ยลโฉมกันเต็ม ๆ กับเมนูบลูเบอร์รีชีสพาย สูตรขนมไม่ต้องอบ
อร่อยกับครีมชีสสีม่วงพาสเทลและฐานกรอบหอมเนย ตบท้ายราดซอสบลูเบอร์รี
หวานเย็นนุ่มลิ้นแบบนี้ขอจองกินทั้งก้อนเลย
จากที่เคยทำบลูเบอร์รีชีสพาย แบบทั่วไป ลองมาสลับสีเพิ่มความฟรุ้งฟริ้งกันดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำบลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรจาก คุณแม่นกกะอันนา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรทำง่ายไม่ต้องใช้เตาอบ ครีมชีสใส่บลูเบอร์รีรสออกเปรี้ยวหวาน แต่งหน้าด้วยซอสบลูเบอร์รีเยิ้ม ๆ บลูเบอร์รีชีสเค้ก ไม่ใช้เตาอบ โดย คุณแม่นกกะอันนา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
สวัสดีค่ะ
วันนี้มีสูตรบลูเบอร์รีชีสเค้กแบบไม่ใช้เตาอบมาฝาก เผื่อเพื่อน ๆ
คนไหนกำลังมองหาสูตรอยู่เนอะ
สูตรนี้เป็นบลูเบอร์รีชีสเค้กที่เบาอร่อยนุ่มลิ้น แทบละลายในปาก
หวานเย็นชื่นใจมาก ๆ ค่ะ
ส่วนผสม ฐานชีสเค้ก (ส่วนที่ 1)
• บิสกิตเนยรสหวาน 180 กรัม
• เนยรสจืด 60 กรัม เข้าไมโครเวฟ 30 วินาที
ส่วนผสม ครีมชีส (ส่วนที่ 2)
• เจลาติน (1) 4 แผ่น หรือ 6.4 กรัม
• ครีมชีส (อุณหภูมิห้อง) 200 กรัม
• มาสคาร์โปเนชีส (อุณหภูมิห้อง) 250 กรัม
• น้ำตาลทราย (1) 60 กรัม
• วิปปิ้งครีม (1) 90 มิลลิลิตร
• เกลือเล็กน้อย ประมาณปลายช้อนของช้อนชา
• น้ำเปล่า อุณหภูมิห้อง (สำหรับแช่เจลาติน)
ส่วนผสม ซอสบลูเบอร์รี (ส่วนที่ 3)
• บลูเบอร์รีสด 250 กรัม
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย (2) 60 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• เจลาติน 1 แผ่น หรือ 1.6 กรัม (2)
• น้ำเปล่า อุณหภูมิห้อง (สำหรับแช่เจลาติน)
ส่วนผสม วิปปิ้งครีม (ส่วนที่ 4)
• วิปปิ้งครีม แช่ตู้เย็น 300 มิลลิลิตร
ส่วนผสม ซอสราดหน้าชีสเค้ก (ส่วนที่ 5)
• บลูเบอร์รีสด 200 กรัม
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 60 กรัม
หมายเหตุ : ใครชอบหวานมากหวานน้อย สามารถลดหรือเพิ่มน้ำตาลได้นะคะ
อุปกรณ์
• ฟอร์มทรงกลมกว้าง 18 เซนติเมตร
• กระดาษไข ใช้รองก้นฟอร์มและขอบฟอร์ม เพื่อจะได้ง่ายเมื่อต้องนำชีสเค้กออกจากฟอร์ม
วิธีทำบลูเบอร์รีชีสเค้ก
ทำฐานชีสเค้ก โดยนำบิสกิตใส่ถุงทุบให้ละเอียดพอประมาณ
เสร็จแล้วผสมกับเนยและเทลงไปในฟอร์ม ใช้อะไรก็ได้กด ๆ ให้ฐานชีสเค้กแน่น ๆ
พักไว้ในตู้เย็นก่อนค่ะ
ทำครีมชีส โดยนำเจลาตินแช่น้ำทิ้งไว้ก่อน และนำครีมชีส มาสคาร์โปเนชีส วิปปิ้งครีม น้ำตาลทราย และเกลือ ใส่ลงในชามผสมตั้งบนไอน้ำร้อน ระวังไม่ให้ก้นชามโดนน้ำนะ เดี๋ยวจะร้อนจนเกินไป คนทุกอย่างให้เข้าใจ แล้วใส่เจลาตินลงไป คนให้เจลาตินละลาย ปิดไฟ พักไว้ก่อนค่ะ
