น้อยคนจะรู้? วิธีป้องกันโรคมะเร็งที่ได้ผล ง่ายๆด้วยตนเอง! สำคัญมากอยากให้อ่าน!
วิธีป้องกันโรคมะเร็งที่ได้ผล
มะเร็งเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมายในแต่ละปี ดังนั้น หากเราทราบวิธีการป้องกันตัวเองจากโรคนี้คงจะดีไม่น้อย วันนี้ ผู้เขียนขอเขียนเรื่องวิธีป้องกันโรคมะเร็งที่ได้ผล และเหตุผลที่ว่าทำไมถึงได้ผล มีดังนี้
1. หยุดสูบบุหรี่ ในบุหรี่แต่ละมวน มีสารนิโคตินและสารเคมีที่ทำลายสุขภาพถึง 250 ชนิด และเกือบ 70 กว่าชนิด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง เพราะนอกจากจะเป็นมะเร็งที่ปอดแล้ว ยังรวมถึงการเป็นมะเร็งที่ท้อง ตับ ไต ปาก และที่ลำคออีกด้วย หากเราหยุดสูบบุหรี่ได้มากเท่าไหร่ จะเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพเท่านั้น ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อแนะนำในการเลิกสูบบุหรี่
2. รับประทานบร็อกโคลีและผลไม้ที่มีสารที่ช่วยต่อต้านเชื้อมะเร็งได้ เพราะมีคุณค่าทางอาหาร มีกากอาหารสูง และมีไขมันต่ำ ดังนั้น ควรรับประทานบร็อกโคลี ถั่วงอก กะหล่ำดอก และผักสีเขียวอื่นๆ เพราะผักและผลไม้ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและไม่ให้ดีเอ็นเอถูกทำลาย จากการศึกษายังพบอีกว่าการรับประทานผลไม้ เช่น สตรอเบอร์รี บูลเบอร์รี ยังช่วยต่อสู้กับสารเคมีที่จะเป็นตัวก่อให้เกิดโรคมะเร็งในเซลล์ต่างๆ ของร่างกายอีกด้วย
3. ลดน้ำหนัก การมีน้ำหนักมากเกินไปจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคไขมันในเส้นเลือด และรวมทั้งโรคมะเร็งด้วย โรคมะเร็งสามารถจะพบได้ในคนอ้วนโดยเฉพาะมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งในท่อปัสสาวะ นักวิจัยได้กล่าวว่า สาเหตุหนึ่งเนื่องมาจากไขมันในเซลล์ที่มากเกินไป จะทำให้เซลล์มะเร็งก่อตัวได้ง่ายกว่า ดังนั้น จึงควรลดน้ำหนักลง
4. ลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ คนที่ดื่มแอลกอฮอล์มาก มีงานวิจัยที่บอกว่ามีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง ที่หน้าอก ตับ และบริเวณอื่นๆ ยิ่งเราดื่มมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากเท่านั้น ดังนั้น เราควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หากต้องดื่มผู้หญิงคนดื่มวันละเพียงหนึ่งแก้วเท่านั้น และผู้ชายเพียงวันละสองแก้วเท่านั้น
5. งดรับประทานอาหารประเภทไส้กรอก หากชอบอาหารปิ้งย่าง หรือไส้กรอกย่าง ควรคิดใหม่อีกครั้ง จากการศึกษาพบว่า ขั้นตอนของไส้กรอก เบคอน และแฮมต่างๆ มีสารเคมี ซึ่งมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง การวิจัยยังแนะนำอีกว่า การรับประทานเนื้อที่สุกๆดิบๆ มีสีแดง เช่น สเต็ก หรือเบอร์เกอร์บ่อยๆ เป็นระยะเวลานานๆ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ดังนั้น เราจึงควรงดรับประทานเนื้อที่ไม่สุกหรืออาหารประเภทไส้กรอก แต่ให้รับประทานเนื้ออกไก่และปลาแทน
6. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นการช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ผลดีอีกวิธีหนึ่ง การเคลื่อนไหวร่างกายจะทำให้ระดับฮอร์โมนมีความสมดุล ทั้งเอสโตรเจน และอินซูลิน ซึ่งจะมีส่วนสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง ดังนั้น การออกกำลังกายโดยการเต้นประมาณ 30 นาที จะช่วยทำให้การไหลเวียนโลหิตสูบฉีดเข้าสู่หัวใจได้ดี และป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้
7. ทาครีมกันแดด การมีผิวสีแทนอาจเป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนใฝ่ฝันหา การใช้วิธีการอบตัวด้วยแสงนีออน เพื่อจะให้มีผิวสีแทน อาจทำลายเซลล์ผิวหนังและก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ รวมทั้งรังสีของดวงอาทิตย์จะทำลายผิวหนังและเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง เช่นเดียวกัน เพราะการโดนแสงแดดที่ร้อนจัดภายในเวลา 15 นาที จะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้น การทาโลชั่นป้องกันแดดก่อนที่จะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านจะช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ และควรเลือกโลชั่นที่มีสารป้องกันแดด 30% หรือมากกว่า และทาซ้ำอีกครั้งเมื่อเหงื่อออกหรือว่ายน้ำ และเมื่อต้องไปเผชิญกับแดดควรใส่หมวกและแว่นกันแดดด้วยเพื่อช่วยป้องกันอีกทางหนึ่ง
8. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย โรคที่เกิดทางเพศสัมพันธ์ คือ STDs เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการไม่ได้ป้องกันตัวเองเมื่อมีเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อนี้จะเพิ่มขึ้นจะเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งถึง 70% โรคมะเร็งปากมดลูก ช่องคลอด และ มดลูก เกิดจากการติดเชื้อจากการมีความสัมพันธ์ทางเพศชนิด 16 และ 18 และบางชนิดจะส่งผลต่อมะเร็งตับได้ด้วย ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยควรใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองจากการเกิดโรคทางเพศสัมพันธ์
9. ฉีดวัคซีน เมื่อพูดถึงวัคซีนไม่ใช่แค่วัคซีนที่ฉีดประจำปีสำหรับ ไข้หวัดใหญ่เท่านั้น แต่มีวัคซีนบางอย่างที่สามารถป้องกันการเป็นมะเร็งได้ด้วย วัคซีน HPV ช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกและช่องคลอด ดังนั้น เมื่อถึงช่วงเวลาที่ควรได้รับวัคซีนในช่วงอายุ 9 ถึง 26 ปี ควรฉีดป้องกัน รวมทั้งวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งจะเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งตับได้ ดังนั้น ในช่วงวัยเด็กควรให้ได้รับวัคซีนให้ครบตามตารางที่คุณหมอกำหนด
10. หลีกเลี่ยงสารเคมีเป็นพิษ น้ำยาทำความสะอาดมากมายที่ทำจากสารเคมีที่เป็นพิษ สารเคมีที่เป็นพิษเหล่านี้จะทำลายดีเอ็นเอในเซลล์ของร่างกายได้ และมีโอกาสเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งได้ด้วย เมื่อเราสัมผัส กินหรือสูดดมเข้าไป ดังนั้น คนทำงานที่ต้องสัมผัสกับการใช้สารเคมีเหล่านี้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น ยาฆ่าวัชพืช โรงงานที่ผลิตพลาสติก หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงที่ต้องใช้สารเคมีเป็นประจำ มีโอกาสเป็นมะเร็งได้สูงกว่าคนที่ไม่ได้รับสารเคมี
11. ศึกษาประวัติทางพันธุกรรม เพราะพันธุกรรมมีส่วนอย่างมากต่อความแข็งแรงและสุขภาพของเรา สิ่งที่สืบทอดมาจากคุณพ่อ คุณแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ล้วนแล้วแต่จะส่งทอดมาอย่างตัวของเราด้วย หากประวัติของครอบครัวมีคนที่เป็นมะเร็งก็มีส่วนที่จะทำให้ลูกหลานมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้ด้วย ดังนั้น การศึกษาประวัติของครอบครัวจะทำให้ทราบว่าเราควรจะปฏิบัติอย่างไรในการดูแลสุขภาพที่ดีต่อไป
12. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะทำให้เราค้นพบมะเร็งตั้งแต่เนิ่นๆ บางครั้งก่อนที่จะเริ่มการก่อตัวของเซลล์ของมะเร็งด้วยซ้ำ ดังนั้น เมื่อถึงช่วงอายุที่ควรตรวจภายใน หรือตรวจมะเร็งเต้านมสำหรับผู้หญิงควรไปตรวจ และควรปรึกษาแพทย์ว่าควรกลับมาตรวจอีกครั้งต่อไปเมื่อไร
13. ทานยาหากจำเป็น การทานยาบางประเภทจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้ยาบางประเภทช่วยลดการเป็นมะเร็งเต้านม และอาจจะมีผลข้างเคียง ยาแอสไพริน ช่วยป้องกันความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมาก ดังนั้น การรับประทานยาจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้แต่ต้องระวังผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นด้วย
14. การทานยาฮอร์โมนเมื่อถึงในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน อาการร้อนๆ หนาวๆ แคลเซียมในมวลกระดูกลดน้อยลงในช่วงวัยหมดประจำเดือน ทำให้ต้องใช้ยาฮอร์โมนทดแทนอาจจะเป็นโอกาสเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมได้มากกว่าคนที่ไม่ได้ทานฮอร์โมน ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงนี้ก่อนที่จะรับประทานยาฮอร์โมน
โรคมะเร็งเป็นโรคร้ายที่สร้างความเจ็บปวดมากมายให้หลายต่อหลายชีวิต ดังนั้น หากไม่อยากให้ตัวเราเอง และคนในครอบครัวมีความเสี่ยงดังกล่าว ควรป้องกันตัวเองด้วยการงดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง Webmd.com
ขอบคุณข้อมูลจาก ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ อ่านต่อได้ที่ http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9600000019823
วิธีป้องกันโรคมะเร็งที่ได้ผล
มะเร็งเป็นโรคร้ายที่คร่าชีวิตผู้คนไปมากมายในแต่ละปี ดังนั้น หากเราทราบวิธีการป้องกันตัวเองจากโรคนี้คงจะดีไม่น้อย วันนี้ ผู้เขียนขอเขียนเรื่องวิธีป้องกันโรคมะเร็งที่ได้ผล และเหตุผลที่ว่าทำไมถึงได้ผล มีดังนี้
1. หยุดสูบบุหรี่ ในบุหรี่แต่ละมวน มีสารนิโคตินและสารเคมีที่ทำลายสุขภาพถึง 250 ชนิด และเกือบ 70 กว่าชนิด ที่เป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง เพราะนอกจากจะเป็นมะเร็งที่ปอดแล้ว ยังรวมถึงการเป็นมะเร็งที่ท้อง ตับ ไต ปาก และที่ลำคออีกด้วย หากเราหยุดสูบบุหรี่ได้มากเท่าไหร่ จะเป็นสิ่งที่ดีต่อสุขภาพเท่านั้น ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์ถึงข้อแนะนำในการเลิกสูบบุหรี่
2. รับประทานบร็อกโคลีและผลไม้ที่มีสารที่ช่วยต่อต้านเชื้อมะเร็งได้ เพราะมีคุณค่าทางอาหาร มีกากอาหารสูง และมีไขมันต่ำ ดังนั้น ควรรับประทานบร็อกโคลี ถั่วงอก กะหล่ำดอก และผักสีเขียวอื่นๆ เพราะผักและผลไม้ช่วยป้องกันการเกิดโรคมะเร็งและไม่ให้ดีเอ็นเอถูกทำลาย จากการศึกษายังพบอีกว่าการรับประทานผลไม้ เช่น สตรอเบอร์รี บูลเบอร์รี ยังช่วยต่อสู้กับสารเคมีที่จะเป็นตัวก่อให้เกิดโรคมะเร็งในเซลล์ต่างๆ ของร่างกายอีกด้วย
3. ลดน้ำหนัก การมีน้ำหนักมากเกินไปจะส่งผลร้ายต่อสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นโรคหัวใจ โรคไขมันในเส้นเลือด และรวมทั้งโรคมะเร็งด้วย โรคมะเร็งสามารถจะพบได้ในคนอ้วนโดยเฉพาะมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ มะเร็งในท่อปัสสาวะ นักวิจัยได้กล่าวว่า สาเหตุหนึ่งเนื่องมาจากไขมันในเซลล์ที่มากเกินไป จะทำให้เซลล์มะเร็งก่อตัวได้ง่ายกว่า ดังนั้น จึงควรลดน้ำหนักลง
4. ลดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ คนที่ดื่มแอลกอฮอล์มาก มีงานวิจัยที่บอกว่ามีความเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง ที่หน้าอก ตับ และบริเวณอื่นๆ ยิ่งเราดื่มมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีความเสี่ยงมากเท่านั้น ดังนั้น เราควรงดเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ หากต้องดื่มผู้หญิงคนดื่มวันละเพียงหนึ่งแก้วเท่านั้น และผู้ชายเพียงวันละสองแก้วเท่านั้น
5. งดรับประทานอาหารประเภทไส้กรอก หากชอบอาหารปิ้งย่าง หรือไส้กรอกย่าง ควรคิดใหม่อีกครั้ง จากการศึกษาพบว่า ขั้นตอนของไส้กรอก เบคอน และแฮมต่างๆ มีสารเคมี ซึ่งมีความสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง การวิจัยยังแนะนำอีกว่า การรับประทานเนื้อที่สุกๆดิบๆ มีสีแดง เช่น สเต็ก หรือเบอร์เกอร์บ่อยๆ เป็นระยะเวลานานๆ จะมีความเสี่ยงต่อการเป็นโรคมะเร็งได้ ปลอดภัยไว้ก่อนดีกว่า ดังนั้น เราจึงควรงดรับประทานเนื้อที่ไม่สุกหรืออาหารประเภทไส้กรอก แต่ให้รับประทานเนื้ออกไก่และปลาแทน
6. ออกกำลังกาย การออกกำลังกายเป็นการช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ผลดีอีกวิธีหนึ่ง การเคลื่อนไหวร่างกายจะทำให้ระดับฮอร์โมนมีความสมดุล ทั้งเอสโตรเจน และอินซูลิน ซึ่งจะมีส่วนสัมพันธ์กับโรคมะเร็ง ดังนั้น การออกกำลังกายโดยการเต้นประมาณ 30 นาที จะช่วยทำให้การไหลเวียนโลหิตสูบฉีดเข้าสู่หัวใจได้ดี และป้องกันการเกิดโรคมะเร็งได้
7. ทาครีมกันแดด การมีผิวสีแทนอาจเป็นสิ่งหนึ่งที่หลายคนใฝ่ฝันหา การใช้วิธีการอบตัวด้วยแสงนีออน เพื่อจะให้มีผิวสีแทน อาจทำลายเซลล์ผิวหนังและก่อให้เกิดโรคมะเร็งได้ รวมทั้งรังสีของดวงอาทิตย์จะทำลายผิวหนังและเป็นสาเหตุของโรคมะเร็ง เช่นเดียวกัน เพราะการโดนแสงแดดที่ร้อนจัดภายในเวลา 15 นาที จะทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ ดังนั้น การทาโลชั่นป้องกันแดดก่อนที่จะออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านจะช่วยป้องกันโรคมะเร็งได้ และควรเลือกโลชั่นที่มีสารป้องกันแดด 30% หรือมากกว่า และทาซ้ำอีกครั้งเมื่อเหงื่อออกหรือว่ายน้ำ และเมื่อต้องไปเผชิญกับแดดควรใส่หมวกและแว่นกันแดดด้วยเพื่อช่วยป้องกันอีกทางหนึ่ง
8. มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย โรคที่เกิดทางเพศสัมพันธ์ คือ STDs เป็นโรคที่เกิดขึ้นจากการไม่ได้ป้องกันตัวเองเมื่อมีเพศสัมพันธ์ การติดเชื้อนี้จะเพิ่มขึ้นจะเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งถึง 70% โรคมะเร็งปากมดลูก ช่องคลอด และ มดลูก เกิดจากการติดเชื้อจากการมีความสัมพันธ์ทางเพศชนิด 16 และ 18 และบางชนิดจะส่งผลต่อมะเร็งตับได้ด้วย ดังนั้น เพื่อความปลอดภัยควรใช้ถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันตัวเองจากการเกิดโรคทางเพศสัมพันธ์
9. ฉีดวัคซีน เมื่อพูดถึงวัคซีนไม่ใช่แค่วัคซีนที่ฉีดประจำปีสำหรับ ไข้หวัดใหญ่เท่านั้น แต่มีวัคซีนบางอย่างที่สามารถป้องกันการเป็นมะเร็งได้ด้วย วัคซีน HPV ช่วยป้องกันมะเร็งปากมดลูกและช่องคลอด ดังนั้น เมื่อถึงช่วงเวลาที่ควรได้รับวัคซีนในช่วงอายุ 9 ถึง 26 ปี ควรฉีดป้องกัน รวมทั้งวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบบี ซึ่งจะเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งตับได้ ดังนั้น ในช่วงวัยเด็กควรให้ได้รับวัคซีนให้ครบตามตารางที่คุณหมอกำหนด
10. หลีกเลี่ยงสารเคมีเป็นพิษ น้ำยาทำความสะอาดมากมายที่ทำจากสารเคมีที่เป็นพิษ สารเคมีที่เป็นพิษเหล่านี้จะทำลายดีเอ็นเอในเซลล์ของร่างกายได้ และมีโอกาสเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งได้ด้วย เมื่อเราสัมผัส กินหรือสูดดมเข้าไป ดังนั้น คนทำงานที่ต้องสัมผัสกับการใช้สารเคมีเหล่านี้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น ยาฆ่าวัชพืช โรงงานที่ผลิตพลาสติก หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่มีความเสี่ยงที่ต้องใช้สารเคมีเป็นประจำ มีโอกาสเป็นมะเร็งได้สูงกว่าคนที่ไม่ได้รับสารเคมี
11. ศึกษาประวัติทางพันธุกรรม เพราะพันธุกรรมมีส่วนอย่างมากต่อความแข็งแรงและสุขภาพของเรา สิ่งที่สืบทอดมาจากคุณพ่อ คุณแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ล้วนแล้วแต่จะส่งทอดมาอย่างตัวของเราด้วย หากประวัติของครอบครัวมีคนที่เป็นมะเร็งก็มีส่วนที่จะทำให้ลูกหลานมีโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้ด้วย ดังนั้น การศึกษาประวัติของครอบครัวจะทำให้ทราบว่าเราควรจะปฏิบัติอย่างไรในการดูแลสุขภาพที่ดีต่อไป
12. ตรวจสุขภาพเป็นประจำ การตรวจสุขภาพเป็นประจำ จะทำให้เราค้นพบมะเร็งตั้งแต่เนิ่นๆ บางครั้งก่อนที่จะเริ่มการก่อตัวของเซลล์ของมะเร็งด้วยซ้ำ ดังนั้น เมื่อถึงช่วงอายุที่ควรตรวจภายใน หรือตรวจมะเร็งเต้านมสำหรับผู้หญิงควรไปตรวจ และควรปรึกษาแพทย์ว่าควรกลับมาตรวจอีกครั้งต่อไปเมื่อไร
13. ทานยาหากจำเป็น การทานยาบางประเภทจะช่วยลดโอกาสเสี่ยงที่จะเป็นมะเร็งได้ยาบางประเภทช่วยลดการเป็นมะเร็งเต้านม และอาจจะมีผลข้างเคียง ยาแอสไพริน ช่วยป้องกันความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมาก ดังนั้น การรับประทานยาจะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดมะเร็งได้แต่ต้องระวังผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นด้วย
14. การทานยาฮอร์โมนเมื่อถึงในช่วงวัยใกล้หมดประจำเดือน อาการร้อนๆ หนาวๆ แคลเซียมในมวลกระดูกลดน้อยลงในช่วงวัยหมดประจำเดือน ทำให้ต้องใช้ยาฮอร์โมนทดแทนอาจจะเป็นโอกาสเสี่ยงที่ทำให้เกิดมะเร็งเต้านมได้มากกว่าคนที่ไม่ได้ทานฮอร์โมน ดังนั้น ควรปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงนี้ก่อนที่จะรับประทานยาฮอร์โมน
โรคมะเร็งเป็นโรคร้ายที่สร้างความเจ็บปวดมากมายให้หลายต่อหลายชีวิต ดังนั้น หากไม่อยากให้ตัวเราเอง และคนในครอบครัวมีความเสี่ยงดังกล่าว ควรป้องกันตัวเองด้วยการงดสูบบุหรี่ ออกกำลังกายและรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เป็นกำลังใจให้ทุกครอบครัวเสมอค่ะ
ข้อมูลอ้างอิง Webmd.com
ขอบคุณข้อมูลจาก ดร.สุพาพร เทพยสุวรรณ อ่านต่อได้ที่ http://manager.co.th/QOL/ViewNews.aspx?NewsID=9600000019823