วิธีล้างแอร์บ้านด้วยตัวเอง 20 ขั้นตอน จากพ่อบ้านอดีตลูกมือช่างแอร์
สะอาดเกลี้ยงทั้งด้านนอกและด้านใน ไม่ว่าใครก็ล้างแอร์บ้านเองได้
ไม่ต้องง้อช่าง
สำหรับคนที่กำลังหาวิธีล้างแอร์บ้านด้วยตัวเอง เพราะช่างไม่ว่างหรืออยากลองล้างแอร์เองดูบ้าง วันนี้ คุณ SINCE 1990 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เลยถือโอกาสรื้อวิชาที่เคยได้มาตอนเป็นลูกมือช่างแอร์ มาสอนวิธีล้างแอร์บ้านด้วยตัวเองให้ทุกคนได้ชมกัน เอาไว้ศึกษาวิธีการล้างแอร์บ้านเอง เผื่อช่างไม่ว่างหรืออยากลองล้างแอร์ด้วยตัวเอง
[CR] 20 ขั้นตอนการล้างแอร์ง่าย ๆ สไตล์พ่อบ้าน (ล้างเอง) โดย คุณ SINCE 1990
เมื่อเรียกช่างก็ไม่มีร้านไหนว่างวันหยุดเลย ผมก็เลยถือโอกาสใช้วิชาที่ได้ศึกษามาในสมัยเรียนมอปลาย ซึ่งในช่วงปิดเทอมผมเคยมารับจ๊อบพิเศษเป็นลูกมือช่างแอร์ในสมัยนั้นครับ เอาล่ะครับมารื้อความรู้ซักหน่อย เรามาเริ่มกันเลย
สิ่งที่ต้องเตรียมก็ไม่มีอะไรมากครับ สิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้านของเรานั่นแหละ ซึ่งก็มี..
1.สายยางหัวฉีดที่เอาไว้ใช้รดน้ำต้นไม้ สามารถใช้แทนปั้มน้ำแรงดันสูงได้
2. ผ้ายางยาว ๆ หน่อย เอาไว้เป็นรางน้ำที่ไหลจากการฉีด
3. ถังน้ำเอาไว้รองน้ำ
4. เทปกาวเอาไว้ติดผ้ายางกับตัวแอร์
5. บันไดเอาไว้ปีน
6. น้ำยาล้างจาน แล้วก็ฟองน้ำล้างจาน เอาไว้ล้างอุปกรณ์ที่ถอดออกมา
7. ไขควง 4 แฉก เอาไว้ขันนอต
8. ผ้าซับน้ำ ไว้ซับน้ำ เช็ดอุปกรณ์และอะไหล่ให้แห้ง
ต่อไปคือขั้นตอนของการถอดอะไหล่ตัวแอร์ในบ้าน ถ้าภาษาช่าง เขาจะเรียกว่าคอยล์เย็นครับ ข้อสำคัญที่สุดก่อนจะทำการถอดอะไหล่แอร์ ต้องแน่ใจว่าเราเอาสวิตช์เบรกเกอร์ลงอยู่ในสถานะ OFF แล้ว จากนั้นก็ลองกดเปิดแอร์ดู ถ้าแอร์เปิดไม่ติด ก็ทำการถอดและรื้อแอร์ได้เลย
- เปิดบานสวิงดู แทบช็อกครับ สกปรกมาก
ขั้นตอนที่ 1 เปิดฝาหน้า เพื่อถอดฟิลเตอร์ออกครับ ขั้นตอนนี้ตอนค่อย ๆ ดึงออกมานะครับ ไม่งั้นฝุ่นกระจายแน่
ขั้นตอนที่ 2 หาจุดขันนอต ซึ่งจะมีจุกพลาสติกปิดไว้ บริเวณด้านล่าง ใกล้กับบานสวิง แอร์ส่วนใหญ่จะมี 2-3 จุดซ้าย กลาง และขวา แต่แอร์ตัวนี้เป็นแอร์ขนาดเล็กมีอยู่ 2 จุด ดึงออกได้เลย
ขั้นตอนที่ 3 ใช้ไขควงขันนอตตรงจุดที่เราถอดจุกพลาสติกออกทวนเข็มนาฬิกา
- แล้วก็อีกจุดคือ ตรงบริเวณฝาปิดจุดเชื่อมต่อสายไฟ
ขั้นตอนที่ 4 วางไขควงแล้วใช้สองมือ โดยแบมือหงาย สอดเข้าไปบริเวณฝาบนแอร์ แล้วดันขึ้น เพื่อให้ล็อกที่มีสลักอยู่หลุด จะมีเสียงดังแก๊ก พอสลักหลุดแล้ว ให้ดึงฝาบนออกมาเล็กน้อย
ขั้นตอนที่ 5 จับฝาด้านล่างสองข้าง แล้วดึงออกมา
พอถอดฝาครอบแอร์ออกมาแล้ว ให้นำไปวางไว้รอล้าง ซึ่งวิธีการวาง ให้วางแบบคว่ำไว้ ไม่ควรวางแนวตั้งพิงอะไรไว้ เพราะถ้าพื้นลื่น ฝาครอบแอร์อาจหล่นลงมาแตกหักได้ แล้วก็อีกอย่างคือไม่ควรวางแบบหงายไว้ เพราะจะทำให้ฝาหน้าแอร์เรามีรอยถู รอยขีดข่วนครับ
ขั้นตอนที่ 6 ขั้นตอนของการถอดบานสวิง ให้ถอดสลักยึดตรงกลางออกก่อน
- จากนั้นค่อย ๆ ดึงตรงกลางให้หย่อน แล้วถอดด้านซ้ายมือเรา เสร็จแล้วค่อยถอดด้านขวาออกจากมอเตอร์สวิง
- ถอดออกมาแล้วบางรุ่น จะมีที่ครอบเล็ก ๆ ให้ถอดออกมาเก็บไว้นะครับ เพราะตอนล้างหลุดง่ายมาก ถ้าหายมาเดี๋ยวงานเข้าครับ
- ถอดออกมาแล้วก็วางแนวนอนไว้รอล้างครับ
ขั้นตอนที่ 7 หาถุงใหญ่ๆหน่อย มาคลุมชุดแผงวงจรไว้ กันเวลาเราฉีดน้ำ เดี๋ยวไปโดนครับ
ขั้นตอนที่ 8 เตรียมเทปกาว
แล้วก็ผ้ายางติดด้านข้างซ้าย-ขวา
ถ้าไม่แน่ก็หาคลิปดำหรือตัวหนีบผ้ามาหนีบไว้ครับ พยายามทำให้เป็นรางน้ำ
อีกด้านหนึ่งก็หย่อนลงในถังน้ำ
ขั้นตอนที่ 9 ฉีดน้ำตามแนวท่อทองแดงรังผึ้งครับ
ตอนฉีดสังเกตุว่าน้ำจะไหลลงมาในถังเราไม่เยอะ ไม่ต้องตกใจครับ
เพราะเราไม่ได้ถอดรางน้ำของตัวแอร์ แต่น้ำจะไหลไปตามท่อน้ำทิ้ง
ถ้าน้ำล้นน้ำก็จะไหลลงรางน้ำผ้ายางของเราเองครับ
ขั้นตอนที่ 10 ฉีดน้ำล้างโบเวอร์แอร์ ตรงพัดลมครับ ตอนฉีดให้ใช้มือด้านถนัดฉีดน้ำ แล้วอีกข้างให้จับโบเวอร์แอร์ไว้ไม่ให้หมุนเร็ว เดี๋ยวสะอาดไม่ทั่วถึง อีกอย่างก็กันการสึกหรอของมอเตอร์ด้วยครับ ตรงนี้เขาเรียกว่า "โบเวอร์แอร์" ครับ น้ำฉีดโลดด
- ฉีดเสร็จแล้วก็ลงน้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอกซะหน่อย แล้วก็ฉีดน้ำอีกรอบจนมั่นใจว่าแอร์เราสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้ว
