อาหารทั้ง 6 อย่างที่กินแล้ว จะทำให้มีกลิ่นตัวแรง มีดังนี้...
1. เนื้อแดง: มีงานวิจัยจากสาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) ได้ทำการทดลองพบว่ากลิ่นเหงื่อของคนที่ทานอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์แรงกว่าคนทานมังสวิรัติและกลิ่นตัวจะยิ่งแรงมากขึ้นตามชนิดของเนื้อสัตว์ที่เราทานเข้าไปอีกด้วย
2. กระเทียม: เครื่องเทศชนิดนี้ทำให้คยที่ทายมีกลิ่นตัวแรงและยังส่งผลให้มีกลิ่นปากแรงอีกด้วย เนื่องจากว่ากระเทียมมีสารเคมีที่ชื่อว่า อัลลิอิน (Alliin) อยู่ในปริมาณมาก เมื่อกระเทียมถูกตัดหรือทำให้เกิดรอยช้ำ สารเคมีกับเอนไซม์ในกลีบกระเทียมจะทำปฏิกิริยาเปลี่ยนสารอัลลิอินให้กลายเป็นสารอัลลิซิน4 ซึ่งก่อให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัวนั่นเองและกระเทียมยังส่งผลต่อเพศหญิงอีกด้วยเพราะว่ากถ้าผู้หญิงทานกระเทียมในปริมาณที่มากจนเกินไป จะทำให้ร่างกายเกิดความร้อน จนซูบผอม บางคนอาจมีอาการวิตก ชอบหงุดหงิดง่าย และยังทำให้ร่างกายเสียเหงื่ออย่างรุนแรง จนกระทั่งส่งผมเสียต่อม้าม,ตับอ่อน และไต เป็นต้น
3. หน่อไม้ฝรั่ง: มีสารประกอบกำมะถันที่เรียกว่า กรดแอสพารากูสิคที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นหลังจากที่ทานหน่อไม้ฝรั่งไปประมาณ 10 -15 นาที จะทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นที่รุนแรง
4. ผักตระกูลกะหล่ำ: ผักที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ (Sulfur) เป็นสาเหตุของกลิ่นตัวรุนแรง รวมไปถึงกลิ่นผายลมที่่เหม็นมาก ดังนั้นถ้าไม่อยากมีกลิ่นตัวเหม็นแนะนำว่าควรเลี่ยงอาหารที่ประกอบจากผักเหล่านี้ เช่นบรอกโคลี กะหล่ำปลี และกะหล่ำดาว
5. เครื่องแกงกะหรี่และยี่หร่า: อาหารที่ประกอบไปด้วยเครื่องเทศเหล่านี้คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้กลิ่นตัวแรงโดยเฉพาะกลิ่นน้ำมันหอมระเหยจากเครื่องแกง เช่น ใบยี่หร่าสามารถฝังอยู่ที่รูขุมขนของคุณ จนกระทั่งไปผสมกับเหงื่อจนกลายเป็นกลิ่นตัวที่รุนแรงมาก
6. หัวหอม: มีกำมะถันหรือซัลเฟอร์ (Sulfur) จำนวนมาก เมื่อทานอาหารที่มีส่วนประกอบของหัวหอมแล้วน้ำมันในหัวหอมจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดภายหลังการย่อยในระบบย่อยอาหาร จากนั้นก็เข้าสู่ปอด และปลดปล่อยออกมาได้ทางลมหายใจ ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นนั่นเอง
หลังจากที่อ่านกันแล้ว ใครที่ไม่ต้องการมีกลิ่นตัวที่แรงและเหม็น ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหาร 6 ชนิดนี้หรือถ้าทำได้ก็งดไปเลยก็ได้ ถ้าไม่อยากมีกลิ่นตัวที่เหม็น
ที่มา : ThaiJobsGov.com
1. เนื้อแดง: มีงานวิจัยจากสาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) ได้ทำการทดลองพบว่ากลิ่นเหงื่อของคนที่ทานอาหารที่ทำจากเนื้อสัตว์แรงกว่าคนทานมังสวิรัติและกลิ่นตัวจะยิ่งแรงมากขึ้นตามชนิดของเนื้อสัตว์ที่เราทานเข้าไปอีกด้วย
2. กระเทียม: เครื่องเทศชนิดนี้ทำให้คยที่ทายมีกลิ่นตัวแรงและยังส่งผลให้มีกลิ่นปากแรงอีกด้วย เนื่องจากว่ากระเทียมมีสารเคมีที่ชื่อว่า อัลลิอิน (Alliin) อยู่ในปริมาณมาก เมื่อกระเทียมถูกตัดหรือทำให้เกิดรอยช้ำ สารเคมีกับเอนไซม์ในกลีบกระเทียมจะทำปฏิกิริยาเปลี่ยนสารอัลลิอินให้กลายเป็นสารอัลลิซิน4 ซึ่งก่อให้เกิดกลิ่นเฉพาะตัวนั่นเองและกระเทียมยังส่งผลต่อเพศหญิงอีกด้วยเพราะว่ากถ้าผู้หญิงทานกระเทียมในปริมาณที่มากจนเกินไป จะทำให้ร่างกายเกิดความร้อน จนซูบผอม บางคนอาจมีอาการวิตก ชอบหงุดหงิดง่าย และยังทำให้ร่างกายเสียเหงื่ออย่างรุนแรง จนกระทั่งส่งผมเสียต่อม้าม,ตับอ่อน และไต เป็นต้น
3. หน่อไม้ฝรั่ง: มีสารประกอบกำมะถันที่เรียกว่า กรดแอสพารากูสิคที่ค่อนข้างสูง ดังนั้นหลังจากที่ทานหน่อไม้ฝรั่งไปประมาณ 10 -15 นาที จะทำให้ปัสสาวะมีกลิ่นที่รุนแรง
4. ผักตระกูลกะหล่ำ: ผักที่อุดมไปด้วยกำมะถันหรือซัลเฟอร์ (Sulfur) เป็นสาเหตุของกลิ่นตัวรุนแรง รวมไปถึงกลิ่นผายลมที่่เหม็นมาก ดังนั้นถ้าไม่อยากมีกลิ่นตัวเหม็นแนะนำว่าควรเลี่ยงอาหารที่ประกอบจากผักเหล่านี้ เช่นบรอกโคลี กะหล่ำปลี และกะหล่ำดาว
5. เครื่องแกงกะหรี่และยี่หร่า: อาหารที่ประกอบไปด้วยเครื่องเทศเหล่านี้คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้กลิ่นตัวแรงโดยเฉพาะกลิ่นน้ำมันหอมระเหยจากเครื่องแกง เช่น ใบยี่หร่าสามารถฝังอยู่ที่รูขุมขนของคุณ จนกระทั่งไปผสมกับเหงื่อจนกลายเป็นกลิ่นตัวที่รุนแรงมาก
6. หัวหอม: มีกำมะถันหรือซัลเฟอร์ (Sulfur) จำนวนมาก เมื่อทานอาหารที่มีส่วนประกอบของหัวหอมแล้วน้ำมันในหัวหอมจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดภายหลังการย่อยในระบบย่อยอาหาร จากนั้นก็เข้าสู่ปอด และปลดปล่อยออกมาได้ทางลมหายใจ ทำให้เกิดกลิ่นเหม็นนั่นเอง
หลังจากที่อ่านกันแล้ว ใครที่ไม่ต้องการมีกลิ่นตัวที่แรงและเหม็น ก็ควรหลีกเลี่ยงอาหาร 6 ชนิดนี้หรือถ้าทำได้ก็งดไปเลยก็ได้ ถ้าไม่อยากมีกลิ่นตัวที่เหม็น
ที่มา : ThaiJobsGov.com