ทุกครั้งที่เราหุงข้าว ‘น้ำซาวข้าว’ ที่เหลือก็จะถูกเททิ้งไปอย่างไร้ค่า
แต่รู้ไหมว่าการกระทำเช่นนี้
ถือเป็นการทิ้งคุณประโยชน์ลงท่อไปอย่างน่าเสียดาย
จะดีกว่าไหม…ถ้าเราสามารถดึงประโยชน์ที่แอบซ่อนอยู่ภายในของน้ำซาวข้าวออกมาได้
ว่าแต่ประโยชน์ที่ว่านี้มีอะไรบ้าง น่าสนใจมากแค่ไหน ตามมาหาคำตอบกันเลย
คุณประโยชน์ของน้ำซาวข้าว
น้ำซาวข้าว
เป็นน้ำที่ได้จากการล้างข้าวก่อนนำไปหุง ซึ่งโดยปกติแล้วจะล้างข้าวไม่เกิน 1-2 ครั้ง ซึ่งการล้างข้าวทำให้สารอาหารบางอย่างหลุดออกมาอยู่ในน้ำ แต่น่าเสียดายที่เรามักจะเทน้ำซาวข้าวนี้ทิ้งไป จะดีกว่ามั๊ย…ถ้าเราสามารถดึงเอาประโยชน์ที่ว่านี้ออกมาได้ เพราะในน้ำซาวข้าวเป็นแหล่งสะสมของสารอาหารมากมาย ดังต่อไปนี้
– วิตามินบี 3 มีส่วนช่วยในการทำลายพิษ แอลกอฮอล์ และยาเสพติด
– วิตามินบี 2 มีส่วนช่วยป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด
– วิตามินบี 1 มีประโยชน์ต่อการทำงานของสมอง ระบบประสาท ระบบย่อยอาหาร หัวใจ และกล้ามเนื้อ
ด้วยสารอาหารที่กล่าวมานี้จึงทำให้ “น้ำซาวข้าว” ถูกนำมาใช้ประโยชน์ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1. น้ำซาวข้าวช่วยให้หน้าใส
การนำน้ำซาวข้าวที่สะอาด ซึ่งถ้าจะให้ดีควรเป็นน้ำซาวครั้งที่ 2 มาชำระล้างใบหน้าเป็นประจำทุกเช้าเย็น จะมีผลให้เกิดสิ่งดีๆขึ้นกับใบหน้าคุณได้ เพราะน้ำซาวข้าวจะช่วยรักษาสิวฝ้า ขจัดความมัน ลดสิว ทำให้ผิวหน้าขาวนวล นุ่ม ขึ้นได้แน่นอน
2. น้ำซาวข้าวช่วยให้มือนุ่ม
เวลาที่คุณแช่มือในน้ำซาวข้าวเพื่อทำความสะอาดเมล็ดข้าว เมล็ดข้าวและน้ำซาวข้าวจะช่วยทำให้มือของคุณนุ่มนวลขึ้นได้ เห็นได้จากบรรดาสาวญี่ปุ่นอายุมากที่มักจะมีมือนุ่มและเต่งตึงเหมือนผิวสาวๆ เนื่องจากซาวข้าวหรือทำข้าวปั้นอยู่บ่อยครั้ง
3. น้ำซาวข้าวช่วยให้ผมสวย
การนำน้ำซาวมาสระผมก่อนจะสระด้วยแชมพู จะช่วยให้ผมนิ่ม บำรุงหนังศีรษะ และทำให้ปราศจากรังแคได้เป็นอย่างดี ยิ่งถ้านำมาผสมกับน้ำมะกรูดด้วยแล้ว ยิ่งได้ผลดีมากขึ้นไปใหญ่
4. น้ำซาวข้าวใช้ล้างผักผลไม้ได้
น้ำซาวข้าวสามารถใช้ล้างผัก ผลไม้ ขจัดสารพิษตกค้างได้ หากมีน้ำซาวข้าวเหลือๆ อย่าเพิ่งทิ้งเลยค่ะ เอามาล้างผักผลไม้ให้สะอาดปราศจากสารพิษดีกว่า
แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า น้ำซาวข้าวที่ใช้ควรเป็นน้ำซาวข้าวที่ 2 เท่านั้น เพราะน้ำที่ซาวครั้งแรกมักจะมีสิ่งสกปรกต่างๆปะปนอยู่มาก หากนำมาใช้เลยอาจจะก่อให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์ที่พึงจะได้รับได้
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว หากเมื่อไหร่ที่คุณหุงข้าวก็อย่าเผลอทิ้งน้ำซาวข้าวที่ได้ลงท่อระบายน้ำไปนะคะ นำมันมาใช้ประโยชน์ในเรื่องต่างๆจะดีกว่า น่าจะมีประโยชน์ต่อร่างกายได้แบบไม่ต้องไปหาสารบำรุงตัวไหนๆเลย