ทำซอสบลูเบอร์รี โดยตั้งไฟให้ร้อน เติมบลูเบอร์รี น้ำมะนาว น้ำตาลทราย กลิ่นวานิลลา และเจลาติน คนให้ทุกอย่างเข้ากัน พักไว้ก่อน
ทำวิปปิ้งครีม โดยตีวิปปิ้งครีมใช้ความเร็วปานกลางค่อนข้างสูง ตีจนกว่าครีมจะตั้งยอดคล้าย ๆ ขนมอาลัว
นำครีมชีสมากรองเพื่อให้เนื้อครีมชีสละเอียดยิ่งขึ้น แล้วนำครีมชีสมาผสมกับวิปปิ้งครีม แบ่งเป็น 3 ส่วนค่อย ๆ คนเบา ให้เนื้อครีมเข้ากันอย่างละเอียด แบ่งครีมชีสออกเป็น 3 ส่วน ส่วนละ 265 กรัม
ชามที่ 1 พักไว้ (ครีมชีสสีขาว)
ชามที่ 2 ใส่ผลบลูเบอร์รีทั้งหมดที่มีพร้อมน้ำบลูเบอร์รีครึ่งหนึ่งที่มี ผสมให้เข้ากัน
ชามที่ 3 ใส่น้ำบลูเบอร์รีที่เหลือผสมลงไปให้หมด ผสมให้เข้ากัน
นำครีมชีสที่มีผลบลูเบอร์รี (ชามที่ 2) เทลงไปในฟอร์มที่เตรียมไว้ แล้วนำไปพักไว้ในตู้เย็น 30 นาที
เมื่อครบ 30 นาทีนำฟอร์มออกมาจากตู้เย็น เทครีมชีสที่ผสมน้ำบลูเบอร์รี (ชามที่ 3) ลงไป พักในตู้เย็นอีก 30 นาที
เมื่อครบ 30 นาที นำฟอร์มออกจากตู้เย็น เทครีมชีสสีขาว (ชามที่ 1) ลงไป พักไว้ในตู้เย็น 5-6 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนเสิร์ฟแต่งด้วยผลบลูเบอร์รีสดๆ ตัดเสิร์ฟราดด้วยซอสบลูเบอร์รี
ทานคู่กับกาแฟร้อน ๆ อร่อยเหมือนได้ทานในโรงแรม 5 ดาวเลยทีเดียวค่ะ
ว้าว ! แค่ทำครีมชีสสลับสีก็ทำให้เมนูบลูเบอร์รีชีสเค้กน่ากินกว่าเดิมเยอะเลย วันหยุดนี้ต้องหาเวลาว่างลองทำหน่อยแล้วล่ะ ใครอาสาเป็นลูกมือได้กินฟรีนะคะ มีใครสนใจไหมหนอ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณแม่นกกะอันนา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
จากที่เคยทำบลูเบอร์รีชีสพาย แบบทั่วไป ลองมาสลับสีเพิ่มความฟรุ้งฟริ้งกันดีไหม กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำบลูเบอร์รีชีสเค้ก สูตรจาก คุณแม่นกกะอันนา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม สูตรทำง่ายไม่ต้องใช้เตาอบ ครีมชีสใส่บลูเบอร์รีรสออกเปรี้ยวหวาน แต่งหน้าด้วยซอสบลูเบอร์รีเยิ้ม ๆ บลูเบอร์รีชีสเค้ก ไม่ใช้เตาอบ โดย คุณแม่นกกะอันนา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
ส่วนผสม ฐานชีสเค้ก (ส่วนที่ 1)
• บิสกิตเนยรสหวาน 180 กรัม
• เนยรสจืด 60 กรัม เข้าไมโครเวฟ 30 วินาที
ส่วนผสม ครีมชีส (ส่วนที่ 2)
• เจลาติน (1) 4 แผ่น หรือ 6.4 กรัม
• ครีมชีส (อุณหภูมิห้อง) 200 กรัม
• มาสคาร์โปเนชีส (อุณหภูมิห้อง) 250 กรัม
• น้ำตาลทราย (1) 60 กรัม
• วิปปิ้งครีม (1) 90 มิลลิลิตร
• เกลือเล็กน้อย ประมาณปลายช้อนของช้อนชา
• น้ำเปล่า อุณหภูมิห้อง (สำหรับแช่เจลาติน)
ส่วนผสม ซอสบลูเบอร์รี (ส่วนที่ 3)
• บลูเบอร์รีสด 250 กรัม