ขั้นตอนที่ 11 ระหว่างที่รอแม่บ้านล้างอะไหล่ เราก็แว้บออกไปล้างคอนเดนเซอร์แอร์ (คอยล์ร้อน) อยู่นอกตัวบ้าน แล้วอย่าลืมพกถุงไปด้วยนะ (ถุงพลาสติกนะครับ ;) )
ขั้นตอนที่ 12 ขันนอตฝาบนซ้าย-ขวา หรือถ้ามีด้านหลัง-ด้านหน้าก็ขันกันไป
- พอขันนอตซ้าย-ขวา-หน้า-หลังออกหมด ก็ยกฝาบนขึ้นครับ
ขั้นตอนที่ 13 ตรงนี้นี่แหละ ที่เราจะได้ใช้ถุงที่พกมา เพราะแอร์บางรุ่น มอเตอร์พัดลมจะมีรูระบายความร้อน เวลาฉีดน้ำเข้ามาแรง ๆ น้ำก็จะเข้าไปในตัวมอเตอร์ เปิดแอร์ปุ๊บ ระเบิดปั๊บเลย ฉะนั้นเราต้องใช้ถุงคลุมไว้ให้มิดชิด แต่โชคดีที่แอร์บ้านผมไม่มีรูให้ใช้ถุง ก็เลยต้องทิ้งถุงแล้วฉีดได้เลย ;)
- นี่แค่แรงดังจากน้ำก๊อกธรรมดานะ ถ้ามีปั๊มแรงดันสูง ใครที่แอร์มอเตอร์พัดลมมีรูนี้ ไม่คลุม=ไม่รอด น้ำพุ่งเชียว แต่ถ้าใช้ถุงคลุมแล้ว พอฉีดเสร็จอย่าลืมเอาถุงออกด้วยล่ะ ไม่งั้นงานงอกแน่ ๆ โดนผู้ช่วยด่าไปสามวันเจ็ดวัน เพราะถ้าพัดลมไหม้นี่ เตรียมตังค์ไว้หลักพันเลย
- ฉีดด้านนอก-ด้านใน จนมั่นใจว่าสะอาดแล้ว ก็พอ
ขั้นตอนที่ 14 ประกอบฝาบนเข้าเหมือนเดิม ขันนอตให้ครบด้วยล่ะ
ถ้าขันไม่ครบเดี๋ยวตอนแอร์ทำงานมันจะดังให้รำคาญใจตอนดึก ๆ ดื่น ๆ
พอประกอบเสร็จ สังเกตุเห็นผ้าพันท่อแอร์ขาด
สาเหตุน่าจะเกิดจากแสงแดดที่แผดเผา เพราะอายุอานามแอร์ตัวนี้ก็ติดนานแล้ว
ใช้เทปกาวพันไว้ซักหน่อย
ขั้นตอนที่ 15 กลับเข้ามาในบ้าน แล้วประกอบคอยล์เย็น
- ใส่สวิงก่อน อย่าลืมตัวครอบเล็ก ๆ ของสวิงที่เราถอดออกล่ะ ใส่เข้าไปด้วย
- ใส่สวิงจากขวามือเรา เสียบเข้าไปที่มอเตอร์สวิงให้ลงล็อก จากนั้นก็ใส่ด้านซ้ายมือ เสร็จแล้วก็ใส่ตรงกลาง เสียบเข้าไปในล็อกให้ดังแก็ก
ขั้นตอนที่ 16 ใส่ฝาครอบแอร์ วิธีการใส่คือ ต้องใส่จากล่างขึ้นบน เราต้องใส่ให้ตรงช่องสวิงก่อน แล้วค่อยดันเข้าด้านบนถ้าเข้าล็อกจะดังแก็ก 2 แก็ก ขันนอตให้เรียบร้อย ใส่จุกพลาสติก
ขั้นตอนที่ 17 ใส่ฝาครอบจุดเชื่อมต่อไฟ แล้วขันนอตให้เรียบร้อย
ขั้นตอนที่ 18 ใส่ฟิลเตอร์ ปิดฝา
ขั้นตอนที่ 19 ใช้ผ้าสะอาดเช็ดตัวแอร์ให้แห้ง
ขั้นตอนที่ 20 เปิดสวิตช์เบรกเกอร์ และกดรีโมทเปิดแอร์ครับ
ตอนเปิดแอร์ มันก็จะมีละอองน้ำออกมาหน่อย ๆ อย่าตกใจนะครับ น้ำที่ออกมาคือน้ำที่เกาะอยู่ตามโบเวอร์แอร์แหละครับ เสร็จสิ้นภารกิจการล้างแอร์แบบบ้าน ๆ ของพ่อบ้าน หวังว่าวิธีนี้คงมีประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องรอหรือง้อช่าง เราเองก็สามารถล้างเองได้ ถ้าข้อมูลมีประโยชน์ผมขอความกรุณาทุกท่านกดเครื่องหมายบวกให้ผมด้วยนะครับ ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร กดแล้วได้อะไร แต่ผมเองเห็นมันบวกเยอะ ๆ แล้วรู้สึกดีต่อใจ แล้วก็มีกำลังใจเขียนรีวิวต่อไป ขอบพระคุณมากครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ SINCE 1990 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
สำหรับคนที่กำลังหาวิธีล้างแอร์บ้านด้วยตัวเอง เพราะช่างไม่ว่างหรืออยากลองล้างแอร์เองดูบ้าง วันนี้ คุณ SINCE 1990 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เลยถือโอกาสรื้อวิชาที่เคยได้มาตอนเป็นลูกมือช่างแอร์ มาสอนวิธีล้างแอร์บ้านด้วยตัวเองให้ทุกคนได้ชมกัน เอาไว้ศึกษาวิธีการล้างแอร์บ้านเอง เผื่อช่างไม่ว่างหรืออยากลองล้างแอร์ด้วยตัวเอง
เมื่อเรียกช่างก็ไม่มีร้านไหนว่างวันหยุดเลย ผมก็เลยถือโอกาสใช้วิชาที่ได้ศึกษามาในสมัยเรียนมอปลาย ซึ่งในช่วงปิดเทอมผมเคยมารับจ๊อบพิเศษเป็นลูกมือช่างแอร์ในสมัยนั้นครับ เอาล่ะครับมารื้อความรู้ซักหน่อย เรามาเริ่มกันเลย
สิ่งที่ต้องเตรียมก็ไม่มีอะไรมากครับ สิ่งของเครื่องใช้ภายในบ้านของเรานั่นแหละ ซึ่งก็มี..
2. ผ้ายางยาว ๆ หน่อย เอาไว้เป็นรางน้ำที่ไหลจากการฉีด
3. ถังน้ำเอาไว้รองน้ำ
4. เทปกาวเอาไว้ติดผ้ายางกับตัวแอร์
5. บันไดเอาไว้ปีน
6. น้ำยาล้างจาน แล้วก็ฟองน้ำล้างจาน เอาไว้ล้างอุปกรณ์ที่ถอดออกมา
7. ไขควง 4 แฉก เอาไว้ขันนอต
8. ผ้าซับน้ำ ไว้ซับน้ำ เช็ดอุปกรณ์และอะไหล่ให้แห้ง
ต่อไปคือขั้นตอนของการถอดอะไหล่ตัวแอร์ในบ้าน ถ้าภาษาช่าง เขาจะเรียกว่าคอยล์เย็นครับ ข้อสำคัญที่สุดก่อนจะทำการถอดอะไหล่แอร์ ต้องแน่ใจว่าเราเอาสวิตช์เบรกเกอร์ลงอยู่ในสถานะ OFF แล้ว จากนั้นก็ลองกดเปิดแอร์ดู ถ้าแอร์เปิดไม่ติด ก็ทำการถอดและรื้อแอร์ได้เลย
- เปิดบานสวิงดู แทบช็อกครับ สกปรกมาก
ขั้นตอนที่ 1 เปิดฝาหน้า เพื่อถอดฟิลเตอร์ออกครับ ขั้นตอนนี้ตอนค่อย ๆ ดึงออกมานะครับ ไม่งั้นฝุ่นกระจายแน่
ขั้นตอนที่ 2 หาจุดขันนอต ซึ่งจะมีจุกพลาสติกปิดไว้ บริเวณด้านล่าง ใกล้กับบานสวิง แอร์ส่วนใหญ่จะมี 2-3 จุดซ้าย กลาง และขวา แต่แอร์ตัวนี้เป็นแอร์ขนาดเล็กมีอยู่ 2 จุด ดึงออกได้เลย
- แล้วก็อีกจุดคือ ตรงบริเวณฝาปิดจุดเชื่อมต่อสายไฟ
ขั้นตอนที่ 4 วางไขควงแล้วใช้สองมือ โดยแบมือหงาย สอดเข้าไปบริเวณฝาบนแอร์ แล้วดันขึ้น เพื่อให้ล็อกที่มีสลักอยู่หลุด จะมีเสียงดังแก๊ก พอสลักหลุดแล้ว ให้ดึงฝาบนออกมาเล็กน้อย
ขั้นตอนที่ 5 จับฝาด้านล่างสองข้าง แล้วดึงออกมา
พอถอดฝาครอบแอร์ออกมาแล้ว ให้นำไปวางไว้รอล้าง ซึ่งวิธีการวาง ให้วางแบบคว่ำไว้ ไม่ควรวางแนวตั้งพิงอะไรไว้ เพราะถ้าพื้นลื่น ฝาครอบแอร์อาจหล่นลงมาแตกหักได้ แล้วก็อีกอย่างคือไม่ควรวางแบบหงายไว้ เพราะจะทำให้ฝาหน้าแอร์เรามีรอยถู รอยขีดข่วนครับ
ขั้นตอนที่ 6 ขั้นตอนของการถอดบานสวิง ให้ถอดสลักยึดตรงกลางออกก่อน
- จากนั้นค่อย ๆ ดึงตรงกลางให้หย่อน แล้วถอดด้านซ้ายมือเรา เสร็จแล้วค่อยถอดด้านขวาออกจากมอเตอร์สวิง
- ถอดออกมาแล้วบางรุ่น จะมีที่ครอบเล็ก ๆ ให้ถอดออกมาเก็บไว้นะครับ เพราะตอนล้างหลุดง่ายมาก ถ้าหายมาเดี๋ยวงานเข้าครับ
- ถอดออกมาแล้วก็วางแนวนอนไว้รอล้างครับ
ขั้นตอนที่ 7 หาถุงใหญ่ๆหน่อย มาคลุมชุดแผงวงจรไว้ กันเวลาเราฉีดน้ำ เดี๋ยวไปโดนครับ
ขั้นตอนที่ 10 ฉีดน้ำล้างโบเวอร์แอร์ ตรงพัดลมครับ ตอนฉีดให้ใช้มือด้านถนัดฉีดน้ำ แล้วอีกข้างให้จับโบเวอร์แอร์ไว้ไม่ให้หมุนเร็ว เดี๋ยวสะอาดไม่ทั่วถึง อีกอย่างก็กันการสึกหรอของมอเตอร์ด้วยครับ ตรงนี้เขาเรียกว่า "โบเวอร์แอร์" ครับ น้ำฉีดโลดด
- ฉีดเสร็จแล้วก็ลงน้ำยาล้างจานหรือผงซักฟอกซะหน่อย แล้วก็ฉีดน้ำอีกรอบจนมั่นใจว่าแอร์เราสะอาดทุกซอกทุกมุมแล้ว
ขั้นตอนที่ 11 ระหว่างที่รอแม่บ้านล้างอะไหล่ เราก็แว้บออกไปล้างคอนเดนเซอร์แอร์ (คอยล์ร้อน) อยู่นอกตัวบ้าน แล้วอย่าลืมพกถุงไปด้วยนะ (ถุงพลาสติกนะครับ ;) )
ขั้นตอนที่ 12 ขันนอตฝาบนซ้าย-ขวา หรือถ้ามีด้านหลัง-ด้านหน้าก็ขันกันไป
- พอขันนอตซ้าย-ขวา-หน้า-หลังออกหมด ก็ยกฝาบนขึ้นครับ
