“หนูกัดหิน” ข้อคิดดีๆในการใช้ชีวิต
เรื่องราวของ “หนู กั ด หิน” ข้อคิดดีๆ ในการใช้ชีวิต
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีเศรษฐีอยู่ผู้เขาหนึ่ง มีลูกชายเป็นคนไ ม่รักดี
ชอบแต่ที่จะเที่ยว กิน เล่น เลี้ยงเพื่อนฝูง ไม่เคยนึกที่จะทำมาหากินเลย
บิดามารดาจะว่ากล่าวตักเ ตือนอย่างไรก็หาได้เชื่อฟังไม่
ในที่สุดเศรษฐีคนนั้น ก็ตรอมใจต-า-ย แต่ก่อนที่จะต-า-ยไปนั้น
ได้เอาเงินกับทองใส่ไว้ ในตุ่มอย่างละตุ่มฝังไว้
และด้วยคุณงามความดี เขาที่ได้สั่งสมมา
ส่งผลให้เศรษฐีได้ ไปเกิดเป็นเทวดา
ส่วนลูกของเศรษฐี เมื่อบิดามารดาต-า-ยไปแล้วก็ยิ่งได้ใจใหญ่
เอาแต่ใช้เงินเลี้ยง เพื่อนเที่ยวเตร่เสเพล สนุกสนานไปวันๆ
ใช้เวลาไม่นานเงิน ก็หมดลง เพื่อนฝูงที่เคยห้อมล้อมไปมาหาสู่
ก็หายหน้าไปทีละคน ต่อมาวันหนึ่งได้มีเพื่อนมาชวนไป กินเลี้ยงกันตามปกติ
โดยได้กำชับกับลูกเศรษฐีต กยาก ว่าถ้าคิดจะไปกินเลี้ยงจริงๆ
ก็ให้เอาไก่ไปร่วมในการกินเลี้ยงด้วยตัวหนึ่ง ลูกเศรษฐีอยากไปกินเลี้ยงมาก
ถึงแม้ตนจะไม่มีเงินแล้ว ก็ยังดิ้นรนขวนขวาย หาไก่ได้ตัวหนึ่งมาจนได้
แล้วจึงจัดการลวกน้ำร้อน ถอนขนออก
แล้วห่อใบตองเตรียมตัว ที่จะไปร่วมงานกินเลี้ยง
ครั้นออกเดินมาได้สักครู่หนึ่ง เพราะความเหน็ดเหนื่อย
จึงแวะพักใต้ต้นไม้ที่อยู่ข้างทางแล้ว เผลอหลับไป
บังเอิญในที่นั้นมีอีก า ตัวหนึ่งเกาะอยู่บนต้นไม้
ได้กลิ่นเนื้อไก่โชยออกมาจากใบตอง มันจึงบินลงมาโฉบ เอาห่อใบตองไป
เขาจึงต้องไป งานกินเลี้ยงมือเปล่า
พอเดินทางมาถึงบ้านเพื่อนที่นัด กินเลี้ยงกันไว้ก็เล่าให้เพื่อนๆฟัง
แต่กลับไม่มีใครเชื่อใน คำพูดของเขาเลย
ต่างคนก็ต่างคิดว่าเขาคง ไม่มีปัญญาหาไก่มา จึงแต่งเรื่องขึ้นมาแก้ตัว
แถมเขายังถูกเพื่อนฝูงในงานพูดจาเยาะเย้ย ถากถางเอาเสียอีกด้วย
ว่าไม่มีปัญญาหาไก่มา แล้วยังไปโทษอีกาอีก
ลูกเศรษฐีทั้งเ จ็บใจและอายตั ดสินใจ ที่จะไม่ไปร่วมวงกินเลี้ยงด้วย
รีบเดินทางกลับมาบ้าน เมื่อถึงบ้านแล้วก็ยังน้อยใจไม่หาย
นึกถึงเมื่อสมัยอดีตที่ตนมั่งมี มีเพื่อนฝูง ล้อมหน้าล้อมหลัง
แล้วก็บังเกิดความเ สียใจกินไม่ได้ นอนไม่หลับ ร่างกายก็ผ่ายผอมลง
ฝ่ายเทวดาพ่อแม่เห็นอาการของลูก ดังนั้นก็อดที่จะสงสารเ สียไม่ได้ จึงมาเข้าฝันลูกว่า…
“นั่นแหละ ลูกเอ๋ย เมื่อพ่อแม่ยังอยู่ก็ได้สอนเจ้าไปแล้ว เรื่องการใช้เงินใช้ทองเมื่อยามลำบากยากจน
ใครเขาจะมานับถือเจ้า พูดเรื่องจริงก็เป็นห ลอกไปได้ ขอให้เจ้าจงรู้สึกตัวและให้ปรับปรุงตัวเ สียใหม่ พ่อแม่ จะช่วยเจ้าเอง”
ในความฝันนั้นเอง ลูกเศรษฐีก็คิดได้
จึงได้ออกปากสัญญา กับพ่อแม่ว่า ต่อไปนี้จะเลิกประพฤติตัวเช่นเดิม
แล้วจะปรับปรุงตัวจะ ตั้งใจทำมาหากิน ก่อร่างสร้างตัว เลี้ยงตัวให้มีเงินพอ
จะไม่ยอมให้ใครมาดูถูกตนได้อีกต่อไปเมื่อเทวดาพ่อแม่ได้ฟัง
ดังนั้นจากลูกก็พอใจเป็นยิ่งนัก เมื่อลูกสัญญาว่าจะกลับตัวเป็นคนดี
จึงได้บอกที่ซ่อนของตุ่มเงิน และ ตุ่มทองให้ในฝันนั้นเอง
พอลืมตาตื่นขึ้นมาลูกเศรษฐี
ก็รีบไปขุดหา ตุ่มเงินตุ่มทองตามในฝัน ก็พบตุ่มเงินตุ่มทองจริงตามความฝัน
จึงได้นำเงินในตุ่มมาทำทุนตั้งอกตั้งใจทำมาหากิน อย่างขยันขันแข็ง
ไม่นานก็กลับฟื้นตัวขึ้นมาได้ พอมีฐานะกลับขึ้นมาอีก เพื่อนที่เคย หนีหายไป
ก็เริ่มกลับเข้ามาคบค้าสมาคมเพิ่มขึ้นทุกวัน
ลูกเศรษฐียังคงจดจำวัน
ที่ถูกเพื่อนฝูงเยาะเย้ยได้ไม่ลืมเลือน
อยู่มาวันหนึ่งลูกเศรษฐีได้เห็นโอกาสจึงชวนเพื่อนมากินเลี้ยง
เหมือนเมื่อยังร่ำรวย อย่างแต่ก่อน
เพื่อนฝูงต่างก็มากันพร้อมหน้าพร้อมตากัน และในขณะที่กินเลี้ยงกันอยู่
อย่างสนุกสนานเฮฮากันอยู่นั้น
ลูกเศรษฐีได้นำมีดเหี้ยนๆที่มีแต่ด้ามเท่านั้น มาให้เพื่อนดูเล่มหนึ่งพร้อม
กับพูดขึ้นมาว่า…
“แหมๆ มันอัศจรรย์จริงๆ มีดเล่มนี้เพิ่งซื้อ มาใหม่แท้ๆ
ทิ้งไว้แค่ข้ามคืน หนูกลับมากั ดเ สียจนหมด เหลือเท่านี้เอง”
บรรดาเพื่อนฝูงทั้งหลาย เมื่อได้ยินดังนั้น ก็รับคำเชื่อตามคำพูดนั้น
บางคนก็ ประสมโรงว่า…
“เป็นจริงเหมือน เพื่อนพูดหนูนี่มันร้ ายกาจนัก
มี ดของเราก็เคยโดน เหมือนกับเพื่อนเลย เ หี้ยนเหมือนอย่างนี้ไม่มีผิ ด”
เพื่อนคนอื่นๆ ก็พูดว่า “ใช่ๆ” กันคนละคำสองคำ
ฝ่ายลูกเศรษฐี เมื่อได้ยินดังนั้น ก็คิดขึ้นมาได้ว่า..
“ยามเมื่อเรายากจ น จะถูกคนดูถู ก
ถ้อยคำที่พูดออกมา ก็ไม่มีน้ำหนัก
ต่อให้พูดความจริง ก็ยังไม่มีคนเชื่อ
แต่เมื่อถึงยาม มั่งมีร่ำรวย
จะพูดอย่างไรจริง หรือเท็จ ก็มีคนยอมรับเชื่อถือ”
ที่มา nithan