เปิดประวัติ ‘ออกพระเพทราชา’ ผู้มอบความตายให้ คอนสแตนติน ฟอลคอน

เปิดประวัติ ‘พระเพทราชา’ ผู้มอบความตายให้ ‘ฟอลคอล’

เข้มข้นขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับละคร ‘บุพเพสันนิวาส’ ซึ่งตัวละครที่น่าสนใจและมีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์คือ พระเพทราชา หรือ ออกพระเพทราชา ซึ่งรับบทโดย “ศรุต วิจิตรานนท์” ซึ่งเริ่มมีบทบาทมากขึ้นในฉากละคร หลังจากที่เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) ถูกลงอาญาเฆี่ยนเนื่องจากรับเงินห้าสิบชั่งจากไพร่ที่ไม่อยากถูกเกณฑ์ไปสร้างป้อมปราการประจำหัวเมืองต่างๆ ตามนโยบายของสมเด็จพระนารายณ์กับฟอลคอน เพื่อให้การดูละครเกิดความเข้าใจและสนุกมากยิ่งขึ้น เราจึงชวนมาทำความรู้จักกับพระเพทราชา

โดยข้อมูลจากเว็บไซด์ THAI REINCARNATION RESEARCH ได้เปิดเผยเรื่องราวไว้ว่า สำหรับสมเด็จพระเพทราชา แต่เดิมเป็นสามัญชนชื่อว่า “ทองคำ” เป็นชาวพลูหลวง แขวงเมืองสุพรรณบุรี ประสูติเมื่อ พ.ศ.2175 (บางแห่งว่า พ.ศ.2170) จุลศักราช 994 จัตวาศก ปีเดียวกับ สมเด็จพระนารายณ์ และทรงเป็นพระสหายกับสมเด็จพระนารายณ์มาตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ เนื่องจากพระมารดาของพระองค์เป็นพระนมโทในสมเด็จพระนารายณ์ (พระนมเอก คือ เจ้าแม่วัดดุสิต มารดาของ โกษาเหล็ก และ โกษาปาน)

ในตอนต้นรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ สมเด็จพระเพทราชามีตำแหน่งเป็นจางวางกรมช้างมีความชำนาญในศิลปศาสตร์การบังคับช้างและมีฝีมือในการสงคราม เคยได้รับความชอบจากสมเด็จพระนารายณ์หลายครั้ง มีครั้งหนึ่งสมเด็จพระนารายณ์ทรงยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ สมเด็จพระเพทราชาหรือจางวางกรมช้างในขณะนั้นได้ตามเสด็จไปทำศึกด้วย



การศึกในครั้งนั้นสมเด็จพระนารายณ์ตีได้เมืองเชียงใหม่และได้มีสัมพันธ์กับราชธิดาเจ้าเมืองเชียงใหม่องค์หนึ่งจนตั้งครรภ์ แต่พระองค์ทรงคิดละอายที่จะรับราชธิดาเจ้าเมืองเชียงใหม่ไว้เป็นพระสนม เนื่องจากในเวลานั้นยังถือว่าเมืองเชียงใหม่เป็นพวกเดียวกับเมืองลาวและยังเป็นที่ดูถูกว่าต่ำต้อยจึงทรงยกนางนั้นให้กับจางวางกรมช้าง เมื่อเดินทัพกลับจากเมืองเชียงใหม่มาถึงเมืองพิษณุโลก ต.โพธิ์ประทับช้าง จ.พิจิตรในปัจจุบัน ราชธิดาองค์นั้นได้คลอดบุตรออกมาเป็นเพศชายตั้งชื่อให้ว่า “เดื่อ” ซึ่งก็คือหลวงสรศักดิ์ (ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์) สมเด็จลูกยาเธอกรมพระราชวังบวร (ในรัชสมัยสมเด็จพระเพทราชา) หรือ สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) เมื่อทรงขึ้นครองราชต่อจากสมเด็จพระเพทราชานั่นเอง

จากการศึกษาประวัติศาสตร์จากพงศาวดารต่างๆจะเห็นได้ว่าปลายรัชสมัยของสมเด็จพระนารายณ์ ได้มีฝรั่งต่างชาติเข้ามาติดต่อค้าขายและเข้ามาอาศัยอยู่ในกรุงศรีอยุธยาจำนวนมาก หนึ่งในชาวต่างชาติที่คนไทยรู้จักดีก็คือชาวกรีกผู้ภักดีต่อฝรั่งเศสที่ชื่อ เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (ฟอลคอน หรือ เยการี) สามีของ ท้าวทองกีบม้า (มารี กีมาร์ เดอ ปีนา) ลูกผสมญี่ปุ่น-โปรตุเกส ต้นตำรับขนมหวาน ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และขนมหม้อแกงของไทย สมเด็จพระนารายณ์ทรงโปรดเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ เนื่องจากเป็นผู้ที่มีความสามารถและได้ทำประโยชน์ให้แก่ราชการเป็นอันมาก


แต่การกระทำหลายอย่างของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ สร้างความไม่พอใจให้กับเสนาบดีกลาโหม (สมเด็จพระเพทราชาได้รับตำแหน่งนี้ต่อจากโกษาเหล็ก) และหลวงสรศักดิ์เป็นอันมาก เนื่องจากเจ้าพระยาวิชาเยนทร์พยายามจะโน้มน้าวสมเด็จพระนารายณ์ให้เปลี่ยนไปนับถือศาสนาคริสต์ อีกทั้งคริสเตียนชาวกรีกผู้นี้ได้กระทำการหมิ่นน้ำใจชาวพุทธหลายครั้ง เช่น จัดการสึกภิกษุสามเณรให้ลาสิกขาออกมารับราชการโดยไม่สมัครใจ เป็นต้น สมเด็จพระนารายณ์ก็ทรงโอนอ่อนตามเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ในหลายเรื่อง ทำให้พุทธศาสนิกชนอย่างเสนาบดีกลาโหมและหลวง สรศักดิ์รู้สึกโกรธเคืองในตัวชาวกรีกผู้นี้ยิ่งนัก

อีกทั้งมีความระแวงว่าเจ้าพระยาวิชาเยนทร์จะนำทหารฝรั่งเศสเข้ายึดกรุงศรีอยุธยา เนื่องจากในเวลานั้นสมเด็จพระนารายณ์ทรงพระประชวรอย่างหนัก เสนาบดีกลาโหมและหลวงสรศักดิ์จึงก่อการยึดอำนาจจากสมเด็จพระนารายณ์และได้ประหารเจ้าพระยาวิชาเยนทร์รวมทั้งผู้อยู่ในข่ายที่จะได้สืบราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระนารายณ์คือ เจ้าฟ้าอภัยทศ เจ้าฟ้าน้อย (พระอนุชาของสมเด็จพระนารายณ์) และพระปีย์(พระโอรสบุญธรรม)เสีย เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ทรงทราบอาการประชวรก็เพียบหนักขึ้นและสวรรคตในเวลาต่อมา เมื่อสมเด็จพระนารายณ์สวรรคต เสนาบดีกลาโหมจึงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นสมเด็จพระเพทราชา ครองราชสมบัติสืบต่อจากสมเด็จพระนารายณ์ นับเป็นกษัตริย์องค์ที่ 28 แห่งกรุงศรีอยุธยา (ไม่นับรัชกาลขุนวรวงษาธิราช) ส่วนหลวงสรศักดิ์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นสมเด็จลูกยาเธอกรมพระราชวังบวร

สมเด็จพระเพทราชาทรงขึ้นครองราชเมื่อปี พ.ศ.2231 จุลศักราช 1050 ขณะพระชน-มายุ 56 พรรษา(บางแห่งว่า 61) เมื่อขึ้นครองราชพระองค์ได้ทรงแต่งตั้งกรมหลวงโยธาทิพพระภคินีของสมเด็จพระนารายณ์ให้เป็นพระมเหสีฝ่ายขวา ซึ่งต่อมาได้ให้กำเนิดพระโอรสพระองค์หนึ่งคือ “เจ้าพระขวัญ” และแต่งตั้งกรมหลวงโยธาเทพ พระธิดาองค์เดียวของสมเด็จพระนารายณ์เป็นพระมเหสีฝ่ายซ้าย ซึ่งต่อมาได้ให้กำเนิดพระโอรสพระองค์หนึ่งคือ “ตรัสน้อย”

ในรัชสมัยของสมเด็จพระเพทราชาได้เกิดกบฎขึ้นหลายครั้ง อีกทั้งเกิดปัญหาหัวเมืองใหญ่อย่างเมืองนครราชสีมาและเมืองนครศรีธรรมราชซึ่งได้รับการสถาปนาจากสมเด็จพระนารายณ์ไม่ยอมรับพระราชอำนาจของพระองค์ เนื่องจากมองว่าพระองค์เป็นผู้แย่งชิงราชสมบัติจากสมเด็จพระนารายณ์ ในเวลานั้นชาวฝรั่งเศส นักสอนศาสนาคริสต์ และชาวต่างชาติบางกลุ่มถูกเนรเทศให้กลับประเทศ ส่วนพระพุทธศาสนาได้รับการทำนุบำรุงเป็นอันมาก


สมเด็จพระเพทราชาทรงครองราชสมบัติเป็นเวลาถึง 15 ปี ก่อนที่จะทรงพระประชวรอย่างหนัก ระหว่างที่พระองค์ทรงพระประชวรอยู่นั้นได้เกิดปัญหาในการสืบราชสมบัติขึ้น ซึ่งผู้ที่มีสิทธิ์ในการสืบราชสมบัติต่อจากพระองค์คือเจ้าพระขวัญและตรัสน้อยพระราชโอรสแท้ๆของพระองค์ แต่เจ้าพระขวัญถูกกรมพระราชวังบวร(พระเจ้าเสือ)ลอบประหาร ตรัสน้อยทรงหนีไปบวชพระ เมื่อสมเด็จพระเพทราชาทรงทราบก็ทรงรีบตั้งพระราชนัดดาคือ “เจ้าพระยาพิไชยสุรินทร์” ให้สืบราชสมบัติต่อจากพระองค์

แต่เมื่อพระองค์สวรรคต (พ.ศ.2246) เจ้าพระยาพิไชยสุรินทร์ไม่กล้าปราบดาภิเษกขึ้นครองราชด้วยเกรงบารมีของกรมพระราชวังบวรและได้ขอให้กรมพระราชวังบวรขึ้นครองราชแทน กรมพระราชวังบวรจึงปราบดาภิเษกขึ้นเป็น สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8 (พระเจ้าเสือ) ครองราชสมบัติสืบต่อจากสมเด็จพระเพทราชา เป็นกษัตริย์องค์ที่ 29 แห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นอันสิ้นสุดรัชสมัยของสมเด็จพระเพทราชา

ขอบคุณข้อมูลจาก : เว็บไซด์ THAI REINCARNATION RESEARCH และ khaosod