ขั้นตอนที่ 13 ตรงนี้นี่แหละ ที่เราจะได้ใช้ถุงที่พกมา เพราะแอร์บางรุ่น มอเตอร์พัดลมจะมีรูระบายความร้อน เวลาฉีดน้ำเข้ามาแรง ๆ น้ำก็จะเข้าไปในตัวมอเตอร์ เปิดแอร์ปุ๊บ ระเบิดปั๊บเลย ฉะนั้นเราต้องใช้ถุงคลุมไว้ให้มิดชิด แต่โชคดีที่แอร์บ้านผมไม่มีรูให้ใช้ถุง ก็เลยต้องทิ้งถุงแล้วฉีดได้เลย ;)
- นี่แค่แรงดังจากน้ำก๊อกธรรมดานะ ถ้ามีปั๊มแรงดันสูง ใครที่แอร์มอเตอร์พัดลมมีรูนี้ ไม่คลุม=ไม่รอด น้ำพุ่งเชียว แต่ถ้าใช้ถุงคลุมแล้ว พอฉีดเสร็จอย่าลืมเอาถุงออกด้วยล่ะ ไม่งั้นงานงอกแน่ ๆ โดนผู้ช่วยด่าไปสามวันเจ็ดวัน เพราะถ้าพัดลมไหม้นี่ เตรียมตังค์ไว้หลักพันเลย
- ฉีดด้านนอก-ด้านใน จนมั่นใจว่าสะอาดแล้ว ก็พอ
ขั้นตอนที่ 15 กลับเข้ามาในบ้าน แล้วประกอบคอยล์เย็น
- ใส่สวิงก่อน อย่าลืมตัวครอบเล็ก ๆ ของสวิงที่เราถอดออกล่ะ ใส่เข้าไปด้วย
- ใส่สวิงจากขวามือเรา เสียบเข้าไปที่มอเตอร์สวิงให้ลงล็อก จากนั้นก็ใส่ด้านซ้ายมือ เสร็จแล้วก็ใส่ตรงกลาง เสียบเข้าไปในล็อกให้ดังแก็ก
ขั้นตอนที่ 16 ใส่ฝาครอบแอร์ วิธีการใส่คือ ต้องใส่จากล่างขึ้นบน เราต้องใส่ให้ตรงช่องสวิงก่อน แล้วค่อยดันเข้าด้านบนถ้าเข้าล็อกจะดังแก็ก 2 แก็ก ขันนอตให้เรียบร้อย ใส่จุกพลาสติก
ขั้นตอนที่ 17 ใส่ฝาครอบจุดเชื่อมต่อไฟ แล้วขันนอตให้เรียบร้อย
ขั้นตอนที่ 18 ใส่ฟิลเตอร์ ปิดฝา
ขั้นตอนที่ 19 ใช้ผ้าสะอาดเช็ดตัวแอร์ให้แห้ง
ขั้นตอนที่ 20 เปิดสวิตช์เบรกเกอร์ และกดรีโมทเปิดแอร์ครับ
ตอนเปิดแอร์ มันก็จะมีละอองน้ำออกมาหน่อย ๆ อย่าตกใจนะครับ น้ำที่ออกมาคือน้ำที่เกาะอยู่ตามโบเวอร์แอร์แหละครับ เสร็จสิ้นภารกิจการล้างแอร์แบบบ้าน ๆ ของพ่อบ้าน หวังว่าวิธีนี้คงมีประโยชน์ต่อท่านผู้อ่านไม่มากก็น้อย อย่างน้อยเราก็ไม่ต้องรอหรือง้อช่าง เราเองก็สามารถล้างเองได้ ถ้าข้อมูลมีประโยชน์ผมขอความกรุณาทุกท่านกดเครื่องหมายบวกให้ผมด้วยนะครับ ผมไม่รู้ว่ามันคืออะไร กดแล้วได้อะไร แต่ผมเองเห็นมันบวกเยอะ ๆ แล้วรู้สึกดีต่อใจ แล้วก็มีกำลังใจเขียนรีวิวต่อไป ขอบพระคุณมากครับ
ขอขอบคุณข้อมูลและภาพประกอบจาก คุณ SINCE 1990 สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม