หยุดพยายามเป็นคนอื่น... แค่เป็นตัวเราเอง มันก็เหนื่อยมากพอแล้ว

หยุดพยายามเป็นคนอื่น... แค่เป็นตัวเราเอง มันก็เหนื่อยมากพอแล้ว

อย่าใช้ชีวิตตามความคาดหวังของ “คนอื่น”

ความทุกข์ใจของคนเราส่วนมากมักมาจากความสัมพันธ์กับผู้อื่น แล้วอะไรกันที่เป็นจุดเริ่มต้นของความทุกข์? ชายหนุ่มให้คำตอบกับนักปรัชญาว่านั่นคือการ ‘ได้รับการยอมรับจากผู้อื่น’

ฉันอยากให้พ่อแม่ฉันภูมิใจในตัวฉันบ้างว่าฉันเองก็เก่งเหมือนพี่ ฉันอยากให้ครูมองฉันในสายตาเหมือนเด็กเรียนเก่งคนอื่นๆ ฉันอยากเป็นที่รักที่สนใจของหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน อยากเป็นที่ชื่นชมของใครต่อใคร เหล่านี้ล้วนเป็นความต้องการอยากให้ผู้อื่นยอมรับในตัวเรา

จริงอยู่ที่ว่าการถูกยอมรับเป็นเรื่องน่ายินดี แต่ก็ใช่ว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ ก่อนอื่นคุณต้องลองใคร่ครวญก่อนว่าคนเราอยากได้การยอมรับจากคนอื่นไปทำไม?

เพียงเพราะมันทำให้คุณรู้สึกว่า “ตัวเองมีคุณค่า”

แถมยังช่วยลบล้างความรู้สึกต่ำต้อยและทำให้เรากลับมามั่นใจอีกครั้งใช่หรือไม่?

สมมุติว่าคุณช่วยเก็บขยะในที่ทำงาน แต่คนรอบข้างกลับไม่สังเกตในสิ่งที่คุณทำ หรือถึงจะเห็นก็ไม่มีใครเอ่ยชื่นชมเลยสักคน แม้แต่คำขอบคุณสักคำก็ไม่มี ถ้าเป็นแบบนี้คุณยังจะช่วยเก็บขยะต่อหรือเปล่า?

คนส่วนใหญ่มักคิดว่าหากไม่ได้รับคำขอบคุณก็คงจะเลิกทำไปเลยเพราะไม่มีใครเห็นค่าก็ไม่อยากจะทำ อุตส่าห์ยอมเหนื่อยเพื่อประโยชน์ส่วนรวม แต่ไม่มีใครเห็นใครขอบคุณสักคำ เป็นใครก็ไม่อยากทำต่อทั้งนั้นแหละ

และนี่ล่ะคืออันตรายของการอยากได้การยอมรับ วิธีคิดเช่นนี้ยังผลมาจากการเลี้ยงดูแบบให้รางวัลและลงโทษ เราล้วนเติบโตมาจากการที่พ่อแม่ชื่นชมเมื่อเราทำพฤติกรรมเหมาะสมและถูกลงโทษเมื่อแสดงกิริยาไม่เหมาะสม อัลเฟรด แอดเลอร์วิพากษ์วิจารณ์การเลี้ยงดูเช่นนี้อย่างรุนแรง เพราะสิ่งที่จะเกิดตามมาก็คือไลฟ์สไตล์ที่มีปัญหา คนที่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยวิธีนี้จะเป็นคนที่ “ถ้าไม่มีใครชมก็จะไม่ทำเรื่องดีๆ” หรือ “ถ้าไม่มีใครลงโทษก็จะทำเรื่องแย่ๆ”

มนุษย์เราไม่ได้มีชีวิตอยู่เพื่อทำตามความคาดหวังของคนอื่น

ในคำสอนของศาสนายูดาห์มีคำกล่าวว่า “ถ้าเราไม่ใช้ชีวิตเพื่อตัวเอง แล้วใครจะมาใช้ชีวิตเพื่อตัวเรา” ชีวิตเป็นของคุณ มีแต่คุณคนเดียวเท่านั้นที่ใช้มันได้ ถ้าถามว่าคนเราควรใช้ชีวิตเพื่อใคร คำตอบก็คือเพื่อตัวเองอย่างไม่ต้องสงสัย เพราะถ้าคุณไม่ใช้ชีวิตเพื่อตัวเองแล้วใครจะมาใช้ชีวิตเพื่อคุณกันล่ะ สุดท้ายแล้วคนเราก็คิดถึงแต่ “ตัวเอง” แล้วก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่ไม่ควรทำแบบนั้นด้วย

การอยากได้รับการยอมรับจากคนอื่น

หรือการเอาแต่สนใจว่าคนอื่นจะตัดสินคุณค่าเราอย่างไร

จะทำให้เราใช้ชีวิตในแบบที่คนอื่นอยากให้เป็น

เมื่อเราอยากได้การยอมรับมากเกินไป เราจะใช้ชีวิตที่คนอื่น “คาดหวังให้เป็น” พูดง่ายๆคือเราจะทิ้งชีวิตตัวเองไปใช้ชีวิตของคนอื่นแทน และจำไว้ด้วยว่า ในเมื่อคุณ “ไม่ต้องใช้ชีวิตตามความคาดหวังของคนอื่น” คนอื่นก็ “ไม่ต้องใช้ชีวิตตามความคาดหวังของคุณ” เช่นกัน ดังนั้น หากคนอื่นไม่ทำตามที่เราคิดก็อย่าไปโกรธเขา

เวลาที่เราอยากได้รับการยอมรับจากใครสักคน เรามักใช้วิธี “ยอมทำตามความคาดหวังของคนอื่น” แต่ถ้าเราลงมือทำอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งเพียงเพื่อ “ทำตามความคาดหวังของคนอื่น” แล้วเราจะมีความสุขได้อย่างไร ในเมื่อเราต้องคอยกังวลสายตาของคนอื่นตลอดเวลา กังวลว่าจะได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์หรือเปล่า เราเลยต้อง “สะกด” ตัวตนของตัวเองไว้ พูดอีกอย่างก็คือเราเอาแต่คิดถึงคนอื่นจนไม่สามารถเป็นตัวของตัวเองได้

แต่หลักการคิดแบบนี้ไม่ได้หมายถึงว่าจะบอกให้คุณไปทำทุกอย่างโดยไม่สนใจใคร ก่อนอื่นเราต้องทำความเข้าใจเรื่อง “การแยกแยะธุระของแต่ละคนออกจากกัน” ตามหลักจิตวิทยาของแอดเลอร์เสียก่อน ซึ่งนั่นเราจะพูดถึงกันในตอนต่อไป

ข้อมูลจาก booooks.co