“บ้านของกิมลั้ง อาจไม่สะดวกสบาย หลังคารั่ว ต้องซ่อมบ่อย
แต่สิ่งเตี่ยสอนกิมลั้งเสมอคือ การรู้จักช่วยเหลือคนอื่น
เท่าที่เรามีโอกาสทำได้ แม้ว่าเราอาจจะไม่ได้มีเงินมากก็ตาม”
กิมลั้ง หรือ ด.ญ.จันจิรา พอเผ่า นักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เรียนได้เกรดเฉลี่ย 3.31 เป็นเด็กขยันเรียน ช่วยเหลือกิจกรรมของโรงเรียน คุณครูประจำชั้นถูกชะตา และเคยขอกิมลั้งไปเลี้ยงเป็นลูก เพราะเห็นว่า เตี่ยของกิมลั้งมีลูกถึง 4 คน และอาจไม่ได้ส่งเสียให้ลูกๆ เรียนอีกแล้ว หากเด็กๆ จบชั้นม.3 ซึ่งคุณครูสงสารในความพยายามของลูกศิษย์ และไม่อยากให้ออกจากโรงเรียนกลางคัน
“แม่บอกว่าจบม.3 ขอให้หนูออกมาทำงานก่อน หนูก็ไม่อยากออก แต่ถ้าแม่บอกแบบนี้ หนูออกก็ได้ค่ะ หนูจะมาทำงานและส่งน้องๆต่อ” กิมลั้งกล่าว
ทุกเย็นหลังเลิกเรียน กิมลั้ง ซึ่งเป็นพี่คนโตจะนำน้องๆอีก 3 คนเปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นชุดทำงาน แล้วลงทำสวนฝรั่ง หรือออกไปรับจ้างที่อื่นๆ บ้านของกิมลั้งเป็นบ้านพักคนสวน มีที่ดินจำนวน 10 ไร่ที่เตี่ยขอเช่าอาศัยอยู่และทำกิน เสียค่าเช่าเดือนละ 2,500 บาท แต่ในปีนี้เจ้าของจะขึ้นค่าเช่าอีก 400 บาท เงินจำนวนนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เตี่ยค่อนข้างหนักใจ เพราะก่อนหน้าเพิ่งจะโดนยกเค้า ทรัพย์สินที่มีไว้สำหรับทำกินถูกขโมยไปทั้งหมด รวมถึงกระปุกออมสิน จำนวน 4 ใบ ที่เป็นของลูกๆ ซึ่งสะสมไว้เรียนหนังสือ
“ถ้าหนูผ่านพ้นช่วงชีวิตตรงนี้ไปได้ หนูก็สบายแล้วค่ะ เวลาหนูทำงานหนูจะนึกเสมอว่า พรุ่งนี้หรือนาคตข้างหน้าหนูจะต้องสบายแน่นอน”
ปัจจุบันถ้าเด็กๆต้องออกไปรับจ้างที่อื่น หรือไม่มีคนอยู่บ้าน ต้องนำกระปุกออมสินหอบไปด้วยเพื่อความปลอดภัย เด็กๆ ช่วยแบกเข่งฝรั่ง ตัดแต่งกิ่ง เก็บผลผลิต รดน้ำในสวน ทั้งรับจ้าง และทำกันเองเพื่อหาช่องทางในการเพิ่มรายได้เข้าครอบครัว เวลาว่างยังไปช่วยงานที่โรงเจ
กิมลั้ง ในฐานะพี่คนโต เผยว่า ความเพียรของพ่อแม่เป็นแบบอย่างของตน ที่ตั้งใจจะถ่ายทอดต่อให้น้องๆ “ถ้าหนูเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้อง น้องก็จะเอาแบบอย่างที่หนูทำไปทำ ถ้าหนูทำไม่ดี น้องก็จะเอาสิ่งไม่ดีไปใส่ตัวเอง หนูไม่อยากให้เกิดขึ้น หนูพยายามบอกพ่อแม่เสมอ”
กิมลั้ง หรือ ด.ญ.จันจิรา พอเผ่า นักเรียนชั้นม.2 โรงเรียนประสาทรัฐประชากิจ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี เรียนได้เกรดเฉลี่ย 3.31 เป็นเด็กขยันเรียน ช่วยเหลือกิจกรรมของโรงเรียน คุณครูประจำชั้นถูกชะตา และเคยขอกิมลั้งไปเลี้ยงเป็นลูก เพราะเห็นว่า เตี่ยของกิมลั้งมีลูกถึง 4 คน และอาจไม่ได้ส่งเสียให้ลูกๆ เรียนอีกแล้ว หากเด็กๆ จบชั้นม.3 ซึ่งคุณครูสงสารในความพยายามของลูกศิษย์ และไม่อยากให้ออกจากโรงเรียนกลางคัน
“แม่บอกว่าจบม.3 ขอให้หนูออกมาทำงานก่อน หนูก็ไม่อยากออก แต่ถ้าแม่บอกแบบนี้ หนูออกก็ได้ค่ะ หนูจะมาทำงานและส่งน้องๆต่อ” กิมลั้งกล่าว
ทุกเย็นหลังเลิกเรียน กิมลั้ง ซึ่งเป็นพี่คนโตจะนำน้องๆอีก 3 คนเปลี่ยนจากชุดนักเรียนเป็นชุดทำงาน แล้วลงทำสวนฝรั่ง หรือออกไปรับจ้างที่อื่นๆ บ้านของกิมลั้งเป็นบ้านพักคนสวน มีที่ดินจำนวน 10 ไร่ที่เตี่ยขอเช่าอาศัยอยู่และทำกิน เสียค่าเช่าเดือนละ 2,500 บาท แต่ในปีนี้เจ้าของจะขึ้นค่าเช่าอีก 400 บาท เงินจำนวนนี่เป็นสิ่งที่ทำให้เตี่ยค่อนข้างหนักใจ เพราะก่อนหน้าเพิ่งจะโดนยกเค้า ทรัพย์สินที่มีไว้สำหรับทำกินถูกขโมยไปทั้งหมด รวมถึงกระปุกออมสิน จำนวน 4 ใบ ที่เป็นของลูกๆ ซึ่งสะสมไว้เรียนหนังสือ
“ถ้าหนูผ่านพ้นช่วงชีวิตตรงนี้ไปได้ หนูก็สบายแล้วค่ะ เวลาหนูทำงานหนูจะนึกเสมอว่า พรุ่งนี้หรือนาคตข้างหน้าหนูจะต้องสบายแน่นอน”
ปัจจุบันถ้าเด็กๆต้องออกไปรับจ้างที่อื่น หรือไม่มีคนอยู่บ้าน ต้องนำกระปุกออมสินหอบไปด้วยเพื่อความปลอดภัย เด็กๆ ช่วยแบกเข่งฝรั่ง ตัดแต่งกิ่ง เก็บผลผลิต รดน้ำในสวน ทั้งรับจ้าง และทำกันเองเพื่อหาช่องทางในการเพิ่มรายได้เข้าครอบครัว เวลาว่างยังไปช่วยงานที่โรงเจ
กิมลั้ง ในฐานะพี่คนโต เผยว่า ความเพียรของพ่อแม่เป็นแบบอย่างของตน ที่ตั้งใจจะถ่ายทอดต่อให้น้องๆ “ถ้าหนูเป็นตัวอย่างที่ดีให้น้อง น้องก็จะเอาแบบอย่างที่หนูทำไปทำ ถ้าหนูทำไม่ดี น้องก็จะเอาสิ่งไม่ดีไปใส่ตัวเอง หนูไม่อยากให้เกิดขึ้น หนูพยายามบอกพ่อแม่เสมอ”