แจกสูตร!! นํ้าฟักทอง บรรเทาอาการปวดเมื่อย ลดระดับน้ำตาลในเลือด ต้านเซลล์มะเร็ง
เนื้อฟักทองอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีวิตามินเอสูง มีฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง บีตาแคโรทีน
ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจได้ อีกทั้งช่วยต้านความชรา ป้องกันโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อยของข้อเข่าและบั้นเอวได้
ส่วนประกอบ
1. ฟักทอง 1 ผล
2. น้ำสะอาด(น้ำดื่ม) 2 ลิตร
3. เกลือ 2 ช้อนชา
4. นมจืด 1 กล่อง (200 มิลลิลิตร)
5. น้ำตาล 12 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ล้างฟักทองทั้งผลเพื่อให้สิ่งสกปรกหรือฝุ่นหลุดออก
2. ปอกเฟลือกฟักทอง โดยอย่าให้เหลือส่วนที่เป็นสีเขียวของเปลือก
3. หั่นฟักทองเป็นชิ้นขนาด 1 นิ้ว
4. นำฟักทองที่หั่นเสร็จแล้วล้างอีกเพื่อเอายางออก
5. ต้มฟักทองประมาณ 15 นาที แล้วพักไว้ให้เย็น
6. นำฟักทองที่ต้มแล้วมาบดให้ละเอียด
7. นำหม้อที่มีน้ำต้มฟักทองเหลืออยู่ตั้งไฟให้ร้อน(ไม่ต้องเดือด)
8. ค่อยๆเทฟักทองที่บดละเอียดแล้วใส่ลงในหม้อ
9. เคี่ยวฟักทองโดยใช้ไฟปานกลางพอร้อนแต่ยังไม่เดือด
10. ใส่นมจืดลงไปแล้วเคี่ยวต่อ 2 นาที
11. เติมเกลือ และน้ำตาล เคี่ยวจนน้ำตาลละลายหมด ชิมรสดูให้มีรสหวานกลมกล่อม
12. พักไว้ให้เย็นแล้วตักเสิร์ฟ สุดท้ายให้เติมผงอบเชยลงไปบนแก้วน้ำฟักทองเล็กน้อยประมาณปลายช้อนชา จะได้น้ำฟักทองอบเชยที่มีประโยชน์มากครับ คนไข้เบาหวานให้เติมน้ำตาลแต่น้อยครับ หรือเปลี่ยนเป็นน้ำตาลมะพร้าวแทน
ประโยชน์ของฟักทอง
1. ฟักทองมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการชะลอวัยและความแก่ชรา
2. ช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพผิวให้เปล่งปลั่งสดใสและช่วยปกป้องผิวไม่ให้เหี่ยวย่น
3. ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
4. ฟักทองมีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพร่างกาย
5. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
6. น้ำมันจากเมล็ดฟักทองมีส่วนช่วยบำรุงประสาท
7. เมล็ดฟักทองช่วยทำให้อารมณ์ดี เพราะมีสารที่ช่วยในการสร้าง Serotonin ซึ่งมีผลต่ออารมณ์
8. มีฤทธิ์ในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
9. เป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรืออยากลดความอ้วน เพราะมีไขมันน้อย กากใยสูง
10. ฟักทองมีกรดโปรไบโอนิค ซึ่งมีส่วนทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง
11. มีส่วนช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง
12. มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหัวใจ
13. ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยบริเวณข้อเข่า บั้นเอว
14. มีส่วนช่วยป้องกันโรคผิวหนัง
15. เปลือกฟักทองมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
16. ช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังออกกำลังกายหรือหลังจากร่างกายทำงานอย่างหนัก และทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
17. รากฟักทองนำมาต้มกับน้ำดื่มช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ
18. ฟังทอกจัดว่ามีกากใยอาหารสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการขับถ่าย
19. ฟักทองมีฤทธิ์อุ่นซึ่งจะช่วยย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี
20. ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ
21. มีส่วนช่วยในการขับปัสสาวะ
22. ช่วยป้องกันการเกิดโรคนิ่ว
23. ช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากขยายใหญ่มากขึ้น
24. ช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ได้จากลูกอัณฑะให้อยู่ในระดับปกติ
25. ช่วยขับพยาธิตัวตืด โดยนำเมล็ดฟักทองประมาณ 50 กรัม นำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำตาล นม และเติมน้ำลงไปจนได้ประมาณ 500 มิลลิลิตร แล้วนำมาแบ่งรับประทานเป็น 3 ครั้ง ทุก ๆ 2 ชั่วโมง
26. ช่วยบำรุงตับและไตให้แข็งแรง
27. รากฟักทองเมื่อนำมาต้มดื่มจะช่วยถอนพิษจากแมลงกัดต่อย ถอนพิษของฝิ่นได้
28. เยื่อกลางของผลฟักทอง สามารถนำมาใช้พอกแผล แก้อาการฟกช้ำ อาการปวดและอักเสบได้
29. ใช้รับประทานเป็นอาหารว่าง อย่างน้ำฟักทองคั้นสด พายฟักทอง