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก perfectdish.blogspot.com และ th.openrice.com
คุณประโยชน์ของน้ำซาวข้าว
น้ำซาวข้าว
เป็นน้ำที่ได้จากการล้างข้าวก่อนนำไปหุง ซึ่งโดยปกติแล้วจะล้างข้าวไม่เกิน 1-2 ครั้ง ซึ่งการล้างข้าวทำให้สารอาหารบางอย่างหลุดออกมาอยู่ในน้ำ แต่น่าเสียดายที่เรามักจะเทน้ำซาวข้าวนี้ทิ้งไป จะดีกว่ามั๊ย…ถ้าเราสามารถดึงเอาประโยชน์ที่ว่านี้ออกมาได้ เพราะในน้ำซาวข้าวเป็นแหล่งสะสมของสารอาหารมากมาย ดังต่อไปนี้
– วิตามินบี 3 มีส่วนช่วยในการทำลายพิษ แอลกอฮอล์ และยาเสพติด
– วิตามินบี 2 มีส่วนช่วยป้องกันไขมันอุดตันในเส้นเลือด
– วิตามินบี 1 มีประโยชน์ต่อการทำงานของสมอง ระบบประสาท ระบบย่อยอาหาร หัวใจ และกล้ามเนื้อ
ด้วยสารอาหารที่กล่าวมานี้จึงทำให้ “น้ำซาวข้าว” ถูกนำมาใช้ประโยชน์ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
1. น้ำซาวข้าวช่วยให้หน้าใส
การนำน้ำซาวข้าวที่สะอาด ซึ่งถ้าจะให้ดีควรเป็นน้ำซาวครั้งที่ 2 มาชำระล้างใบหน้าเป็นประจำทุกเช้าเย็น จะมีผลให้เกิดสิ่งดีๆขึ้นกับใบหน้าคุณได้ เพราะน้ำซาวข้าวจะช่วยรักษาสิวฝ้า ขจัดความมัน ลดสิว ทำให้ผิวหน้าขาวนวล นุ่ม ขึ้นได้แน่นอน
2. น้ำซาวข้าวช่วยให้มือนุ่ม
เวลาที่คุณแช่มือในน้ำซาวข้าวเพื่อทำความสะอาดเมล็ดข้าว เมล็ดข้าวและน้ำซาวข้าวจะช่วยทำให้มือของคุณนุ่มนวลขึ้นได้ เห็นได้จากบรรดาสาวญี่ปุ่นอายุมากที่มักจะมีมือนุ่มและเต่งตึงเหมือนผิวสาวๆ เนื่องจากซาวข้าวหรือทำข้าวปั้นอยู่บ่อยครั้ง
3. น้ำซาวข้าวช่วยให้ผมสวย
การนำน้ำซาวมาสระผมก่อนจะสระด้วยแชมพู จะช่วยให้ผมนิ่ม บำรุงหนังศีรษะ และทำให้ปราศจากรังแคได้เป็นอย่างดี ยิ่งถ้านำมาผสมกับน้ำมะกรูดด้วยแล้ว ยิ่งได้ผลดีมากขึ้นไปใหญ่
4. น้ำซาวข้าวใช้ล้างผักผลไม้ได้
น้ำซาวข้าวสามารถใช้ล้างผัก ผลไม้ ขจัดสารพิษตกค้างได้ หากมีน้ำซาวข้าวเหลือๆ อย่าเพิ่งทิ้งเลยค่ะ เอามาล้างผักผลไม้ให้สะอาดปราศจากสารพิษดีกว่า
แต่ขอย้ำอีกครั้งว่า น้ำซาวข้าวที่ใช้ควรเป็นน้ำซาวข้าวที่ 2 เท่านั้น เพราะน้ำที่ซาวครั้งแรกมักจะมีสิ่งสกปรกต่างๆปะปนอยู่มาก หากนำมาใช้เลยอาจจะก่อให้เกิดโทษมากกว่าประโยชน์ที่พึงจะได้รับได้
เมื่อรู้แบบนี้แล้ว หากเมื่อไหร่ที่คุณหุงข้าวก็อย่าเผลอทิ้งน้ำซาวข้าวที่ได้ลงท่อระบายน้ำไปนะคะ นำมันมาใช้ประโยชน์ในเรื่องต่างๆจะดีกว่า น่าจะมีประโยชน์ต่อร่างกายได้แบบไม่ต้องไปหาสารบำรุงตัวไหนๆเลย
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก perfectdish.blogspot.com และ th.openrice.com