แนะนำวิธีการปลูกผัก แบบไม่ใช้ดินในขวดน้ำ ลงทุนน้อย กำไรงาม

หลายคนอาจจะคิดว่า การปลูกผักแบบไม่ใช้ดิน หรือการปลูกผักไฮโดรโปนิคนั้น ต้องลงทุนสูง ต้องมีแปลงปลูก ต้องทำระบบน้ำ และ ฟังดูยุ่งยากซับซ้อน แต่วันนี้เราขอนำเสนอข้อมูลการปลูกผักไฮโดรโปรนิคในขวดน้ำ ไม่ต้องใช้พื้นที่มาก ใช้เงินลงทุนน้อย ไม่ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรมากมาย เหมาะสำหรับผู้ที่อยากเริ่มทดลองปลูกผักไฮโดรโปรนิค

อุปกรณ์ที่ต้องใช้

1. ขวดพลาสติก

2. ฟ๊อกกี้ฉีดน้ำ

3. กระดาษทิชชู่

4. ปุ๋ยน้ำ A และ B

5. ถาดเพาะเมล็ด

6. เมล็ด

7. ฟองน้ำ

8. กรรไกร

9. ไซริงค์ฉีดยา

10. กระดาษ A4

11. เทปใส

ขั้นตอนการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในขวดน้ำ

1.เตรียมอุปกรณ์ในการปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ ให้พร้อม จัดเตรียมอุปกรณ์ทั้งหมดให้พร้อม โดยอ้างอิง จากรายการ “วัสดุที่ใช้ในการ ปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในขวดน้ำ” ในหัวข้อด้านบน ขาดเหลืออะไรไปซื้อมาก่อน

2. เลือกซื้อเมล็ดพันธุ์ พืชผัก ที่ต้องการจะปลูก หลังจากนั้นก็ไป ร้านขๅยอุปกรณ์การเกษตร หรือ ตามห้างสรรพสินค้า เพื่อไปซื้อเมล็ดพันธุ์ของพืชผัก ที่ต้องการจะปลูก แนะนำให้ปลูกผัก ที่โตง่าย ๆ กันก่อน

3. นำเมล็ดพันธุ์ วางบนกระดาษทิชชู่ ใส่ภาชนะเพาะเมล็ดให้เรียบร้อย

4. ย้ายเมล็ดพันธุ์ ไปวางบน แผ่นฟองน้ำขนาด 1 x 1 นิ้ว ที่ชุ่มน้ำ หลังจากที่ ผ่านขั้นตอนที่ 3 ได้ประมาณ 1-3 วัน ถ้าหากเราสังเกตเห็นรากเล็ก ๆ ที่มีลักษณะจะเป็น รากสีขๅว หรือ รากแก้ว (Taproot) งอกออกมาจากตัวของเมล็ดพันธุ์

5. ย้ายต้นกล้า (เมล็ดพันธุ์ที่โตแล้วในระดึบนึง) ไปใส่ในขวดน้ำพลาสติก

5.1 ผสม สารละลายธาตุอาหาร A และ B ใส่ขวดน้ำพลาสติกรอเอาไว้ก่อน

ในส่วนนี้จะแนะนำวิธีการผสมสารละลายธาตุอาหาร A และ B ซึ่งเป็นขั้นตอนที่ค่อนข้างจะสำคัญ ถ้าไม่อยากให้ผักต า ยและเสียเวลาเริ่มต้นปลูกผักไฮโดรโปนิกส์ในขวดน้ำ ใหม่อีกครั้ง

ควรจะต้องปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพราะมันจะมีส่วนต่อการเจริญเติบโต ของผักหรือผลผลิตของเราเป็นอย่างมาก และเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาดูวิธีการผสมกันเลย

1.หาภาชนะใส่ สารละลายธาตุอาหาร A ผสมกับ สารละลายธาตุอาหาร B แนะนำเป็นขวดพลาสติกธรรมดาอีก 1 ขวด ซึ่ง (ภาชนะที่ใช้ของผมเป็นขวดนมโฟร์โมสต์ ขนาด 2 ลิตร)

2.เทน้ำสะอาดลงไปในขวดน้ำให้เต็มขวด โดย น้ำสะอาดในที่นี้ อาจจะเป็นน้ำดื่ม ถ้าใครมีเครื่องกรองน้ำ ก็สามารถใช้น้ำจากเครื่องกรองน้ำได้ แต่ถ้ากลัวเปลืองเงิน สามารถใช้น้ำประปา ได้เช่นกัน แต่ถ้าใช้น้ำประปา ควรจะต้องเทน้ำใส่ขวด เปิดฝาขวดทิ้งไว้ประมาณ 8-10 ชั่วโมง เพื่อให้ สารคลอรีน ที่อยู่ในน้ำประปาระเหย ออกไปเสียก่อน

3.นำไซริงค์ฉีดยา ดูดสารละลายธาตุอาหาร A จากขวดของมัน และ ฉีดใส่ขวดที่เตรียมไว้ ในปริมาณที่เหมาะสม แล้วทิ้งเอาไว้ 4 ชั่วโมง (หรือมากกว่านั้น) จากคำแนะนำยี่ห้อที่ผมซื้อมาคือ ใช้สารละลายธาตุอาหาร A จำนวน 5 มิลลิลิตร ต่อน้ำเปล่า 1 ลิตร

นั่นหมายความว่า ถ้าขวดภาชนะบรรจุ ของคุณมีขนาด 2 ลิตร จะต้องเติมใส่สารละลายธาตุอาหาร เป็น 2 เท่า นั่นก็คือ 10 มิลลิลิตร

4.นำไซริงค์ฉีดยา ดูดสารละลายธาตุอาหาร B จากขวดของมัน และ ฉีดใส่ขวดที่ผสม สารละลายธาตุอาหาร A เตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว ในอัตราส่วนที่เท่ากัน (ทำเหมือนขั้นตอนที่ 3 คือ ใช้สารละลายธาตุอาหาร B จำนวน 5 มิลลิลิตร ต่อน้ำเปล่า 1 ลิตร)

5.นำสารละลายธาตุอาหาร A และ B ที่ผสมกันเรียบร้อยแล้ว ไปเทใส่ลงในขวดน้ำพลาสติก ที่จะปลูก
และทั้งหมดนี้คือ 5 ขั้นตอนง่าย ๆ ของการ ผสมสารละลายธาตุอาหาร A และ B โดย ขอให้อ่านซ้ำอีกสักรอบ เพื่อความแน่ใจ

5.2 ย้ายต้นกล้า จากภาชนะเพาะเมล็ด ไปใส่ใน ขวดน้ำพลาสติก

เมื่อเห็นเป็นเช่นนี้แล้วให้ เอาต้นกล้าที่รากแก้วยังคงปักอยู่ในฟองน้ำ (อย่าดึงรากมัน ออกมานะ) ย้ายไปใส่ในขวดน้ำพลาสติก ที่ตัดฝาขวด พลิกด้านบนกลับมา

และเอาฟองน้ำยัดลงไปในช่องน้ำออกของขวด ทั้งนี้เพื่อขยายพื้นที่ให้รากแก้ว สามารถขยายได้ยาวและเจริญเติบโตไปได้อีกนั่นเอง

6. หมั่นคอยดูแลและรักษาต้นกล้า เก็บเอาไว้จนวันที่เจริญเติบโตเต็มที่

แหล่งที่มา: thanop

เรียบเรียงโดย esancuisine.com