เกจิดังหลวงพ่อเงินแนะ 2 ตากับยายสวดบทนี้เพื่อเจ้ากรรมนายเวร ถึงกับชีวิตพลิกผันเลยทีเดียว
ที่มาของพระคาถานี้ว่ากันว่าที่สาวัตถี มีตายายสองคนมีอาชีพหาปลาตลอดชีวิตไม่เคยทำความดีเลย วันหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยปรมาภิเษกสัมโพธิญาณว่าตากับยายคู่นี้เคยถวายสังฆทานแก่สมเด็จพระพุทธตัณหังกรมาก่อนแต่ ก็มีการยักยอกเงินในสมัยพระพุทธเมธังกร ผลกรรมเลยต้องตกเป็นคนทุกข์ยากหลายชาติ พระองค์ห็นว่าสองตายายนี้จะต้องตายไปใน 7 วัน จึงควรจะสอนให้ภาวนาเพื่อไม่ให้ไปทางอบาย
รุ่งเช้าพระพุทธองค์จึงทรงเสด็จไปที่ตากับยายพักอาศัยพอไปถึงพระองค์ทรงแสดงพระฉัพพรรณรังสีจนตายายสองคนเลื่อมใสได้ห่อข้าวยาคู ใส่บาตร พระองค์ทรงถามว่า อยากรวยไหมตากับยายก็บอกว่าอยากพระองค์บอกว่า ตถาคตจะให้คำภาวนาแล้วจะรวยตายายก็ดีใจ แต่ต้องนั่งบ่นภาวนาไปนะ ห้ามจับปลานะ ตายยายทั้งสองก็รับคำก็นั่งภาวนาคำที่พระพุทธเจ้าทรงให้ก็คือ
สำนักพระยายมราช นายบัญชีก็อ่านความดีความเลวของดวงวิญญาณทั้งสอง และเรียกวิญญาณกุ้งปลาเต่าที่ตายายเคยฆ่ามาให้การปรากฏว่าไม่มีใครมา ก็มีเต่ามาบอกว่าเธอทั้งสองภาวนาคาถา นี้เป็นการแผ่เมตตาขออโหสิกรรมฉันไม่โกรธเธอหรอกอโหสิกรรมให้
แล้วเต่าก็ เดินจากไปพระยายมราชจึงเสด็จลงมาจากบัลลังก์ตรัสว่า ไม่มีเจ้าทุกข์ตายายใส่บาตรองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเกิดที่จาตุมหาราชิกได้ ตายายก็งงว่าตนได้ฆ่ากุ้งปลาเต่ามามากมายทำไมได้ไปสวรรค์ พระยายมราชบอกว่าก็พระที่พวกเจ้าเจอคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและคาถาที่ให้
“พุทโธ กัมมัฏฐาโม กรรมมะจุติ สัมพุทโธ” แปลว่ากรรมใดๆ ก็ขอให้อโหสิกรรมต่อกันด้วยอานุภาพ พระสัมพุทโธ นะสิ พวกโจทก์ก็เลยอโหสิกรรมหมด ท่านก็ว่าดวงจิตเจ้าทั้งสองผูกกับคำภาวนานี้ ผู้ถึงพระพุทโธเป็นพุทธานุสสติกรรมฐานไม่อาจลงอบายภูมิได้ไปได้จตุมหาราชิกา ขึ้นไป หลังจากนั้นพระโมคคัลานะได้ไปพบเทพบุตรเทพธิดา ทั้งสองนี้ จึงได้จดจำพระคาถานี้ไว้ตกทอดมายังพระครูใหญ่ วัดเมืองพิจิตรอาจารย์สมเด็จพระพุฒาจารย์โตและหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานอีกทีได้เรียนกันจำสืบมา
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก : palungjit.org,naaclipdung
ที่มาของพระคาถานี้ว่ากันว่าที่สาวัตถี มีตายายสองคนมีอาชีพหาปลาตลอดชีวิตไม่เคยทำความดีเลย วันหนึ่งพระพุทธเจ้าทรงทราบด้วยปรมาภิเษกสัมโพธิญาณว่าตากับยายคู่นี้เคยถวายสังฆทานแก่สมเด็จพระพุทธตัณหังกรมาก่อนแต่ ก็มีการยักยอกเงินในสมัยพระพุทธเมธังกร ผลกรรมเลยต้องตกเป็นคนทุกข์ยากหลายชาติ พระองค์ห็นว่าสองตายายนี้จะต้องตายไปใน 7 วัน จึงควรจะสอนให้ภาวนาเพื่อไม่ให้ไปทางอบาย
รุ่งเช้าพระพุทธองค์จึงทรงเสด็จไปที่ตากับยายพักอาศัยพอไปถึงพระองค์ทรงแสดงพระฉัพพรรณรังสีจนตายายสองคนเลื่อมใสได้ห่อข้าวยาคู ใส่บาตร พระองค์ทรงถามว่า อยากรวยไหมตากับยายก็บอกว่าอยากพระองค์บอกว่า ตถาคตจะให้คำภาวนาแล้วจะรวยตายายก็ดีใจ แต่ต้องนั่งบ่นภาวนาไปนะ ห้ามจับปลานะ ตายยายทั้งสองก็รับคำก็นั่งภาวนาคำที่พระพุทธเจ้าทรงให้ก็คือ
สำนักพระยายมราช นายบัญชีก็อ่านความดีความเลวของดวงวิญญาณทั้งสอง และเรียกวิญญาณกุ้งปลาเต่าที่ตายายเคยฆ่ามาให้การปรากฏว่าไม่มีใครมา ก็มีเต่ามาบอกว่าเธอทั้งสองภาวนาคาถา นี้เป็นการแผ่เมตตาขออโหสิกรรมฉันไม่โกรธเธอหรอกอโหสิกรรมให้
แล้วเต่าก็ เดินจากไปพระยายมราชจึงเสด็จลงมาจากบัลลังก์ตรัสว่า ไม่มีเจ้าทุกข์ตายายใส่บาตรองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าไปเกิดที่จาตุมหาราชิกได้ ตายายก็งงว่าตนได้ฆ่ากุ้งปลาเต่ามามากมายทำไมได้ไปสวรรค์ พระยายมราชบอกว่าก็พระที่พวกเจ้าเจอคือองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและคาถาที่ให้
“พุทโธ กัมมัฏฐาโม กรรมมะจุติ สัมพุทโธ” แปลว่ากรรมใดๆ ก็ขอให้อโหสิกรรมต่อกันด้วยอานุภาพ พระสัมพุทโธ นะสิ พวกโจทก์ก็เลยอโหสิกรรมหมด ท่านก็ว่าดวงจิตเจ้าทั้งสองผูกกับคำภาวนานี้ ผู้ถึงพระพุทโธเป็นพุทธานุสสติกรรมฐานไม่อาจลงอบายภูมิได้ไปได้จตุมหาราชิกา ขึ้นไป หลังจากนั้นพระโมคคัลานะได้ไปพบเทพบุตรเทพธิดา ทั้งสองนี้ จึงได้จดจำพระคาถานี้ไว้ตกทอดมายังพระครูใหญ่ วัดเมืองพิจิตรอาจารย์สมเด็จพระพุฒาจารย์โตและหลวงพ่อเงิน วัดบางคลานอีกทีได้เรียนกันจำสืบมา
ขอขอบคุณเนื้อหาจาก : palungjit.org,naaclipdung