เปิดคดีปริศนาชวนสะพรึง หญิงอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลอนราคา 43 ล้าน ร่วมกับศพน้องสาวมานานนับปี เพื่อนบ้านสงสัยแต่ทำอะไรไม่ได้ จนญาติเข้าไปพบศพเน่าเปื่อยย่อยสลาย เจ้าหน้าที่ยังหาสาเหตุไม่ได้
เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2560 เว็บไซต์ The Washington Post ได้เผยเรื่องราวชวนหลอน ระบุว่า ชาวเมืองแห่งหนึ่งที่อยู่ในย่านบรูคไลน์ ไม่ไกลจากนครบอสตัน ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐฯ ต่างพากันเป็นกังวลถึงหญิงเพื่อนบ้านรายหนึ่ง ซึ่งเติบโตมากับน้องสาวในคฤหาสน์หลังโต แต่นานวันเข้าคฤหาสน์หลังนี้ถูกปล่อยทิ้งให้รกร้างราวกับไม่มีคนอยู่ โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า หญิงที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้อาศัยอยู่กับศพน้องสาวมานานนับปี !
เรื่องราวระบุว่า
ลินดา วัลด์แมน วัย 74 ปี และโฮป วีทตัน น้องสาววัย 67 ปี
อาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ ซึ่งตามการประเมินคร่าว ๆ แล้วมีมูลค่ากว่า 1.2
ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 42.5 ล้านบาท) อย่างไรก็ดี
ถึงแม้คฤหาสน์หลังนี้จะสวยงามมีราคา แต่เมื่อกว่า 1 ปีครึ่งที่ผ่านมา
กลับถูกปล่อยทิ้งให้หญ้าขึ้นรกรอบบ้าน และดูเงียบสงบราวกับไม่มีคนอยู่
แฮร์เรียต อัลเลน หนึ่งในเพื่อนบ้านและเพื่อนที่รู้จักพี่-น้องคู่นี้ เคยถามลินดาว่า ทำไมถึงไม่เห็นหน้าโฮป น้องสาวของเธอเลย แต่เธอกลับเพิกเฉยและไม่สนใจ นอกจากนี้ยังเผยว่า หญิงทั้งสองอาศัยอยู่อย่างสันโดษ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนทั้งคู่เป็นคนฉลาด ร่าเริง เคยร่วมพูดคุยสนุกสนานกันอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะลินดา คนพี่ สนใจชอบคุยเรื่องการเมือง
กระทั่งเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจบรูคไลน์ ได้เข้าตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว หลังจากมีผู้ที่กังวลร้องเรียนไปเป็นจำนวนมาก โดยได้เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2559 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับเรื่องของสภาพบ้านหลังดังกล่าวว่าถูกทิ้งให้รกร้างว่างเปล่า ต่อมาวันที่ 13 กรกฎาคม ตำรวจได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถานดูแลคนชราว่า ต้องการเข้าไปที่บ้านเพื่อตรวจเช็กสุขภาพของโฮป แต่เมื่อไปถึงกลับไม่มีคนออกมาเปิดประตู ซึ่งเบื้องต้นเข้าใจว่า เป็นเพราะผู้ป่วยไม่ต้องการรับการรักษา และหลังจากนั้นอีกกว่าสัปดาห์ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับแจ้งอีกว่า บ้านหลังนี้ถูกทิ้งร้างไม่มีผู้ดูแล และเพื่อนบ้านไม่เห็นหญิงเจ้าของบ้านทั้งสองมาหลายสัปดาห์แล้วด้วยกัน เจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังหน่วยกู้ภัยและทีมแพทย์ให้เข้าช่วยเหลือ แต่กลับถูกปฏิเสธการรับความช่วยเหลือ
จนกระทั่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา ในขณะที่อุณหภูมิหนาวเย็นลง ทางญาติของลินดาและโฮปก็เข้าไปเยี่ยมเพื่อช่วยเหลือ แต่แล้วก็ต้องพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด... โดยในวันที่ 14 ธันวาคม 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากทางญาติของหญิงชราว่า เธอได้ไปที่บ้านหลังดังกล่าวในช่วงฤดูหนาว แล้วสังเกตเห็นว่าเครื่องทำความร้อนไม่ทำงาน ด้วยความห่วงว่าเครื่องจะเสีย จึงเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งเธอได้รับอนุญาตจากลินดาให้เข้าไปด้านในบ้านได้ โดยตกลงว่าจะต้องขับรถพาลินดาไปส่งที่บ้านของครอบครัวอีกแห่ง
เมื่อทางญาติตกลงและได้เข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ที่ได้เข้าไป เธอก็มีอันต้องช็อกสุดขีดเมื่อพบศพของโฮป น้องสาวของลินดา นอนอยู่ที่พื้นครัวตรงบริเวณใต้โต๊ะ โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผยว่า ศพอยู่ในสภาพเน่าเปื่อยสลายตัว และข้าวของในบ้านรกรุงรังกระจัดกระจายไปทั่ว คาดว่าเสียชีวิตมาตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปี 2559 และลินดา ก็อาศัยอยู่กับศพน้องสาวมาตั้งแต่ตอนนั้น
โดยหลังจากพบศพ ทางญาติก็ได้ขับรถพาลินดาไปส่งกับครอบครัวตามที่สัญญาไว้ ซึ่งภายหลังลินดาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า โฮป น้องสาวของเธอ ป่วยและบางครั้งก็ล้มลง เธอต้องคอยให้น้ำและของกินจนเธอดีขึ้น แต่ตอนหลังอาการของน้องสาวไม่ดีขึ้น และเธอเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
อย่างไรก็ดี จากรายงานระบุว่าไม่มีบาดแผลทางร่างกาย หรือการก่อเหตุที่ผิดกฎหมาย ขณะที่ผลพิสูจน์ทางนิติเวช ยังไม่ระบุแน่ชัดถึงสาเหตุและลักษณะการเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินการสืบสวนต่อไป
ภาพจาก Brookline Assessors Office
เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2560 เว็บไซต์ The Washington Post ได้เผยเรื่องราวชวนหลอน ระบุว่า ชาวเมืองแห่งหนึ่งที่อยู่ในย่านบรูคไลน์ ไม่ไกลจากนครบอสตัน ในรัฐแมสซาชูเซตส์ สหรัฐฯ ต่างพากันเป็นกังวลถึงหญิงเพื่อนบ้านรายหนึ่ง ซึ่งเติบโตมากับน้องสาวในคฤหาสน์หลังโต แต่นานวันเข้าคฤหาสน์หลังนี้ถูกปล่อยทิ้งให้รกร้างราวกับไม่มีคนอยู่ โดยที่ไม่มีใครล่วงรู้เลยว่า หญิงที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังนี้อาศัยอยู่กับศพน้องสาวมานานนับปี !
แฮร์เรียต อัลเลน หนึ่งในเพื่อนบ้านและเพื่อนที่รู้จักพี่-น้องคู่นี้ เคยถามลินดาว่า ทำไมถึงไม่เห็นหน้าโฮป น้องสาวของเธอเลย แต่เธอกลับเพิกเฉยและไม่สนใจ นอกจากนี้ยังเผยว่า หญิงทั้งสองอาศัยอยู่อย่างสันโดษ ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนทั้งคู่เป็นคนฉลาด ร่าเริง เคยร่วมพูดคุยสนุกสนานกันอยู่บ่อย ๆ โดยเฉพาะลินดา คนพี่ สนใจชอบคุยเรื่องการเมือง
กระทั่งเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจบรูคไลน์ ได้เข้าตรวจสอบที่บ้านหลังดังกล่าว หลังจากมีผู้ที่กังวลร้องเรียนไปเป็นจำนวนมาก โดยได้เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มิถุนายน 2559 เจ้าหน้าที่ได้รับแจ้งเกี่ยวกับเรื่องของสภาพบ้านหลังดังกล่าวว่าถูกทิ้งให้รกร้างว่างเปล่า ต่อมาวันที่ 13 กรกฎาคม ตำรวจได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่สถานดูแลคนชราว่า ต้องการเข้าไปที่บ้านเพื่อตรวจเช็กสุขภาพของโฮป แต่เมื่อไปถึงกลับไม่มีคนออกมาเปิดประตู ซึ่งเบื้องต้นเข้าใจว่า เป็นเพราะผู้ป่วยไม่ต้องการรับการรักษา และหลังจากนั้นอีกกว่าสัปดาห์ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้รับแจ้งอีกว่า บ้านหลังนี้ถูกทิ้งร้างไม่มีผู้ดูแล และเพื่อนบ้านไม่เห็นหญิงเจ้าของบ้านทั้งสองมาหลายสัปดาห์แล้วด้วยกัน เจ้าหน้าที่จึงประสานไปยังหน่วยกู้ภัยและทีมแพทย์ให้เข้าช่วยเหลือ แต่กลับถูกปฏิเสธการรับความช่วยเหลือ
จนกระทั่งเมื่อเดือนที่ผ่านมา ในขณะที่อุณหภูมิหนาวเย็นลง ทางญาติของลินดาและโฮปก็เข้าไปเยี่ยมเพื่อช่วยเหลือ แต่แล้วก็ต้องพบกับสิ่งที่ไม่คาดคิด... โดยในวันที่ 14 ธันวาคม 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากทางญาติของหญิงชราว่า เธอได้ไปที่บ้านหลังดังกล่าวในช่วงฤดูหนาว แล้วสังเกตเห็นว่าเครื่องทำความร้อนไม่ทำงาน ด้วยความห่วงว่าเครื่องจะเสีย จึงเข้าไปช่วยเหลือ ซึ่งเธอได้รับอนุญาตจากลินดาให้เข้าไปด้านในบ้านได้ โดยตกลงว่าจะต้องขับรถพาลินดาไปส่งที่บ้านของครอบครัวอีกแห่ง
เมื่อทางญาติตกลงและได้เข้าไปในบ้านหลังดังกล่าว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 2 ปี ที่ได้เข้าไป เธอก็มีอันต้องช็อกสุดขีดเมื่อพบศพของโฮป น้องสาวของลินดา นอนอยู่ที่พื้นครัวตรงบริเวณใต้โต๊ะ โดยเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นเปิดเผยว่า ศพอยู่ในสภาพเน่าเปื่อยสลายตัว และข้าวของในบ้านรกรุงรังกระจัดกระจายไปทั่ว คาดว่าเสียชีวิตมาตั้งแต่ช่วงฤดูร้อนปี 2559 และลินดา ก็อาศัยอยู่กับศพน้องสาวมาตั้งแต่ตอนนั้น
โดยหลังจากพบศพ ทางญาติก็ได้ขับรถพาลินดาไปส่งกับครอบครัวตามที่สัญญาไว้ ซึ่งภายหลังลินดาให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่า โฮป น้องสาวของเธอ ป่วยและบางครั้งก็ล้มลง เธอต้องคอยให้น้ำและของกินจนเธอดีขึ้น แต่ตอนหลังอาการของน้องสาวไม่ดีขึ้น และเธอเองก็ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร
อย่างไรก็ดี จากรายงานระบุว่าไม่มีบาดแผลทางร่างกาย หรือการก่อเหตุที่ผิดกฎหมาย ขณะที่ผลพิสูจน์ทางนิติเวช ยังไม่ระบุแน่ชัดถึงสาเหตุและลักษณะการเสียชีวิต ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ยังคงดำเนินการสืบสวนต่อไป
ภาพจาก Brookline Assessors Office