จุดเปลี่ยนชีวิต เมื่อตรวจพบความเสี่ยงภาวะไตเสื่อม ตอนอายุแค่ 27

       สิ่งที่คนเรากลัวกันมากที่สุดในชีวิต ก็คงจะเป็นเรื่องของปัญหาสุขภาพ ที่มักจะทำให้ชีวิตเราต้องเสียเงิน หรืออาจจะต้องสูญเสีย ต้องลำบาก ทรมาน เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งอายุมากขึ้น ความเสี่ยงก็ยิ่งเพิ่มขึ้น การใช้ชีวิตก็ต้องระมัดระวังมากขึ้น

         แต่สำหรับสมาชิกพันทิปหมายเลข 3618829 เขาต้องระมัดระวังการใช้ชีวิต ตั้งแต่อายุเพียง 27 ปี หลังจากผลการตรวจสุขภาพประจำปีพบว่า มีความเสี่ยงภาวะไตเสื่อม ซึ่งเราทราบกันดีว่า โรคไตต้องใช้เงินรักษาจำนวนมาก และต้องรักษาต่อเนื่อง เขาได้เล่าประสบการณ์โรคเปลี่ยนชีวิตในครั้งนี้เอาไว้ว่า

เสี่ยงภาวะไตเสื่อม 

        สวัสดีชาวพันทิป ทุกคน เราจะมาขอแชร์ประสบการณ์ เล็กๆน้อยๆ 

        เราอายุ 27 ปี เป็นพนักงานบริษัท แห่งหนึ่ง มาประมาณ 5 ปี พอทำงานได้สัก1ปี ก็เริ่มมีปัญหา โรคกระเพาะ เพราะ มีอาการ ท้องอืด จุกเสียด บ่อยๆ หลังกินอาหาร พอเป็นหนักๆ ก็ไปหาหมอ ก็พบว่า เป็นแผลในกระเพาะอาหาร เราก็ทานยา omepeazole อยู่หลายเดือน พออาการดี ก็เลิกกิน กลับมาใช้ชีวิตปกติ คิดว่าหายแล้ว เราติดกาแฟ ชา คือกินวันละแก้ว ทั้งๆที่รู้ว่า มีผลทำให้กระเพาะหลั่งกรด มากขึ้น กินอาหารรสจัด โดยเฉพาะ เค็ม  มื้อเย็น ก็กินแล้ว นอนดูหนัง คือกิจวัตรของเรา นานๆ ไป อาการเดิมก็กลับมา กินอะไรนิดหน่อย ก็ปวดท้อง ท้องอืด เราแก้ปัญหาด้วยการกิน ยาลดกรด ต่างๆ แรกๆ มันก็ดีขึ้น แต่พอนานๆไปก็รู้สึกได้ว่า กินแล้วไม่ดีขึ้นเลย บางทีกินอะไรนิดหน่อย ก้อท้องอืด แต่เราก็ทนๆเอา ด้วยความขี้เกียจ หาหมอ (แต่ยังคงกินชา กาแฟ อยู่บ่อยๆ) 

        จนวันหนึ่ง ได้รับผลตรวจสุขภาพ ประจำปีของบริษัท !!!! 

        1.โลหิตจาง (อันนี้คือเราเป็นอยู่แล้ว ไม่ได้ซีเรียส)

        2.พบเม็ดเลือดขาวใน ปัสสาวะ ซึ่งอาจเกิดจาก ติดเชื้อในกระเพาะปัสสาวะ (ก็นึกได้ว่า เราฉี่บ่อย และบางทีปวดท้องน้อย) อันนี้ เราปรึกษาเภสัชกร แล้ว จ่ายยาฆ่าเชื้อมา เรากินไป 2 อาทิตย์ อาการปวดฉี่บ่อยๆก็หายไป 

        3.อันนี้ คือ ช๊อค ใน ช๊อค พบโปรตีนปนในปัสสาวะ ซึ่งหมายถึง ความเสี่ยงในการ ไตเสื่อม ระยะแรก เพราะ เกิดการรั่วของโปรตีนออกมา
ตอนเห็นผลคือ...ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ปรึกษากับเภสัชกร ที่รุ้จักกัน (ไม่ได้ไปหาหมอนะ ตอนนั้นหาวันว่างไม่ได้ + ความกลัวผลลัพธ์หน่อยๆ) เราหาข้อมูลในเน็ตเอา และตัดสินใจ เปลี่ยนตัวเอง ตามนี้

        1)เลิกกินเค็ม ปกติเรากินข้าว ต้องราดน้ำปลา ด้วยความรู้สึกว่า ไม่เค็มไม่อร่อย ตั้งแต่วันนั้น เราไม่เหยาะน้ำปลาสักหยด ยกเว้นกินไข่ดาว 

        2)ลดการกินชา กาแฟ และ เครื่องดื่มที่มี ครีมเทียม โดยเฉพาะ ชานมไข่มุก จากกินทุกวัน ก็ เป็น วันเว้นวันบ้าง 

        3)ออกกำลังกาย บอกก่อนเลยนะ เราเป็นคนนึงที่ไม่ค่อยเชื่อว่า การออกกำลังกายจะช่วยให้สุขภาพดีขึ้น และเราขี้อายมากๆ ที่จะไปเล่น คนเดียว เราก็ตัดสินใจ สมัครคอร์ส มวย ที่ฟิตเนส แห่งหนึ่ง แถวๆคลองหลวง

        หลังเลิกงานเราก็ไป วิ่ง 10 นาที แล้วต่อยมวย ประมาณ 3-5 ยก + เล่นเวทบ้าง ตามที่ครูมวยสอน ประมาน 2 ชม/วัน ละแบ่งเวลาไปสัปดาห์ละ 3-4 วัน
        ผ่านไปสัก 2 สัปดาห์ สิ่งที่เราพบคือ.... เราหายปวดท้อง ท้องอืด ไปเลย ไม่รู้ ว่าเพาะอะไร แต่แฮปปี้มาก เพราะ จะไปไหน ไม่ต้องกังวล กินบุฟเฟต์ แบบไม่ต้องพึ่งยาลดกรดเลยอ่า  และสรุป จากการ เปลี่ยนพฤติกรรม ตัวเองมา 2 เดือน

        1.เราไม่ติดการกินเค็มแล้ว น้ำปลาพริกไม่มีความจำเป็นในมื้ออาหารอีกต่อไป

        2.อาการท้องอืดจุกเสียด คือหายไปเลย

        3.เราสนุกกับการออกกำลังกาย อย่างนึงคือช่วยให้ความเครียดลดลง และเจอเพื่อน ได้เจอสังคมในอีกมุมมอง หุ่นก็เฟริมขึ้นมานิดนึงนะ

        4.เราไป รพ เพื่อตรวจร่างกายอย่างละเอียดอีกครั้ง “ไม่พบโปรตีน” ในปัสสาวะ เลย หมอบอกว่า อาจจะผิดพลาด ในการตรวจ พอทราบผลอันนี้ คือเราดีใจมากๆๆๆๆๆๆ 

        ....บางทีก็อยากขอบคุณผลตรวจนั้นนะ เพราะถ้าผลปกติ เราก็คงใช้ชีวิต เหมือนๆเดิม ไม่คำนึงถึงสุขภาพเท่าที่ควร...

        เราเลยอยากเอาประสบการณ์มาแชร์ อยากให้ทุกคน คำนึงถึงสุขภาพมากๆ อย่าน้อยเพื่อป้องกันความเสี่ยงในโรคต่างๆ ที่เราอาจคาดไม่ถึง 

        ....ขอบคุณมากๆที่อ่านจบจน อาจจะวกวน ไม่ค่อยรู้เรื่องบ้าง ต้องขออภัยด้วยนะ...

        คงไม่มีใครคาดคิดหรอกว่า อายุเพียง 27 ปี จะมีความเสี่ยงต่อโรคร้ายขนาดนี้ การตรวจสุขภาพประจำปีจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้เรารู้สภาพร่างกายของเราเองอยู่เสทอ

เรียบเรียงโดย : thaihitz.com ขอขอบคุณข้อมูลจาก สมาชิกพันทิปหมายเลข 3618829