30. นำมาใช้ในการประกอบอาหารได้ย่างหลากหลาย เช่น ซุปฟักทอง แกง กินกับน้ำพริก เป็นต้น
เนื้อฟักทองอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย มีวิตามินเอสูง มีฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง บีตาแคโรทีน
ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ สามารถช่วยลดการเกิดมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ และโรคหัวใจได้ อีกทั้งช่วยต้านความชรา ป้องกันโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อยของข้อเข่าและบั้นเอวได้
ส่วนประกอบ
1. ฟักทอง 1 ผล
2. น้ำสะอาด(น้ำดื่ม) 2 ลิตร
3. เกลือ 2 ช้อนชา
4. นมจืด 1 กล่อง (200 มิลลิลิตร)
5. น้ำตาล 12 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
1. ล้างฟักทองทั้งผลเพื่อให้สิ่งสกปรกหรือฝุ่นหลุดออก
2. ปอกเฟลือกฟักทอง โดยอย่าให้เหลือส่วนที่เป็นสีเขียวของเปลือก
3. หั่นฟักทองเป็นชิ้นขนาด 1 นิ้ว
4. นำฟักทองที่หั่นเสร็จแล้วล้างอีกเพื่อเอายางออก
5. ต้มฟักทองประมาณ 15 นาที แล้วพักไว้ให้เย็น
6. นำฟักทองที่ต้มแล้วมาบดให้ละเอียด
7. นำหม้อที่มีน้ำต้มฟักทองเหลืออยู่ตั้งไฟให้ร้อน(ไม่ต้องเดือด)
8. ค่อยๆเทฟักทองที่บดละเอียดแล้วใส่ลงในหม้อ
9. เคี่ยวฟักทองโดยใช้ไฟปานกลางพอร้อนแต่ยังไม่เดือด
10. ใส่นมจืดลงไปแล้วเคี่ยวต่อ 2 นาที
11. เติมเกลือ และน้ำตาล เคี่ยวจนน้ำตาลละลายหมด ชิมรสดูให้มีรสหวานกลมกล่อม
12. พักไว้ให้เย็นแล้วตักเสิร์ฟ สุดท้ายให้เติมผงอบเชยลงไปบนแก้วน้ำฟักทองเล็กน้อยประมาณปลายช้อนชา จะได้น้ำฟักทองอบเชยที่มีประโยชน์มากครับ คนไข้เบาหวานให้เติมน้ำตาลแต่น้อยครับ หรือเปลี่ยนเป็นน้ำตาลมะพร้าวแทน
ประโยชน์ของฟักทอง
1. ฟักทองมีสารต่อต้านอนุมูลอิสระที่มีส่วนช่วยในการชะลอวัยและความแก่ชรา
2. ช่วยฟื้นบำรุงสุขภาพผิวให้เปล่งปลั่งสดใสและช่วยปกป้องผิวไม่ให้เหี่ยวย่น
3. ช่วยบำรุงและรักษาสายตา
4. ฟักทองมีส่วนช่วยบำรุงสุขภาพร่างกาย
5. ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย
6. น้ำมันจากเมล็ดฟักทองมีส่วนช่วยบำรุงประสาท
7. เมล็ดฟักทองช่วยทำให้อารมณ์ดี เพราะมีสารที่ช่วยในการสร้าง Serotonin ซึ่งมีผลต่ออารมณ์
8. มีฤทธิ์ในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด
9. เป็นอาหารที่เหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรืออยากลดความอ้วน เพราะมีไขมันน้อย กากใยสูง
10. ฟักทองมีกรดโปรไบโอนิค ซึ่งมีส่วนทำให้เซลล์มะเร็งอ่อนแอลง
11. มีส่วนช่วยป้องกันและลดความเสี่ยงจากการเกิดโรคมะเร็ง
12. มีส่วนช่วยป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจและโรคหัวใจ
13. ช่วยบรรเทาอาการปวดเมื่อยบริเวณข้อเข่า บั้นเอว
14. มีส่วนช่วยป้องกันโรคผิวหนัง
15. เปลือกฟักทองมีคุณสมบัติในการกระตุ้นการหลั่งอินซูลินในร่างกาย ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันการเกิดโรคเบาหวาน
16. ช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังออกกำลังกายหรือหลังจากร่างกายทำงานอย่างหนัก และทำให้กล้ามเนื้อทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
17. รากฟักทองนำมาต้มกับน้ำดื่มช่วยแก้และบรรเทาอาการไอ
18. ฟังทอกจัดว่ามีกากใยอาหารสูง ซึ่งมีส่วนช่วยในการขับถ่าย
19. ฟักทองมีฤทธิ์อุ่นซึ่งจะช่วยย่อยอาหารได้เป็นอย่างดี
20. ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งในกระเพาะปัสสาวะ
21. มีส่วนช่วยในการขับปัสสาวะ
22. ช่วยป้องกันการเกิดโรคนิ่ว
23. ช่วยป้องกันไม่ให้ต่อมลูกหมากขยายใหญ่มากขึ้น
24. ช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศชายที่ได้จากลูกอัณฑะให้อยู่ในระดับปกติ
25. ช่วยขับพยาธิตัวตืด โดยนำเมล็ดฟักทองประมาณ 50 กรัม นำมาตำให้ละเอียดแล้วผสมกับน้ำตาล นม และเติมน้ำลงไปจนได้ประมาณ 500 มิลลิลิตร แล้วนำมาแบ่งรับประทานเป็น 3 ครั้ง ทุก ๆ 2 ชั่วโมง
26. ช่วยบำรุงตับและไตให้แข็งแรง
27. รากฟักทองเมื่อนำมาต้มดื่มจะช่วยถอนพิษจากแมลงกัดต่อย ถอนพิษของฝิ่นได้
28. เยื่อกลางของผลฟักทอง สามารถนำมาใช้พอกแผล แก้อาการฟกช้ำ อาการปวดและอักเสบได้
29. ใช้รับประทานเป็นอาหารว่าง อย่างน้ำฟักทองคั้นสด พายฟักทอง
30. นำมาใช้ในการประกอบอาหารได้ย่างหลากหลาย เช่น ซุปฟักทอง แกง กินกับน้ำพริก เป็นต้น