ชีวิตจะเปลี่ยนไป…ถ้าได้บริโภค “ขิง” อย่างสม่ำเสมอ…พร้อมแจกสูตรทานง่าย…ยิ่งไม่เชื่อ ยิ่งต้องลอง
ขิง เป็นหนึ่งในสมุนไรที่เราทราบกันดีว่ามีประโยชน์ ขับลม กินแล้วดีต่อสุขภาพ แต่ที่คุณรู้มันยังไม่ใช่ทั้งหมดของขิง และเรามีข้อดีที่มากกว่านั้นมาฝากกัน ถ้าอยากรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ มาลองอ่านบทความต่อไปนี้ แล้วคุณจะต้องหลงรักมันอย่างแน่นอน
7 เหตุผลที่ควรบริโภคขิงอย่างสม่ำเสมอ
1.ขิงช่วยบรรเทาอาการปวด
ขิงสามารถบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อได้ 25% ทั้งอาการปวดธรรมดา และปวดประจำเดือน
2.ขิงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
จากการวิจัยในผู้ป่วยที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงจำนวน 85 คน โดยให้บริโภคผงขิง 3 กรัมทุกวัน พบว่าทำให้ระดับคอเลสเตอรอลลดลง และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้อีกด้วย
3.ขิงลดปัญหาการย่อยอาหาร
เนื่องจากขิงมีสารฟีนอล จึงบรรเทาการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร กระตุ้นการผลิตน้ำดีและน้ำลาย ซึ่งช่วยเรื่องนี้ได้ดี เร่งการกำจัดของเสียในกระเพาะอาหาร หรือลดอาการอาหารไม่ย่อยลงได้ 50%
4.ขิงต่อต้านอาการอักเสบ โดยเฉพาะโรคข้อกระดูกอักเสบ โดยพบว่า คน 247 คน ที่บริโภคขิงเป็นประจำ สามารถลดอาการเจ็บปวดลงได้
5.ขิงพัฒนาสมอง ลดโอกาสเกิดโรคอัลไซเมอร์ เนื่องจาก ขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ อีกทั้ง สารสกัดจากขิงก็ช่วยเพิ่มหน่วยความจำได้ด้วย
6.ขิงลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานแล้วบริโภคขิงผง 2 กรัมทุกวัน จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้
7.ขิงต้านมะเร็ง ขิงมีสารที่เรียกว่าจินเจอรอล ซึ่งใช้ในการรักษาโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ประโยชน์ด้านอื่นๆของน้ำขิงยังมีอีกมากมาย ได้แก่
1. ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยขับลม
2. ช่วยให้คนท้องลดอาการแพ้ท้อง หรือช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังคลอดบุตร
3. ลดรอยสิวและฝ้ากระได้
4. แก้คลื่นไส้อาเจียน
5. ช่วยแก้ปวดประจำเดือน
6. ช่วยต่อต้านเชื้อโรค
เรียกได้ว่าขิงนั้นมีประโยชน์รอบด้านจริงๆ แต่ถ้าใครไม่อยากทานขิงสดๆเพราะมันเผ็ด มาลองดูสูตรน้ำขิงที่ทำเองได้ง่ายๆกันดีกว่าค่ะ
สูตรที่ 1 สูตรน้ำขิงจากขิงสด
ส่วนผสมที่ใช้ : ขิงสดบด 1 1/2 ช้อนชา + น้ำร้อน 1 แก้ว
วิธีทำ
1. ตักขิงสดที่บดแล้วใส่ลงไปในแก้วน้ำร้อนที่เตรียมไว้
2. คนให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วค่อยๆ จิบตามต้องการ
หมายเหตุ : สำหรับใครที่ต้องการจิบน้ำขิงแบบเข้มข้น สามารถเพิ่มปริมาณของขิงบดลงไปได้อีกตามความต้องการ
สูตรที่ 2 สูตรน้ำขิงผสมมะนาว (ปรับให้ทานง่ายมากขึ้น)
ส่วนผสมที่ใช้ : ขิงสดขนาด 1/2 นิ้ว + น้ำมะนาวหรือน้ำเลมอน + น้ำผึ้ง
วิธีทำ
1. เตรียมน้ำอุ่นใส่แก้วไว้ 1 ใบ
2. นำขิงมาแช่ลงในแก้วน้ำอุ่นประมาณ 3-5 นาที
3. เติมน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย หรือฝานมะนาวให้เป็นแผ่นบางๆ นำลงไปแช่ต่อในแก้วน้ำ
4. เติมน้ำผึ้งลงไปอีก 1/2 ช้อนชา เพื่อช่วยลดรสชาติเผ็ดร้อนจากขิง และยังช่วยให้ได้รสชาติที่หอมหวานกลมกล่อมยิ่งขึ้น
สูตรที่ 3 สูตรผสม (เก็บไว้ชงทานได้นาน)
ส่วนผสมที่ใช้ : ขิงแก่ + ข่าแก่ +ตะไคร้
วิธีทำ
1. ล้างให้สะอาด ปอกเปลือกขิงและข่าออก
2. หั่นสมุนไพรแต่ละชนิดออกเป็นชิ้นบางๆ นำเข้าเตาอบอบด้วยอุณภูมิประมาณ 40-60 องศาเซลเซียส นาน 3 ชั่วโมงหรือวางสมุนไพรบนถาดแสตนเลสจากนั้นยกไปตากแดด 2 วัน จนกว่าสมุนไพรจะแห้ง
3. นำตัวยาที่ได้มาเทใส่โหลแก้วเก็บไว้ให้ปลอดจากความชื้น
4. หากจะใช้ดื่มให้หยิบตัวยาประมาณ 1 หยิบมือใส่ลงในแก้ว เทนำร้อนลงไปเกือบเต็มแก้ว ปิดฝาทิ้งไว้ 15 นาที และดื่มในขณะที่ยังอุ่นๆ จะให้ผลที่ดีที่สุด
ได้ประโยชน์เต็มๆแบบนี้ ทำไมจะไม่ดื่มน้ำขิงหรือกินขิงอีกละคะ เพราะประโยชน์ของสมุนไพรชนิดนี้นั้นมากมายเสียเหลือเกิน ใครอยากสุขภาพดี หันมาหินขิงกันเถอะ
ขิง เป็นหนึ่งในสมุนไรที่เราทราบกันดีว่ามีประโยชน์ ขับลม กินแล้วดีต่อสุขภาพ แต่ที่คุณรู้มันยังไม่ใช่ทั้งหมดของขิง และเรามีข้อดีที่มากกว่านั้นมาฝากกัน ถ้าอยากรู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ มาลองอ่านบทความต่อไปนี้ แล้วคุณจะต้องหลงรักมันอย่างแน่นอน
7 เหตุผลที่ควรบริโภคขิงอย่างสม่ำเสมอ
1.ขิงช่วยบรรเทาอาการปวด
ขิงสามารถบรรเทาอาการปวดกล้ามเนื้อได้ 25% ทั้งอาการปวดธรรมดา และปวดประจำเดือน
2.ขิงช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล
จากการวิจัยในผู้ป่วยที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูงจำนวน 85 คน โดยให้บริโภคผงขิง 3 กรัมทุกวัน พบว่าทำให้ระดับคอเลสเตอรอลลดลง และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจได้อีกด้วย
3.ขิงลดปัญหาการย่อยอาหาร
เนื่องจากขิงมีสารฟีนอล จึงบรรเทาการอักเสบของระบบทางเดินอาหาร กระตุ้นการผลิตน้ำดีและน้ำลาย ซึ่งช่วยเรื่องนี้ได้ดี เร่งการกำจัดของเสียในกระเพาะอาหาร หรือลดอาการอาหารไม่ย่อยลงได้ 50%
4.ขิงต่อต้านอาการอักเสบ โดยเฉพาะโรคข้อกระดูกอักเสบ โดยพบว่า คน 247 คน ที่บริโภคขิงเป็นประจำ สามารถลดอาการเจ็บปวดลงได้
5.ขิงพัฒนาสมอง ลดโอกาสเกิดโรคอัลไซเมอร์ เนื่องจาก ขิงมีสารต้านอนุมูลอิสระและสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพ อีกทั้ง สารสกัดจากขิงก็ช่วยเพิ่มหน่วยความจำได้ด้วย
6.ขิงลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานแล้วบริโภคขิงผง 2 กรัมทุกวัน จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหัวใจได้
7.ขิงต้านมะเร็ง ขิงมีสารที่เรียกว่าจินเจอรอล ซึ่งใช้ในการรักษาโรคมะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นอกจากนี้ ประโยชน์ด้านอื่นๆของน้ำขิงยังมีอีกมากมาย ได้แก่
1. ช่วยบรรเทาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยขับลม
2. ช่วยให้คนท้องลดอาการแพ้ท้อง หรือช่วยฟื้นฟูร่างกายหลังคลอดบุตร
3. ลดรอยสิวและฝ้ากระได้
4. แก้คลื่นไส้อาเจียน
5. ช่วยแก้ปวดประจำเดือน
6. ช่วยต่อต้านเชื้อโรค
เรียกได้ว่าขิงนั้นมีประโยชน์รอบด้านจริงๆ แต่ถ้าใครไม่อยากทานขิงสดๆเพราะมันเผ็ด มาลองดูสูตรน้ำขิงที่ทำเองได้ง่ายๆกันดีกว่าค่ะ
สูตรที่ 1 สูตรน้ำขิงจากขิงสด
ส่วนผสมที่ใช้ : ขิงสดบด 1 1/2 ช้อนชา + น้ำร้อน 1 แก้ว
วิธีทำ
1. ตักขิงสดที่บดแล้วใส่ลงไปในแก้วน้ำร้อนที่เตรียมไว้
2. คนให้ส่วนผสมเข้ากัน แล้วค่อยๆ จิบตามต้องการ
หมายเหตุ : สำหรับใครที่ต้องการจิบน้ำขิงแบบเข้มข้น สามารถเพิ่มปริมาณของขิงบดลงไปได้อีกตามความต้องการ
สูตรที่ 2 สูตรน้ำขิงผสมมะนาว (ปรับให้ทานง่ายมากขึ้น)
ส่วนผสมที่ใช้ : ขิงสดขนาด 1/2 นิ้ว + น้ำมะนาวหรือน้ำเลมอน + น้ำผึ้ง
วิธีทำ
1. เตรียมน้ำอุ่นใส่แก้วไว้ 1 ใบ
2. นำขิงมาแช่ลงในแก้วน้ำอุ่นประมาณ 3-5 นาที
3. เติมน้ำมะนาวลงไปเล็กน้อย หรือฝานมะนาวให้เป็นแผ่นบางๆ นำลงไปแช่ต่อในแก้วน้ำ
4. เติมน้ำผึ้งลงไปอีก 1/2 ช้อนชา เพื่อช่วยลดรสชาติเผ็ดร้อนจากขิง และยังช่วยให้ได้รสชาติที่หอมหวานกลมกล่อมยิ่งขึ้น
สูตรที่ 3 สูตรผสม (เก็บไว้ชงทานได้นาน)
ส่วนผสมที่ใช้ : ขิงแก่ + ข่าแก่ +ตะไคร้
วิธีทำ
1. ล้างให้สะอาด ปอกเปลือกขิงและข่าออก
2. หั่นสมุนไพรแต่ละชนิดออกเป็นชิ้นบางๆ นำเข้าเตาอบอบด้วยอุณภูมิประมาณ 40-60 องศาเซลเซียส นาน 3 ชั่วโมงหรือวางสมุนไพรบนถาดแสตนเลสจากนั้นยกไปตากแดด 2 วัน จนกว่าสมุนไพรจะแห้ง
3. นำตัวยาที่ได้มาเทใส่โหลแก้วเก็บไว้ให้ปลอดจากความชื้น
4. หากจะใช้ดื่มให้หยิบตัวยาประมาณ 1 หยิบมือใส่ลงในแก้ว เทนำร้อนลงไปเกือบเต็มแก้ว ปิดฝาทิ้งไว้ 15 นาที และดื่มในขณะที่ยังอุ่นๆ จะให้ผลที่ดีที่สุด
ได้ประโยชน์เต็มๆแบบนี้ ทำไมจะไม่ดื่มน้ำขิงหรือกินขิงอีกละคะ เพราะประโยชน์ของสมุนไพรชนิดนี้นั้นมากมายเสียเหลือเกิน ใครอยากสุขภาพดี หันมาหินขิงกันเถอะ