หนุ่มออฟฟิศปรึกษาชาวโซเชียล
หลังถูกเจ้านายแฮกกรุ๊ปไลน์ส่วนตัวของกลุ่มพนักงานที่แอบนินทา
จนโดนขู่จะฟ้องหมิ่นประมาท ขอถามงานนี้ใครผิด
สังคมการทำงานย่อมมีการกระทบกระทั่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้งมักจะไม่จบที่โต๊ะทำงาน มีไปแอบซุบซิบนินทากันนอกรอบ ซึ่งหากผู้ที่ถูกกล่าวถึงทราบเรื่องขึ้นมา ก็อาจจะเป็นเรื่องได้ โดยเฉพาะหากคน ๆ นั้นเป็นถึงเจ้านาย
เช่นเดียวกับคุณ บิ๊กแม้น สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อแอบนินทาเจ้านายร่วมกับกลุ่มพนักงานในออฟฟิศผ่านทางกรุ๊ปไลน์ส่วนตัว แต่เจอเจ้านายมาเหนือแฮกกรุ๊ปไลน์เข้าไปอ่าน เลยเกิดเป็นเรื่องราวถึงขั้นจะขึ้นโรงขึ้นศาล งานนี้ก็เลยมาตั้งกระทู้เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2560 เพื่อขอความคิดเห็นจากชาวโซเชียลว่า แท้จริงแล้วใครผิดกันแน่
โดยหนุ่มออฟฟิศเจ้าของเรื่องได้เล่าว่า เจ้านายได้ให้เจ้าหน้าที่ไอทีของบริษัท เข้าไปดูในกรุ๊ปไลน์ส่วนตัวของพนักงานที่แชทคุยกัน ซึ่งเล่นบนคอมพิวเตอร์และ มือถือ กระทั่งไปเจอข้อความที่แอบซุบซิบนินทาเจ้านาย เขาจึงโกรธมาก เรียกพนักงานเข้าไปเซ็นเอกสารว่า หากทำอีกจะฟ้องศาลและไล่ออก แต่สิ่งที่หนักกว่านั้นคือ ในส่วนของเจ้าของกระทู้ ถูกเจ้านายเรียกคุยส่วนตัว บอกว่าไม่ชอบที่พูดลับหลังกันแบบนั้น และถ้าทำอีกจะฟ้องศาล โดยบอกว่าปรึกษาทนายมาแล้วสามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ แถมยังบังคับให้เซ็นเอกสารอีกด้วย แต่ลูกน้องก็ไม่ยอมเซ็นตไปเพราะรู้สึกว่า ที่แชทคุยกันเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ก็ได้มีการขอโทษเจ้านายไปในส่วนที่ซุบซิบนินทา ซึ่งยอมรับว่ามีเรื่องของงานและอารมณ์ส่วนตัวบ้าง ตามประสาคนทำงาน แต่เป็นการพูดในกลุ่มปิดหรือในที่ส่วนบุคคล ไม่ได้ออกไปยังที่สาธารณะใด ซึ่งตนมองว่ามันเป็นเรื่องของปุถุชนหรือคนทำงานทั่วไป
แต่ทั้งนี้ อยากทราบว่า
การที่เจ้านายเข้าไปแอบดูข้อความในแชทไลน์นั้น
ถือว่าเจ้านายละเมิดสิทธิส่วนบุคคลหรือไม่ ในการสนทนานั้น
บางส่วนย่อมมีการพูดถึงข้อดีและข้อเสียในการทำงานรวมไปถึงข้อเสียของบุคคลที่เป็นเพื่อนร่วมงาน
หัวหน้างานหรือแม้กระทั่งเจ้านาย
แต่ในวันที่ตนเริ่มมาเข้าทำงานนั้นไม่ได้มีการเซ็นรับทราบกฎในข้อที่ว่าให้หัวหน้างานหรือผู้บริหารสามารถเข้าไปดูในส่วนนี้ได้
ดังนั้นจึงอยากทราบว่า ในกรณีนี้
เจ้านายสามารถฟ้องหมิ่นประมาทลูกน้องได้หรือไม่
ทั้งนี้ เจ้าของเรื่องยังได้บอกว่า เขาและพนักงานอีกหลายคน จากหลายแผนก จะไปลาออกในไม่กี่วันนี้ เพราะไม่ชอบการทำงานในที่ที่ไม่มีสภาวะส่วนบุคคลเช่นนี้
โดยภายหลังจากมีการออกมาตั้งกระทู้ดังกล่าว ก็มีผู้เข้าไปตอบแสดงว่าเป็นความผิดของทางพนักงานที่ใช้เวลางาน คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตของบริษัทในการแชท เมื่อเรียกเตือนแล้วสามารถเลิกจ้างได้ และหากมีการพูดคุยกันในทางเสียหาย เจ้านายสามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ แม้จะอยู่ในกลุ่มส่วนตัว แต่เป็นการบอกต่อถึงบุคคลที่ 3 เมื่อเขารู้ก็สามารถฟ้องได้
ส่วนการที่เจ้านายแอบเข้าไปดูนั้น ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมดูว่า ทางบริษัทเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบหรือไม่ หากเข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคลก็สามารถฟ้องร้องได้เช่นกัน
ข้อมูลจาก บิ๊กแม้น สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม
สังคมการทำงานย่อมมีการกระทบกระทั่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่บางครั้งมักจะไม่จบที่โต๊ะทำงาน มีไปแอบซุบซิบนินทากันนอกรอบ ซึ่งหากผู้ที่ถูกกล่าวถึงทราบเรื่องขึ้นมา ก็อาจจะเป็นเรื่องได้ โดยเฉพาะหากคน ๆ นั้นเป็นถึงเจ้านาย
เช่นเดียวกับคุณ บิ๊กแม้น สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม ที่ประสบกับเหตุการณ์ไม่คาดคิด เมื่อแอบนินทาเจ้านายร่วมกับกลุ่มพนักงานในออฟฟิศผ่านทางกรุ๊ปไลน์ส่วนตัว แต่เจอเจ้านายมาเหนือแฮกกรุ๊ปไลน์เข้าไปอ่าน เลยเกิดเป็นเรื่องราวถึงขั้นจะขึ้นโรงขึ้นศาล งานนี้ก็เลยมาตั้งกระทู้เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2560 เพื่อขอความคิดเห็นจากชาวโซเชียลว่า แท้จริงแล้วใครผิดกันแน่
โดยหนุ่มออฟฟิศเจ้าของเรื่องได้เล่าว่า เจ้านายได้ให้เจ้าหน้าที่ไอทีของบริษัท เข้าไปดูในกรุ๊ปไลน์ส่วนตัวของพนักงานที่แชทคุยกัน ซึ่งเล่นบนคอมพิวเตอร์และ มือถือ กระทั่งไปเจอข้อความที่แอบซุบซิบนินทาเจ้านาย เขาจึงโกรธมาก เรียกพนักงานเข้าไปเซ็นเอกสารว่า หากทำอีกจะฟ้องศาลและไล่ออก แต่สิ่งที่หนักกว่านั้นคือ ในส่วนของเจ้าของกระทู้ ถูกเจ้านายเรียกคุยส่วนตัว บอกว่าไม่ชอบที่พูดลับหลังกันแบบนั้น และถ้าทำอีกจะฟ้องศาล โดยบอกว่าปรึกษาทนายมาแล้วสามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ แถมยังบังคับให้เซ็นเอกสารอีกด้วย แต่ลูกน้องก็ไม่ยอมเซ็นตไปเพราะรู้สึกว่า ที่แชทคุยกันเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ก็ได้มีการขอโทษเจ้านายไปในส่วนที่ซุบซิบนินทา ซึ่งยอมรับว่ามีเรื่องของงานและอารมณ์ส่วนตัวบ้าง ตามประสาคนทำงาน แต่เป็นการพูดในกลุ่มปิดหรือในที่ส่วนบุคคล ไม่ได้ออกไปยังที่สาธารณะใด ซึ่งตนมองว่ามันเป็นเรื่องของปุถุชนหรือคนทำงานทั่วไป
ทั้งนี้ เจ้าของเรื่องยังได้บอกว่า เขาและพนักงานอีกหลายคน จากหลายแผนก จะไปลาออกในไม่กี่วันนี้ เพราะไม่ชอบการทำงานในที่ที่ไม่มีสภาวะส่วนบุคคลเช่นนี้
โดยภายหลังจากมีการออกมาตั้งกระทู้ดังกล่าว ก็มีผู้เข้าไปตอบแสดงว่าเป็นความผิดของทางพนักงานที่ใช้เวลางาน คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตของบริษัทในการแชท เมื่อเรียกเตือนแล้วสามารถเลิกจ้างได้ และหากมีการพูดคุยกันในทางเสียหาย เจ้านายสามารถฟ้องหมิ่นประมาทได้ แม้จะอยู่ในกลุ่มส่วนตัว แต่เป็นการบอกต่อถึงบุคคลที่ 3 เมื่อเขารู้ก็สามารถฟ้องได้
ส่วนการที่เจ้านายแอบเข้าไปดูนั้น ต้องตรวจสอบเพิ่มเติมดูว่า ทางบริษัทเข้าถึงข้อมูลโดยมิชอบหรือไม่ หากเข้าข่ายละเมิดสิทธิส่วนบุคคลก็สามารถฟ้องร้องได้เช่นกัน