เสียดายคนตายไม่ได้อ่าน! “จิตสุดท้ายก่อนตาย” สำคัญต่อการเกิดใหม่!
หลวงพ่อฤๅษีลิงดำสอน “ 5 วิธีจูงจิตผู้ป่วยใกล้ตาย ” ให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี!
สำคัญ! “จิตสุดท้ายก่อนตาย” ชี้ทางไปสู่ชาติหน้า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเมตตาสอน “5วิธีจูงจิตผู้ป่วยใกล้ตาย” ให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี
ผู้ที่กำลังจะถึงแก่ความตายนั้น ภายในจิตย่อมเกิดอารมณ์และความคิด สุดท้ายอารมณ์ต่างๆ เหล่านั้นจะผ่านเข้าไปในจิต มีทั้งอารมณ์ยินดีและยินร้าย พอใจและไม่พอใจ เพียงระยะเวลาสั้นๆ ของผู้ที่ไม่เคยฝึกอบรมจิตมาก่อน จิตจะส่งกระแสออกไปตามอารมณ์ต่างๆ นับไม่ถ้วน
เมื่อดวงจิตจะต้องดับลงจริงๆ แล้ว ดวงจิตจะยึดเอาอารมณ์สุดท้ายที่จิตเสวยอยู่นั้นมาเป็นอารมณ์จิตและติดเข้าไปยังปรโลกด้วย ไปก่อให้เกิดภพภูมิของจิต อันเปรียบเสมือนมิติแห่งความคิดที่ดวงจิตวิญญาณ เมื่อผ่านเข้าไปยังปรโลกใหม่ไปสร้างมิติแห่งความฝันนี้ให้บังเกิดขึ้น
อารมณ์ของจิตสุดท้ายก่อนตายนี้นับว่ามีความสำคัญมาก เพราะดวงจิตวิญญาณจะยึดเอาไว้ เพื่อเป็นการน้อมนำไปสู่การเกิดใหม่ หรือบางครั้งอารมณ์จิตติดอยู่ในเรื่องราวอย่างใดอย่างหนึ่ง
จึงสำคัญมากที่จะต้องรักษาจิตสุดท้าย ไม่ให้ฟุ้งซ่าน มีสติอยู่เสมอ เพื่อให้ดวงจิตนี้นำไปสู่ภพภูมิที่ดีได้ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ จึงสอน “วิธีจูงจิตผู้ป่วยใกล้ตาย” ไว้ให้ ดังนี้...
"..ถ้าป่วยใหม่ๆ อาตมาแนะนำให้ทำดังนี้คือ
๑) ให้นำพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร พร้อมอาหารและ ของใช้ที่จำเป็น นำไปให้ผู้ป่วยเห็นและให้ตั้งจิต อธิษฐานว่า
"ของทั้งหมดนี้ขอถวายเป็นสังฆทานแก่พระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลผลบุญทั้งหมดนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรของผู้ป่วยได้โมทนาและอโหสิกรรมให้ผู้ป่วยด้วย"
แล้วญาติก็นำของทั้งหมดไปถวายพระเป็นสังฆทาน จิตใจของผู้ป่วยจะได้สบายเพราะได้เห็น พระพุทธรูปและได้ทำบุญ
๒) ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีก ก็ควรนำเงินจะมากหรือน้อย ตามแต่ศรัทธา ให้ผู้ป่วยถือเงินไว้และให้ตั้งจิต อธิษฐานว่า
"เงินจำนวนนี้ขอถวายชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ถ้าเคยไปหยิบหรือนำของสงฆ์มาโดย เจตนาหรือไม่ได้เจตนาก็ตาม"
๓) ในระหว่างที่นอนป่วยอยู่ ควรนำพระพุทธรูปมา ตั้งไว้ให้ผู้ป่วยได้มองเห็น อย่าไปตั้งไว้ในที่ผู้ป่วย เห็นไม่ถนัด ผู้ป่วยลืมตาขึ้นมาเมื่อใดก็จะได้เห็น พระทันที จิตของผู้ป่วยจะได้จับอยู่ที่พระใจจะสบายช่วยให้คลายจากทุกขเวทนาได้บ้าง และถ้าตาย เมื่อใดก็จะไม่ลงนรก
๔) ถ้าป่วยมากมีทุกขเวทนามาก ควรแนะนำสั้นๆ ให้ นึกถึงพระพุทธเจ้า หรืออย่างใดอย่างหนึ่งดีกว่า ถ้าไปแนะนำยาวๆ จะเกิดอาการกลุ้ม
๕) ถ้าต้องการให้ผู้ป่วยตายแล้วไปพระนิพพาน ให้นึกภาวนาว่า "นิพพานัง สุขัง" ถ้าคิดว่าป้องกันไม่ให้ ลงนรกก็ให้ภาวนาว่า "พุทโธ" ให้บอกสั้นๆ อย่าบอกยาว
๖) ถ้าผู้ป่วยภาวนาไม่ไหว ก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ ให้นึกถึงพระไว้หรือจะนึกถึงพระสงฆ์ก็ได้ อย่าไปแนะนำยาวๆ เพราะเวลานั้นทุกขเวทนามากจะทำให้กลุ้ม ดีไม่ดีจิตใจเขาดีอยู่แล้ว ถ้าแนะนำไม่ดี พูดมากไปเขาจะกลุ้มจะทำให้ลงนรกไป ให้ดูตาคนป่วย ถ้าตาลอยๆ ตาปรือๆ อย่าไปพูดมากฉะนั้น การแนะนำคนป่วยก่อนตาย ต้องระมัดระวังให้ดี.."
จาก..หนังสือ ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน
โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง
สำคัญ! “จิตสุดท้ายก่อนตาย” ชี้ทางไปสู่ชาติหน้า หลวงพ่อฤๅษีลิงดำเมตตาสอน “5วิธีจูงจิตผู้ป่วยใกล้ตาย” ให้ไปสู่ภพภูมิที่ดี
ผู้ที่กำลังจะถึงแก่ความตายนั้น ภายในจิตย่อมเกิดอารมณ์และความคิด สุดท้ายอารมณ์ต่างๆ เหล่านั้นจะผ่านเข้าไปในจิต มีทั้งอารมณ์ยินดีและยินร้าย พอใจและไม่พอใจ เพียงระยะเวลาสั้นๆ ของผู้ที่ไม่เคยฝึกอบรมจิตมาก่อน จิตจะส่งกระแสออกไปตามอารมณ์ต่างๆ นับไม่ถ้วน
เมื่อดวงจิตจะต้องดับลงจริงๆ แล้ว ดวงจิตจะยึดเอาอารมณ์สุดท้ายที่จิตเสวยอยู่นั้นมาเป็นอารมณ์จิตและติดเข้าไปยังปรโลกด้วย ไปก่อให้เกิดภพภูมิของจิต อันเปรียบเสมือนมิติแห่งความคิดที่ดวงจิตวิญญาณ เมื่อผ่านเข้าไปยังปรโลกใหม่ไปสร้างมิติแห่งความฝันนี้ให้บังเกิดขึ้น
อารมณ์ของจิตสุดท้ายก่อนตายนี้นับว่ามีความสำคัญมาก เพราะดวงจิตวิญญาณจะยึดเอาไว้ เพื่อเป็นการน้อมนำไปสู่การเกิดใหม่ หรือบางครั้งอารมณ์จิตติดอยู่ในเรื่องราวอย่างใดอย่างหนึ่ง
จึงสำคัญมากที่จะต้องรักษาจิตสุดท้าย ไม่ให้ฟุ้งซ่าน มีสติอยู่เสมอ เพื่อให้ดวงจิตนี้นำไปสู่ภพภูมิที่ดีได้ หลวงพ่อฤๅษีลิงดำ จึงสอน “วิธีจูงจิตผู้ป่วยใกล้ตาย” ไว้ให้ ดังนี้...