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย (2) 60 กรัม
• กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
• เจลาติน 1 แผ่น หรือ 1.6 กรัม (2)
• น้ำเปล่า อุณหภูมิห้อง (สำหรับแช่เจลาติน)
ส่วนผสม วิปปิ้งครีม (ส่วนที่ 4)
• วิปปิ้งครีม แช่ตู้เย็น 300 มิลลิลิตร
ส่วนผสม ซอสราดหน้าชีสเค้ก (ส่วนที่ 5)
• บลูเบอร์รีสด 200 กรัม
• น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำตาลทราย 60 กรัม
หมายเหตุ : ใครชอบหวานมากหวานน้อย สามารถลดหรือเพิ่มน้ำตาลได้นะคะ
อุปกรณ์
• ฟอร์มทรงกลมกว้าง 18 เซนติเมตร
• กระดาษไข ใช้รองก้นฟอร์มและขอบฟอร์ม เพื่อจะได้ง่ายเมื่อต้องนำชีสเค้กออกจากฟอร์ม
วิธีทำบลูเบอร์รีชีสเค้ก
ทำครีมชีส โดยนำเจลาตินแช่น้ำทิ้งไว้ก่อน และนำครีมชีส มาสคาร์โปเนชีส วิปปิ้งครีม น้ำตาลทราย และเกลือ ใส่ลงในชามผสมตั้งบนไอน้ำร้อน ระวังไม่ให้ก้นชามโดนน้ำนะ เดี๋ยวจะร้อนจนเกินไป คนทุกอย่างให้เข้าใจ แล้วใส่เจลาตินลงไป คนให้เจลาตินละลาย ปิดไฟ พักไว้ก่อนค่ะ
ทำซอสบลูเบอร์รี โดยตั้งไฟให้ร้อน เติมบลูเบอร์รี น้ำมะนาว น้ำตาลทราย กลิ่นวานิลลา และเจลาติน คนให้ทุกอย่างเข้ากัน พักไว้ก่อน
ทำวิปปิ้งครีม โดยตีวิปปิ้งครีมใช้ความเร็วปานกลางค่อนข้างสูง ตีจนกว่าครีมจะตั้งยอดคล้าย ๆ ขนมอาลัว
นำครีมชีสมากรองเพื่อให้เนื้อครีมชีสละเอียดยิ่งขึ้น แล้วนำครีมชีสมาผสมกับวิปปิ้งครีม แบ่งเป็น 3 ส่วนค่อย ๆ คนเบา ให้เนื้อครีมเข้ากันอย่างละเอียด แบ่งครีมชีสออกเป็น 3 ส่วน ส่วนละ 265 กรัม
ชามที่ 1 พักไว้ (ครีมชีสสีขาว)
ชามที่ 2 ใส่ผลบลูเบอร์รีทั้งหมดที่มีพร้อมน้ำบลูเบอร์รีครึ่งหนึ่งที่มี ผสมให้เข้ากัน
ชามที่ 3 ใส่น้ำบลูเบอร์รีที่เหลือผสมลงไปให้หมด ผสมให้เข้ากัน
นำครีมชีสที่มีผลบลูเบอร์รี (ชามที่ 2) เทลงไปในฟอร์มที่เตรียมไว้ แล้วนำไปพักไว้ในตู้เย็น 30 นาที
เมื่อครบ 30 นาทีนำฟอร์มออกมาจากตู้เย็น เทครีมชีสที่ผสมน้ำบลูเบอร์รี (ชามที่ 3) ลงไป พักในตู้เย็นอีก 30 นาที
เมื่อครบ 30 นาที นำฟอร์มออกจากตู้เย็น เทครีมชีสสีขาว (ชามที่ 1) ลงไป พักไว้ในตู้เย็น 5-6 ชั่วโมง หรือข้ามคืน
เสร็จเรียบร้อยแล้ว ก่อนเสิร์ฟแต่งด้วยผลบลูเบอร์รีสดๆ ตัดเสิร์ฟราดด้วยซอสบลูเบอร์รี
ทานคู่กับกาแฟร้อน ๆ อร่อยเหมือนได้ทานในโรงแรม 5 ดาวเลยทีเดียวค่ะ
ว้าว ! แค่ทำครีมชีสสลับสีก็ทำให้เมนูบลูเบอร์รีชีสเค้กน่ากินกว่าเดิมเยอะเลย วันหยุดนี้ต้องหาเวลาว่างลองทำหน่อยแล้วล่ะ ใครอาสาเป็นลูกมือได้กินฟรีนะคะ มีใครสนใจไหมหนอ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก
คุณแม่นกกะอันนา สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม