การมีรายได้สูง ๆ ไม่ได้ทำให้เรารวยขึ้นได้
แต่ความร่ำรวยจะเกิดก็ต่อเมื่อเราสามารถบริหารการใช้เงินให้เหลือเก็บนั่นต่างหาก
ดังนั้นหากตอนนี้คุณรู้สึกว่าเก็บเงินไม่ค่อยอยู่เลย ลองมาเช็กว่าคุณมี 8
สัญญาณการใช้เงินแบบผิด ๆ ที่ทำให้ไม่เหลือเงินเก็บอยู่กี่ข้อกัน
1. มีเงินไม่พอจะจ่ายหนี้ เป็นอย่างนี้แทบทุกเดือน !
นอกจากจะมีชีวิตแบบสิ้นเดือนสะเทือนใจแล้ว พอมีรายได้เข้ามาคุณมักจะพบว่าไม่สามารถจ่ายบิลค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมด หรือจ่ายได้แค่เพียงขั้นต่ำ และนี่ก็เป็นปัญหาหนักอกประจำเดือนมายาวนานแล้วอีกต่างหาก ซึ่งก็เห็นได้ชัดเลยนะคะว่า คุณไม่มีเงินสำรองเพียงพอจะจัดการรายจ่ายของตัวเองให้ลงตัวได้
วิธีแก้ปัญหา
บอกตรง ๆ ว่ามีตัวเลือกอยู่แค่ 2 ทาง คือ หาเงินให้ได้มากขึ้น หรือใช้จ่ายให้น้อยลง ซึ่งอาจหารายได้เสริมทำในช่วงเลิกงานหรือวันหยุด ไม่ก็พยายามรัดเข็มขัดตัวเอง ตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือยออกไป หรือง่าย ๆ เริ่มต้นจากจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย ประจำวันก่อนก็ได้
2. รายได้เพิ่มขึ้น แต่เงินเก็บไม่เพิ่มตาม
หลายคนคิดไว้แล้วว่าเมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้นก็จะเก็บเงินให้มากขึ้นด้วย ทว่าเอาเข้าจริง ๆ กลับยังคงใช้เงินแบบเดิม ๆ เก็บเงินได้บ้าง พลาดบ้าง แล้วแต่กิเลสในแต่ละเดือนของตัวเอง รู้ตัวอีกทีเงินเก็บที่คิดว่าจะมีเยอะก็กลับไม่เท่าที่หวังไว้
วิธีแก้ปัญหา
อย่ารอให้มีรายได้เพิ่มขึ้นถึงเริ่มเก็บเงิน โดยเฉพาะหากรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนใช้เงินเก่ง ควรตัดใจหักเงินส่วนหนึ่งเอาไว้ออมเลย แล้วค่อยมาบริหารจัดการเงินที่เหลือไว้ใช้จ่ายภายหลัง
3. ไม่เคยนึกถึงเรื่องเก็บเงินวัยเกษียณ
ในตอนนี้เราอาจอายุยังน้อย มีเวลาหาเงินได้อีกหลายปีก็จริง แต่ถ้าเรามัวผัดวันประกันพรุ่ง แล้วเมื่อไรเราจะมีเงินเก็บในส่วนที่กันไว้ใช้ช่วงวัยเกษียณกันล่ะ
วิธีแก้ปัญหา
เริ่มออมเงินส่วนนั้นไว้ตั้งแต่ตอนนี้ อย่างน้อยหัก 10% ของรายได้เอามาออมเงินไว้ใช้ตอนเกษียณก็ได้ แค่นี้อนาคตก็เป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวลใจอีกต่อไป
4. ไม่เคยเตรียมพร้อมกับรายจ่ายก้อนใหญ่
โดยเฉพาะคนที่แต่งงานแล้ว อย่าลืมว่าในอนาคตคุณอาจมีสมาชิกครอบครัวเพิ่มขึ้นอีกนะ แล้วการเลี้ยงดูเด็กสักคนก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายไม่เบาเลยล่ะ หรือแม้แต่คนโสดก็ต้องเตรียมตัวไว้เหมือนกัน ปัญหาสุขภาพก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรวางใจ เจ็บป่วยขึ้นมาเมื่อไรค่าใช้จ่ายก็ไม่น้อยเลยทีเดียว
วิธีแก้ปัญหา
ยังคงต้องบอกให้แบ่งเงินบางส่วนมาเก็บออมเอาไว้ก่อน ถึงแม้จะเป็นเงินก้อนที่ดูไม่น่าจะได้ใช้เร็ว ๆ นี้ แต่การออมเงินไว้ก็ยังทำให้อุ่นใจได้มากจริงไหมคะ หรือใครอยากออมเงินไปพร้อมกับทำหลักประกันชีวิตก็ได้ เจ็บป่วยขึ้นมาก็ยังมีค่ารักษาพร้อมจ่าย
5. ไม่สนเรื่องการลงทุน
บางคนกลัวว่าการลงทุนอาจจะมีความเสี่ยง เลยยังไม่กล้าลงทุนทำอะไรสักอย่าง แต่ก็มองได้อีกมุมนะคะว่า หากเราไม่เสี่ยงลงทุนไปบ้าง ชีวิตก็คงไม่ได้กำไรสักบาทเช่นกัน ดังนั้นลองมองหาการลงทุนที่คุณคิดว่าน่าสนใจได้แล้ว
วิธีแก้ปัญหา
พาตัวเองออกจากความกลัว ความไม่กล้า หรืออะไรก็ตามที่ทำให้คุณมัวกั๊ก ไม่ยอมลงทุนสักที แล้วมองหาการลงทุนที่คิดว่าใช่ ไม่ว่าจะลองลงทุนกับกองทุนต่าง ๆ ซึ่งอาจจะช่วยลดภาษีตอนสิ้นปีได้ด้วย
6. จ่ายหนักกับค่าที่พักอาศัย
อสังหาริมทรัพย์ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเตือนว่า ถ้าคุณมีรายจ่ายค่าบ้าน ค่าคอนโด หรือหอพักเกิน 40% ของรายได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเหลือเงินเก็บน้อย
วิธีแก้ปัญหา
ถ้ามีความสามารถหารายได้เพิ่มในแต่ละเดือนได้ ก็อย่ามัวรีรอค่ะ จัดไปให้สมดุลกับรายจ่ายของตัวเอง แต่หากใครที่ไม่โอเคกับทางเลือกแรก ลองมองหาที่พักอาศัยที่เหมาะสมกับรายรับของตัวเองดีกว่าไหม โดยเฉพาะคนที่เช่าอาศัยอยู่ ลองตัดความไม่จำเป็นออก แล้วหาที่พักใหม่ที่ถูกลง ทำให้เรามีเงินเหลือเก็บได้มากขึ้น
7. ใช้เงินฟุ่มเฟือย
เดือน ๆ หนึ่งช้อปปิ้งบ่อยมาก กาแฟก็ดื่มทุกวัน แฮงก์เอาท์นี่แทบเป็นงานประจำเลยก็ว่าได้ แบบนี้จะเหลือเงินที่ไหนมาเก็บกันล่ะจ๊ะ
วิธีแก้ปัญหา
เข้าใจว่าถ้าหักดิบให้เลิกฟุ่มเฟือยเลยคงทำได้ยาก แต่คุณทำได้แน่ค่ะ เพียงจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายของตัวเองทุกวัน หรือจะใช้วิธีจำกัดงบประมาณใช้จ่ายในแต่ละวันก็ได้ ทว่าก็ต้องมีวินัยในตัวเองด้วยนะ ห้ามนอกลู่นอกทางเด็ดขาด
8. หนี้บัตรเครดิตเยอะ และมักจะจ่ายได้แค่ขั้นต่ำ
บัตรเครดิตที่มีอยู่ทุกใบ ถูกรูดใช้ในวงเงินที่เกินจะเคลียร์หนี้ได้หมด และมักจะชำระหนี้ได้เพียงแค่ขั้นต่ำ ซึ่งก็ทำให้หนี้บัตรเครดิตทบต้นทบดอกไปเรื่อย ๆ และคุณก็ต้องนำเงินส่วนที่น่าจะได้เก็บออมไปจ่ายหนี้แทน ทำให้โอกาสเก็บเงินแทบจะไม่มีเลยทีเดียว
วิธีแก้ปัญหา
พยายามใช้จ่ายอย่างประหยัด และเร่งเคลียร์หนี้สินจากบัตรเครดิตให้หมดโดยเร็วที่สุด ที่สำคัญต้องหักห้ามใจไม่ให้ใช้บัตรเครดิตที่ยังคงมียอดหนี้ค้างไว้อยู่ แต่ให้ใช้จ่ายด้วยเงินสดแทน
ยอมรับไหมละคะว่าการที่เราไม่มีเงินเก็บอย่างที่ควรจะมี ก็เป็นเพราะนิสัยการใช้จ่ายที่ไม่ได้วางแผนไปถึงอนาคต รวมทั้งการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่เรายอมควักระเป๋าจ่ายออกไปแทบทุกวัน ซึ่งหากตัดรายจ่ายไม่จำเป็นเหล่านี้ทิ้งได้ พร้อมกับปรับนิสัยใช้เงินอย่างคุ้มค่ามากขึ้น อีกไม่นานก็คงมีเงินเก็บเป็นถุงเป็นถังได้เหมือนคนอื่นเขาแล้วล่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
businessinsider
1. มีเงินไม่พอจะจ่ายหนี้ เป็นอย่างนี้แทบทุกเดือน !
นอกจากจะมีชีวิตแบบสิ้นเดือนสะเทือนใจแล้ว พอมีรายได้เข้ามาคุณมักจะพบว่าไม่สามารถจ่ายบิลค่าใช้จ่ายได้ทั้งหมด หรือจ่ายได้แค่เพียงขั้นต่ำ และนี่ก็เป็นปัญหาหนักอกประจำเดือนมายาวนานแล้วอีกต่างหาก ซึ่งก็เห็นได้ชัดเลยนะคะว่า คุณไม่มีเงินสำรองเพียงพอจะจัดการรายจ่ายของตัวเองให้ลงตัวได้
วิธีแก้ปัญหา
บอกตรง ๆ ว่ามีตัวเลือกอยู่แค่ 2 ทาง คือ หาเงินให้ได้มากขึ้น หรือใช้จ่ายให้น้อยลง ซึ่งอาจหารายได้เสริมทำในช่วงเลิกงานหรือวันหยุด ไม่ก็พยายามรัดเข็มขัดตัวเอง ตัดรายจ่ายฟุ่มเฟือยออกไป หรือง่าย ๆ เริ่มต้นจากจดบันทึกรายรับ-รายจ่าย ประจำวันก่อนก็ได้
2. รายได้เพิ่มขึ้น แต่เงินเก็บไม่เพิ่มตาม
หลายคนคิดไว้แล้วว่าเมื่อมีรายได้เพิ่มขึ้นก็จะเก็บเงินให้มากขึ้นด้วย ทว่าเอาเข้าจริง ๆ กลับยังคงใช้เงินแบบเดิม ๆ เก็บเงินได้บ้าง พลาดบ้าง แล้วแต่กิเลสในแต่ละเดือนของตัวเอง รู้ตัวอีกทีเงินเก็บที่คิดว่าจะมีเยอะก็กลับไม่เท่าที่หวังไว้
วิธีแก้ปัญหา
อย่ารอให้มีรายได้เพิ่มขึ้นถึงเริ่มเก็บเงิน โดยเฉพาะหากรู้ตัวว่าตัวเองเป็นคนใช้เงินเก่ง ควรตัดใจหักเงินส่วนหนึ่งเอาไว้ออมเลย แล้วค่อยมาบริหารจัดการเงินที่เหลือไว้ใช้จ่ายภายหลัง
3. ไม่เคยนึกถึงเรื่องเก็บเงินวัยเกษียณ
ในตอนนี้เราอาจอายุยังน้อย มีเวลาหาเงินได้อีกหลายปีก็จริง แต่ถ้าเรามัวผัดวันประกันพรุ่ง แล้วเมื่อไรเราจะมีเงินเก็บในส่วนที่กันไว้ใช้ช่วงวัยเกษียณกันล่ะ
วิธีแก้ปัญหา
เริ่มออมเงินส่วนนั้นไว้ตั้งแต่ตอนนี้ อย่างน้อยหัก 10% ของรายได้เอามาออมเงินไว้ใช้ตอนเกษียณก็ได้ แค่นี้อนาคตก็เป็นเรื่องที่ไม่น่ากังวลใจอีกต่อไป
4. ไม่เคยเตรียมพร้อมกับรายจ่ายก้อนใหญ่
โดยเฉพาะคนที่แต่งงานแล้ว อย่าลืมว่าในอนาคตคุณอาจมีสมาชิกครอบครัวเพิ่มขึ้นอีกนะ แล้วการเลี้ยงดูเด็กสักคนก็ต้องใช้ค่าใช้จ่ายไม่เบาเลยล่ะ หรือแม้แต่คนโสดก็ต้องเตรียมตัวไว้เหมือนกัน ปัญหาสุขภาพก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรวางใจ เจ็บป่วยขึ้นมาเมื่อไรค่าใช้จ่ายก็ไม่น้อยเลยทีเดียว
วิธีแก้ปัญหา
ยังคงต้องบอกให้แบ่งเงินบางส่วนมาเก็บออมเอาไว้ก่อน ถึงแม้จะเป็นเงินก้อนที่ดูไม่น่าจะได้ใช้เร็ว ๆ นี้ แต่การออมเงินไว้ก็ยังทำให้อุ่นใจได้มากจริงไหมคะ หรือใครอยากออมเงินไปพร้อมกับทำหลักประกันชีวิตก็ได้ เจ็บป่วยขึ้นมาก็ยังมีค่ารักษาพร้อมจ่าย
5. ไม่สนเรื่องการลงทุน
บางคนกลัวว่าการลงทุนอาจจะมีความเสี่ยง เลยยังไม่กล้าลงทุนทำอะไรสักอย่าง แต่ก็มองได้อีกมุมนะคะว่า หากเราไม่เสี่ยงลงทุนไปบ้าง ชีวิตก็คงไม่ได้กำไรสักบาทเช่นกัน ดังนั้นลองมองหาการลงทุนที่คุณคิดว่าน่าสนใจได้แล้ว
วิธีแก้ปัญหา
พาตัวเองออกจากความกลัว ความไม่กล้า หรืออะไรก็ตามที่ทำให้คุณมัวกั๊ก ไม่ยอมลงทุนสักที แล้วมองหาการลงทุนที่คิดว่าใช่ ไม่ว่าจะลองลงทุนกับกองทุนต่าง ๆ ซึ่งอาจจะช่วยลดภาษีตอนสิ้นปีได้ด้วย
6. จ่ายหนักกับค่าที่พักอาศัย
อสังหาริมทรัพย์ถือเป็นการลงทุนอย่างหนึ่ง แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินเตือนว่า ถ้าคุณมีรายจ่ายค่าบ้าน ค่าคอนโด หรือหอพักเกิน 40% ของรายได้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่จะเหลือเงินเก็บน้อย
วิธีแก้ปัญหา
ถ้ามีความสามารถหารายได้เพิ่มในแต่ละเดือนได้ ก็อย่ามัวรีรอค่ะ จัดไปให้สมดุลกับรายจ่ายของตัวเอง แต่หากใครที่ไม่โอเคกับทางเลือกแรก ลองมองหาที่พักอาศัยที่เหมาะสมกับรายรับของตัวเองดีกว่าไหม โดยเฉพาะคนที่เช่าอาศัยอยู่ ลองตัดความไม่จำเป็นออก แล้วหาที่พักใหม่ที่ถูกลง ทำให้เรามีเงินเหลือเก็บได้มากขึ้น
7. ใช้เงินฟุ่มเฟือย
เดือน ๆ หนึ่งช้อปปิ้งบ่อยมาก กาแฟก็ดื่มทุกวัน แฮงก์เอาท์นี่แทบเป็นงานประจำเลยก็ว่าได้ แบบนี้จะเหลือเงินที่ไหนมาเก็บกันล่ะจ๊ะ
วิธีแก้ปัญหา
เข้าใจว่าถ้าหักดิบให้เลิกฟุ่มเฟือยเลยคงทำได้ยาก แต่คุณทำได้แน่ค่ะ เพียงจดบันทึกรายรับ-รายจ่ายของตัวเองทุกวัน หรือจะใช้วิธีจำกัดงบประมาณใช้จ่ายในแต่ละวันก็ได้ ทว่าก็ต้องมีวินัยในตัวเองด้วยนะ ห้ามนอกลู่นอกทางเด็ดขาด
8. หนี้บัตรเครดิตเยอะ และมักจะจ่ายได้แค่ขั้นต่ำ
บัตรเครดิตที่มีอยู่ทุกใบ ถูกรูดใช้ในวงเงินที่เกินจะเคลียร์หนี้ได้หมด และมักจะชำระหนี้ได้เพียงแค่ขั้นต่ำ ซึ่งก็ทำให้หนี้บัตรเครดิตทบต้นทบดอกไปเรื่อย ๆ และคุณก็ต้องนำเงินส่วนที่น่าจะได้เก็บออมไปจ่ายหนี้แทน ทำให้โอกาสเก็บเงินแทบจะไม่มีเลยทีเดียว
วิธีแก้ปัญหา
พยายามใช้จ่ายอย่างประหยัด และเร่งเคลียร์หนี้สินจากบัตรเครดิตให้หมดโดยเร็วที่สุด ที่สำคัญต้องหักห้ามใจไม่ให้ใช้บัตรเครดิตที่ยังคงมียอดหนี้ค้างไว้อยู่ แต่ให้ใช้จ่ายด้วยเงินสดแทน
ยอมรับไหมละคะว่าการที่เราไม่มีเงินเก็บอย่างที่ควรจะมี ก็เป็นเพราะนิสัยการใช้จ่ายที่ไม่ได้วางแผนไปถึงอนาคต รวมทั้งการใช้จ่ายฟุ่มเฟือยที่เรายอมควักระเป๋าจ่ายออกไปแทบทุกวัน ซึ่งหากตัดรายจ่ายไม่จำเป็นเหล่านี้ทิ้งได้ พร้อมกับปรับนิสัยใช้เงินอย่างคุ้มค่ามากขึ้น อีกไม่นานก็คงมีเงินเก็บเป็นถุงเป็นถังได้เหมือนคนอื่นเขาแล้วล่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
businessinsider