริกหวานอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมสูง ซึ่งพริกหวานสีเหลืองจะมีวิตามินมากกว่าพริกหวานสีส้มถึง 4 เท่า
2. พริกหวานมีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการการเกิดโรคมะเร็งได้
3. สาร Capsaisin สามารถช่วยยับยั้งอนุมูลอิสระได้ จึงช่วยลดความของการเกิดโรคหลอดเลือด และโรคต้อกระจก
4. ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย และช่วยทำให้เจริญอาหาร
5. สาร Capsaisin จะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำลาย
6. เมื่อร่างกายได้รับสาร Capsaisin ร่างกายจะสร้างสาร Endorphins ที่ช่วยในการผ่อนคลายความเครียด
7. พริกหวานสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ เพราะทำให้หลอดเลือดอ่อนตัวและช่วยทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดเป็นได้ด้วยดี
8. พริกหยวกมีสรรพคุณช่วยแก้อาเจียน ช่วยขับเหงื่อ ขับเสมหะ และช่วยขับลม
9. ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
10. ช่วยแก้หิด และกลากเกลื้อน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วัตถุดิบ
1. ตับหมูสด 200 กรัม
2. พริกหวานทั้งสามสี 300-400 กรัม
3. หอมหัวใหญ่ครึ่งลูก
4. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
6. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาล ½ ช้อนชา
9. น้ำสะอาด
วิธีทำ
1. นำตับหมูมาสไลด์เป็นแผ่นประมาณครึ่งเซนติเมตร หรือจะหั่นหนาหรือบางก็นี้ก็ได้ค่ะ ตามชอบ
2. หั่นหอมหัวใหญ่ และพริกหวานเป็นทางยาว
3. ตั้งน้ำมันบนกระทะด้วยไฟกลาง
4. ใส่กระเทียมสับลงไป
5. จากนั้นตามด้วยตับ โดยไม่ต้องผัดนาน เพราะหากผัดนานเกินไปตับจะสุกมาก ทำให้แข็ง ไม่อร่อยนะคะ
6. ตามด้วยหอมหัวใหญ่ที่หั่นไว้แล้ว
7. และพริกหวานทั้ง 3 สี
8.จากนั้นผัดให้เข้ากัน
9. ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และน้ำตาล
10. เติมน้ำเปล่าเพื่อให้ผัดมีน้ำขลุกขลิก
11. เมื่อผัดทุกอย่างเข้ากันดีแล้ว ก็ตักใส่จาน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย
ประโยชน์และสรรพคุณของพริกหวาน
1. พริกหวานอุดมไปด้วยวิตามินเอ วิตามินซี แคลเซียม ฟอสฟอรัส และโพแทสเซียมสูง ซึ่งพริกหวานสีเหลืองจะมีวิตามินมากกว่าพริกหวานสีส้มถึง 4 เท่า
2. พริกหวานมีสารต้านอนุมูลอิสระ จึงช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงของการการเกิดโรคมะเร็งได้
3. สาร Capsaisin สามารถช่วยยับยั้งอนุมูลอิสระได้ จึงช่วยลดความของการเกิดโรคหลอดเลือด และโรคต้อกระจก
4. ช่วยบำรุงธาตุในร่างกาย และช่วยทำให้เจริญอาหาร
5. สาร Capsaisin จะช่วยเพิ่มอัตราการเต้นของหัวใจ ช่วยกระตุ้นการทำงานของต่อมน้ำลาย
6. เมื่อร่างกายได้รับสาร Capsaisin ร่างกายจะสร้างสาร Endorphins ที่ช่วยในการผ่อนคลายความเครียด
7. พริกหวานสามารถช่วยลดความดันโลหิตได้ เพราะทำให้หลอดเลือดอ่อนตัวและช่วยทำให้ระบบการไหลเวียนของเลือดเป็นได้ด้วยดี
8. พริกหยวกมีสรรพคุณช่วยแก้อาเจียน ช่วยขับเหงื่อ ขับเสมหะ และช่วยขับลม
9. ช่วยกระตุ้นการทำงานของกระเพาะอาหาร ทำให้ระบบการย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น
10. ช่วยแก้หิด และกลากเกลื้อน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
วันนี้จึงขอนำเสนอเมนูง่ายๆ อย่าง “ตับผัดพริกหวาน” ที่มีประโยชนต์ต่อสุขภาพ
แถมยังช่วยบำรุงธาตุ และเสริมสร้างการสร้างเม็ดเลือดได้อีกด้วยนะคะ
แถมยังช่วยบำรุงธาตุ และเสริมสร้างการสร้างเม็ดเลือดได้อีกด้วยนะคะ
วัตถุดิบ
1. ตับหมูสด 200 กรัม
2. พริกหวานทั้งสามสี 300-400 กรัม
3. หอมหัวใหญ่ครึ่งลูก
4. กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
5. น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
6. ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
7. น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำตาล ½ ช้อนชา
9. น้ำสะอาด
วิธีทำ
1. นำตับหมูมาสไลด์เป็นแผ่นประมาณครึ่งเซนติเมตร หรือจะหั่นหนาหรือบางก็นี้ก็ได้ค่ะ ตามชอบ
2. หั่นหอมหัวใหญ่ และพริกหวานเป็นทางยาว
3. ตั้งน้ำมันบนกระทะด้วยไฟกลาง
4. ใส่กระเทียมสับลงไป
5. จากนั้นตามด้วยตับ โดยไม่ต้องผัดนาน เพราะหากผัดนานเกินไปตับจะสุกมาก ทำให้แข็ง ไม่อร่อยนะคะ
6. ตามด้วยหอมหัวใหญ่ที่หั่นไว้แล้ว
7. และพริกหวานทั้ง 3 สี
8.จากนั้นผัดให้เข้ากัน
9. ปรุงรสด้วย ซีอิ๊วขาว น้ำมันหอย และน้ำตาล
10. เติมน้ำเปล่าเพื่อให้ผัดมีน้ำขลุกขลิก
11. เมื่อผัดทุกอย่างเข้ากันดีแล้ว ก็ตักใส่จาน เป็นอันเสร็จเรียบร้อย