"..ถ้าป่วยใหม่ๆ อาตมาแนะนำให้ทำดังนี้คือ
๑) ให้นำพระพุทธรูป ผ้าไตรจีวร พร้อมอาหารและ ของใช้ที่จำเป็น นำไปให้ผู้ป่วยเห็นและให้ตั้งจิต อธิษฐานว่า
"ของทั้งหมดนี้ขอถวายเป็นสังฆทานแก่พระสงฆ์ ในพระพุทธศาสนา เพื่ออุทิศส่วนกุศลผลบุญทั้งหมดนี้ให้เจ้ากรรมนายเวรของผู้ป่วยได้โมทนาและอโหสิกรรมให้ผู้ป่วยด้วย"
แล้วญาติก็นำของทั้งหมดไปถวายพระเป็นสังฆทาน จิตใจของผู้ป่วยจะได้สบายเพราะได้เห็น พระพุทธรูปและได้ทำบุญ
๒) ถ้าจะให้ดีขึ้นไปอีก ก็ควรนำเงินจะมากหรือน้อย ตามแต่ศรัทธา ให้ผู้ป่วยถือเงินไว้และให้ตั้งจิต อธิษฐานว่า
"เงินจำนวนนี้ขอถวายชำระหนี้สงฆ์ตั้งแต่อดีต จนถึงปัจจุบัน ถ้าเคยไปหยิบหรือนำของสงฆ์มาโดย เจตนาหรือไม่ได้เจตนาก็ตาม"
๓) ในระหว่างที่นอนป่วยอยู่ ควรนำพระพุทธรูปมา ตั้งไว้ให้ผู้ป่วยได้มองเห็น อย่าไปตั้งไว้ในที่ผู้ป่วย เห็นไม่ถนัด ผู้ป่วยลืมตาขึ้นมาเมื่อใดก็จะได้เห็น พระทันที จิตของผู้ป่วยจะได้จับอยู่ที่พระใจจะสบายช่วยให้คลายจากทุกขเวทนาได้บ้าง และถ้าตาย เมื่อใดก็จะไม่ลงนรก
๔) ถ้าป่วยมากมีทุกขเวทนามาก ควรแนะนำสั้นๆ ให้ นึกถึงพระพุทธเจ้า หรืออย่างใดอย่างหนึ่งดีกว่า ถ้าไปแนะนำยาวๆ จะเกิดอาการกลุ้ม
๕) ถ้าต้องการให้ผู้ป่วยตายแล้วไปพระนิพพาน ให้นึกภาวนาว่า "นิพพานัง สุขัง" ถ้าคิดว่าป้องกันไม่ให้ ลงนรกก็ให้ภาวนาว่า "พุทโธ" ให้บอกสั้นๆ อย่าบอกยาว
๖) ถ้าผู้ป่วยภาวนาไม่ไหว ก็ให้นึกถึงพระพุทธรูปองค์ใดองค์หนึ่งก็ได้ ให้นึกถึงพระไว้หรือจะนึกถึงพระสงฆ์ก็ได้ อย่าไปแนะนำยาวๆ เพราะเวลานั้นทุกขเวทนามากจะทำให้กลุ้ม ดีไม่ดีจิตใจเขาดีอยู่แล้ว ถ้าแนะนำไม่ดี พูดมากไปเขาจะกลุ้มจะทำให้ลงนรกไป ให้ดูตาคนป่วย ถ้าตาลอยๆ ตาปรือๆ อย่าไปพูดมากฉะนั้น การแนะนำคนป่วยก่อนตาย ต้องระมัดระวังให้ดี.."
จาก..หนังสือ ตายไม่สูญ...แล้วไปไหน
โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง