จัดว่าเด็ด! ปัญหารักแร้ดำ คอคล้ำเป็นปื้น บอกเลยหายได้ด้วยสูตรพอกรอยดำนี้

ปัญหารักแร้ดำ คอคล้ำเป็นปื้น บอกเลยหายได้ด้วยสูตรพอกรอยดำนี้

รอยดำเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการโกนหรือแว็กซ์ขน การรับแสงอาทิตย์มากไปและการใช้ผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกายหรือโรออน ซึ่งรอยดำเหล่านี้มักเกิดในบริเวณรอยพับหรือส่วนที่มีการเสียดสีบนผิวหนังของเรา ทั้งบริเวณหลังคอ ขาหนีบ รวมไปถึงรักแร้ด้วยนั่นเอง

นอกจากนี้ โรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็อาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่สร้างรอยดำได้ด้วยเช่นกัน อย่างผู้ป่วยโรคเบาหวาน โรคอ้วน มะเร็งของระบบทางเดินปัสสาวะและมะเร็งกระเพาะอาหาร รวมไปถึงผู้ป่วยโรคมะเร็งที่กำลังรักษาด้วยฮอร์โมนบำบัดอยู่นั้นก็เป็นกลุ่มคนที่มีรอยดำด่างบนผิวพรรณได้

อุตสาหกรรมเครื่องสำอางเคยตกปากรับคำว่าจะผลิตผลิตภัณฑ์ที่ช่วยรักษารอยดำตามจุดต่างๆ นี้ได้ แต่ร้อยทั้งร้อยก็กลับทำไม่ได้อย่างที่ได้สัญญาไว้ หรือใกล้เคียงที่สุดก็พอจะลดรอยได้แต่ต้องแลกกับการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีมากเกินไป คุณคงไม่อยากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีใช่ไหม?

ฉะนั้นเรามีวิธีธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพ แก้ปัญหารอยดำได้ดีมานำเสนอ รับรองได้ว่าการรักษาด้วยวิธีทางธรรมชาติปลอดภัยกว่าการใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้น พวกมันไม่มีผลข้างเคียง และคุณไม่จำเป็นต้องคอยหนีบแขนแนบกายไม่กล้ายกมืออีกต่อไป เพียงแค่ใช้ 3 สิ่งนี้ ได้แก่ โซเดียมคาร์บอเนต น้ำมันมะกอกและเกลือ



วัตถุดิบ


น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
เบคกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ


ผสมวัตถุดิบข้างต้นให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นเอามาทาบริเวณรอยดำที่ต้องการกำจัดออก พอกทิ้งไว้ 20 นาที จากนั้นล้างออก หรือหากต้องการให้มีประสิทธิภาพขึ้นไปอีกก็ลองใช้ดินเหนียวสีขาว เลม่อนและนมก็ได้ โดยกวนส่วนผสมทั้งหมดเข้าด้วยกัน พอกส่วนผสมที่ได้ลงไปที่รอยดำและให้มันทำงาน 20 นาที และล้างออกไม่ให้เหลือตกค้าง

เคล็ดลับเพิ่มเติม


พอกรอยดำสัปดาห์ละ 3 ครั้งจะทำให้รอยดำดีขึ้น

ใช้ครีมกันแดดเสมอเมื่อต้องออกไปสู้แสงแดด

ดื่มน้ำให้เยอะและรับประทานอาหารที่มีวิตามินอีเพิ่มขึ้นด้วย โดยพยายามเลือกสิ่งที่มาจากธรรมชาติ จำพวกผัก ผลไม้ เช่น ฝรั่ง ชมพู่ อะโวคาโด กล้วย ถั่วเหลือง ข้าวโพด มะเขือเทศ เป็นต้น

ใช้เกลือทะเลที่มีคุณภาพสูง นมพร่องมันเนย และน้ำมันมะกอกบริสุทธิ์เพื่อการรักษารอยดำ

คุณสามารถเพิ่มน้ำมะพร้าวสกัดเย็นลงไปด้วยได้เช่นกัน


ข้อมูลดีๆจาก http://www.rak-sukapap.com/2016/09/blog-post_38.html