หลังได้รับแจ้งว่ามีการรักษาแบบภูมิปัญญาพื้นบ้านโดยการฝังทราย
เป็นความหวังใหม่แก่ผู้ป่วยอัมพฤกษ์ อัมพาต ในครั้งนี้เมื่อวันที่ 3
ก.ค.ผู้สื่อข่าวไปตรวจสอบที่บ้านร่องริว หมู่ 12 อ.เทิง จ.เชียงราย
พบชาวบ้านจำนวนมากรอเข้าคิวรักษาบริเวณลานบ้านด้านล่าง
ทราบผู้ที่ให้การรักษาชื่อนายสมาน อรัญโสต อายุ 73 ปี หรือลุงสมาน
อดีตผู้ใหญ่บ้านบ้านร่องริว หมู่ 12 ต.เวียง อ.เทิง
ปัจจุบันเป็นประธานสมาคมหมอเมือง อ.เทิง ลุงสมานเล่าให้ฟังว่า ได้
รักษาผู้ป่วยด้วยการแพทย์แผนโบราณมานานแล้ว เมื่อก่อนรักษาอยู่ที่ รพ.เทิง
แต่ตอนนี้อายุเยอะ จึงมาเปิดรักษาที่บ้านแทนเพราะเป็นห่วงเรื่องการเดินทาง
โดยรักษาทั้งยาสมุนไพร การนวด การย่างไฟ การเหยียบขางหรือเหยียบไฟ
และฝังทรายเพื่อบำบัดอาการอัมพฤกษ์ อัมพาต วิธีรักษามีการไหว้ครูและสวดคาถา
จากนั้นจะขุดทรายเป็นร่อง
นำหญ้าคามาวางบนทรายแล้วจุดไฟเผาเพื่อให้ทรายเกิดความร้อน
เมื่อเผาเสร็จก็เก็บเศษหญ้าออกให้หมด
จากนั้นให้ผู้ป่วยนอนบนร่องทรายที่ขุดเตรียมไว้
แล้วใช้ทรายกลบร่างกายด้านบนให้เหลือแค่ส่วนหัวโผล่ให้ผู้ป่วยหายใจ
และทิ้งไว้ประมาณ 1 ชั่วโมง การรักษามีค่าครูคนละ 108 บาททุกราย
ต่อมาผู้ที่มารักษาได้ถ่ายรูปโพสต์ในเฟซบุ๊กจนมีคนรู้จักมากขึ้น
และโทรศัพท์มาสอบถามหลายราย บางคนโทร.มาจาก จ.นครราชสีมา อุทัยธานี พิจิตร
กรุงเทพฯก็มี ล่าสุดมีญาติผู้ป่วยจาก
สปป.ลาวโทร.มาสอบถามเพื่อจะพาญาติมารักษา
ที่ผ่านมาเคยช่วยงานอธิบดีกรมพัฒนาแพทย์แผนไทย
ทั้งเป็นวิทยากรเผยแพร่ความรู้ และออกไปรักษาผู้ป่วยตามพื้นที่ต่างๆ
ตั้งแต่สมัย นพ.สุพรรณ ศรีธรรมมา จนปัจจุบัน นพ.สุริยะ วงศ์คงคาเทพ
เป็นอธิบดีฯก็ยังมีเจ้าหน้าที่แวะเวียนมาเก็บข้อมูลและทำการวิจัยบ่อยครั้ง
ผู้สนใจติดต่อรักษาได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 08-3956-1099
นายอนันต์ ลือศักดิ์ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 6 หมู่ 1 ต.ป่าแงะ อ.ป่าแดด
จ.เชียงราย เปิดเผยว่าได้พานางสุวรรณ ลือศักดิ์ อายุ 61 ปี
มารดาที่ป่วยเป็นโรคแขนขาอ่อนแรงและพาร์กินสันมานานกว่า 2
ปีเคยพาไปรักษาหลายแห่ง
เมื่อเห็นจากเฟซบุ๊กว่ามีหมอพื้นบ้านรักษาด้วยการใช้วิธีฝังทราย
จึงตัดสินใจพาแม่มารักษาดู และหวังว่าแม่จะมีอาการดีขึ้น
ทางด้านนางเสาวนีย์ กุลสมบูรณ์ ผอ.สำนักการแพทย์พื้นบ้านไทย
กรมพัฒนาการแพทย์ไทยและแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า
การรักษาโดยการฝังทรายเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่มีมานานแล้ว
แต่ไม่มีการบันทึกไว้ ในประเทศไทยมีการรักษาหลายแห่ง เท่าที่ทราบมีหมอแพ
พิลาคำ ที่ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์
แถบภาคใต้ก็มีการฝังทรายเช่นกันแต่เป็นทรายจากทะเล
ที่ผ่านมายังไม่มีการวิจัยเรื่องนี้อย่างจริงจัง
คาดว่าความร้อนจากทรายจะส่งผลให้เลือดลมของผู้ป่วยเดินได้ดีขึ้น
กรณีของพ่อหมอสมานทางกรมได้แวะเวียนไปหาบ่อยครั้ง
มีการรักษาเชิงประจักษ์อยู่เคสหนึ่งเป็นผู้ป่วยที่หมอโรงพยาบาลวินิจฉัยว่าไม่สามารถกลับมาเดินได้อีก
แต่เมื่อมารักษากับหมอสมานปรากฏว่าอาการดีขึ้นจนสามารถเดินได้ในที่สุด
ถือเป็นความมหัศจรรย์ของการแพทย์แผนไทย
ปัจจุบันทางกรมกำลังทำเรื่องของบจากสภาวิจัยแห่งชาติเพื่อศึกษาเรื่องนี้
อย่างจริงจัง
โดยจะจัดเก็บรวบรวมองค์ความรู้เหล่านี้ไว้เพื่อไม่ให้ภูมิปัญญาที่มีค่าสูญหายไป.
