“นอนหลับ” คือการพักผ่อนที่ดีที่สุด
แต่ไม่ใช่ทุกครั้งที่การนอนหลับสามารถทำได้ง่ายๆ
โดยเฉพาะสำหรับใครที่มีหน้าที่การงานอันแสนเคร่งเครียด
และต้องแบกรับความรับผิดชอบค่อนข้างสูงในแต่ละวัน
รวมไปถึงการประสบพบเจอเรื่องราวต่างๆ ที่ก่อให้เกิดความไม่สะบายใจ
วิตกกังวล และกดดัน เหตุการณ์ต่างๆ เหล่านี้มีส่วนสำคัญอย่างยิ่ง
ที่ทำให้เกิดภาวะเครียดสะสม
ซึ่งหากไม่ได้รับการผ่อนคลายหรือบำบัดอย่างถูกวิธี
นานวันอาจทำให้มีความผิดปกติทางอารมณ์
หรืออาจถึงขั้นป่วยเป็นโรคซึมเศร้าได้
ข้อสังเกตง่ายๆ ที่ช่วยบ่งชี้ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เกิดหนึ่งในอาการเหล่านี้ขึ้นกับร่างกาย ควรต้องรีบไปหาหมอเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี คือ
อาการเหล่านี้บางครั้งอาจพบร่วมกับ
“โรคปวดศีรษะ” หรือ “ไมเกรน”
โรคที่ทุกคนยกให้เป็นหนึ่งในอาการปวดอันแสนทรมาน
เพราะเมื่อไหร่ที่อาการกำเริบนอนจากจะทำให้ปวดหัวตุ๊บๆ
บริเวณขมับและท้ายทอยจนนอนไม่ได้
ซึ่งอาจกระทบต่อการทำงานและการใช้ชีวิตประจำวันแล้ว
ในระยะยาวอาจก่อให้เกิดโรคร้ายแรง เช่น โรคหลอดเลือดสมอง โรคหัวใจ และใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก เลยทีเดียว
แม้การปล่อยให้เกิดอาการปวดหัวเรื้อรังอาจนำไปสู่โรคร้ายแรง
แต่ด้วยลักษณะของโรคที่มักเป็นๆ หายๆ
ทำให้หลายคนมองข้ามสัญญาณเตือนของร่างกาย
เพราะในระยะแรกที่มีอาการเพียงเล็กน้อย เพียงแค่กิน พาราเซตามอล นั่งพัก
นอนพัก หรือบีบนวด อาการก็ดีขึ้นและทิ้งช่วงไป
ซึ่งพฤติกรรมแบบนี้ถือเป็นกลไกปกติของคนเรา
ที่ไม่ได้เพ่ิงเกิดขึ้นในยุคใหม่ อย่างที่หลายคนเข้าใจ
เพราะงานวิจัยที่เผยแพร่ในวารสาร Nature ฉบับล่าสุด ระบุว่า
มนุษย์นีแอนเดอร์ธัล
มีความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรที่ใช้บรรเทาอาการปวดและอักเสบ มากว่า 5
หมื่นปีแล้ว แต่ความรู้ในยุคใหม่ก็ช่วยให้เรารูว่าการกินยาติดต่อกันนานๆ
อาจทำให้ร่างกายได้รับยาเกิดขนาดซึ่งไม่ส่งผลดี
ข้อสังเกตง่ายๆ ที่ช่วยบ่งชี้ว่าเมื่อไหร่ก็ตาม ที่เกิดหนึ่งในอาการเหล่านี้ขึ้นกับร่างกาย ควรต้องรีบไปหาหมอเพื่อทำการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกวิธี คือ
1. ปวดรุนแรง หรืออาเจียนรุนแรง
2. ปวดมากตอนเช้ามืด
3. ปวดรุนแรงขึ้นและนานขึ้น
4. เดินเซ แขนขาอ่อนแรง หรือชักกระตุก
5. ตาพร่ามัว และตาแดงร่วมด้วย
6. ปวดหลังบาดเจ็บที่ศีรษะ อาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน
2. ปวดมากตอนเช้ามืด
3. ปวดรุนแรงขึ้นและนานขึ้น
4. เดินเซ แขนขาอ่อนแรง หรือชักกระตุก
5. ตาพร่ามัว และตาแดงร่วมด้วย
6. ปวดหลังบาดเจ็บที่ศีรษะ อาการไม่ดีขึ้นใน 2-3 วัน
เมื่อรู้ถึงผลเสียจากการปวดหัวและวิธีสังเกตอาการ
เพื่อเข้าสู่กระบวนการรักษาอย่างถูกวิธีไปแล้ว
อีกหนึ่งตัวช่วยที่จะทำให้ทุกคนนอนหลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมตื่นขึ้นมารับวันใหม่ที่สดใส ปราศจากอาการงัวเงียหรือไม่สดใส
ด้วยทริคง่ายๆ ดังนี้
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มี “คาเฟอีน”
โดยเฉพาะกาแฟในช่วงเวลาเย็นหรือหัวค่ำ
เพราะร่างกายจะตื่นตัวและทำให้หลับยากขึ้นในเวลากลางคืน
- งด “แอลกอฮอล” หลายคนเชื่อว่าการดื่มเหล้าและเบียร์ หรือจิบไวน์เบาๆ สักแก้วก่อนนอน จะช่วยทำให้หลับได้ง่ายขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าแม้จะหลับได้เร็วแต่แอลกอฮอลจะทำให้ตื่นเป็นพักๆ ตลอดคืน
- อยากหลับสบายต้อง “ออกกำลังกาย” เพราะการออกกำลังกายช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับ คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอจะหลับง่ายกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกาย
- อย่ากิน “ยานอนหลับ” พร่ำเพรื่อ คนจำนวนไม่น้อยเลือกใช้ทางลัด คือใช้ยานอนหลับจนติดเป็นนิสัย พฤติกรรมแบบนี้ยิ่งทำให้การนอนหลับทำได้ยากขึ้น จึงควรใช้ภายใต้คำสั่งของหมอจะดีที่สุด
นอกจากข้อปฏิบัติง่ายๆ ข้างต้นแล้ว ปัจจัยสภาพแวดล้อมก็มีส่วนสำคัญไม่น้อย ในการช่วยให้นอนหลับได้ง่ายและหลับลึกมากยิ่งขึ้น สมาคมแพทย์โรคจากการหลับแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา แนะนำว่าควรทำให้ห้องนอนเงียบและไร้เสียงรบกวนมากที่สุด เพราะเสียงจากการจราจร เครื่องบิน โทรทัศน์ และเสียงอื่นๆ สามารถรบกวนการนอนหลับแม้ไม่ทำให้ตื่นก็ตาม ขณะเดียวกันการใช้ม่านบังแสงสีเข้ม เพื่อทำให้ห้องนอนไม่สว่างเกินไปก็ช่วยทำให้หลับได้เต็มตื่นเช่นกัน เพราะแสงสว่างที่ผ่านเปลือกตาในยามหลับนั้น ถือเป็นรบกวนการนอนอย่างหนึ่ง
- งด “แอลกอฮอล” หลายคนเชื่อว่าการดื่มเหล้าและเบียร์ หรือจิบไวน์เบาๆ สักแก้วก่อนนอน จะช่วยทำให้หลับได้ง่ายขึ้น แต่หารู้ไม่ว่าแม้จะหลับได้เร็วแต่แอลกอฮอลจะทำให้ตื่นเป็นพักๆ ตลอดคืน
- อยากหลับสบายต้อง “ออกกำลังกาย” เพราะการออกกำลังกายช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการนอนหลับ คนที่ออกกำลังกายสม่ำเสมอจะหลับง่ายกว่าคนที่ไม่ออกกำลังกาย
- อย่ากิน “ยานอนหลับ” พร่ำเพรื่อ คนจำนวนไม่น้อยเลือกใช้ทางลัด คือใช้ยานอนหลับจนติดเป็นนิสัย พฤติกรรมแบบนี้ยิ่งทำให้การนอนหลับทำได้ยากขึ้น จึงควรใช้ภายใต้คำสั่งของหมอจะดีที่สุด
นอกจากข้อปฏิบัติง่ายๆ ข้างต้นแล้ว ปัจจัยสภาพแวดล้อมก็มีส่วนสำคัญไม่น้อย ในการช่วยให้นอนหลับได้ง่ายและหลับลึกมากยิ่งขึ้น สมาคมแพทย์โรคจากการหลับแห่งประเทศสหรัฐอเมริกา แนะนำว่าควรทำให้ห้องนอนเงียบและไร้เสียงรบกวนมากที่สุด เพราะเสียงจากการจราจร เครื่องบิน โทรทัศน์ และเสียงอื่นๆ สามารถรบกวนการนอนหลับแม้ไม่ทำให้ตื่นก็ตาม ขณะเดียวกันการใช้ม่านบังแสงสีเข้ม เพื่อทำให้ห้องนอนไม่สว่างเกินไปก็ช่วยทำให้หลับได้เต็มตื่นเช่นกัน เพราะแสงสว่างที่ผ่านเปลือกตาในยามหลับนั้น ถือเป็นรบกวนการนอนอย่างหนึ่ง