หากใครติดตามชมละครเรื่องนาคี มาถึงตอนล่าสุด แล้วได้ชมฉากที่ นางเอก
คำแก้ว เอาน้ำล้างเท้า พ่อของทศพล มาให้ พระเอกกิน
ทำให้มนต์เสน่ห์คุณไสยเสื่อมลง แล้วอาถรรพ์ ต่างๆก็คลายไปในที่สุด
หลายคนอาจจะเกิดความสงสัยว่า น้ำล้างเท้าของบุพการีสามารถคลายมนต์
หรืออาถรรพ์คุณไสยได้จริงหรือวันนี้จะพาไปไขคำตอบกันค่ะ
วิธีแก้คุณไสยเบื้องต้น โปรดใช้วิจารญาณ ในการอ่าน
แม้สมัยนี้จะเป็นยุคของสังคมออนไลน์ แต่ความเชื่อเรื่องมนต์ดำและคุณไสยยังคงอยู่คู่กับสังคมไทยไม่เคยเสื่อมคลาย ทำไมของพวกนี้จึงไม่สูญสลายหายไปตามกาลเวลา เหมือนวัฒนธรรมความเชื่ออื่นๆของไทย คำตอบง่ายๆเพราะความโลภและกิเลสตันหาของคน หาได้สลายไปตามกาลเวลาด้วยไม่ แต่นับวันยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ เช่นการทำเสน่ห์ การผูกหุ่น ฝังรูปฝังรอย หรือการผูกภูตพรายไว้ใช้งาน สิ่งเล่านี้เรียกกันว่า มนต์ดำหรือคุณไสย ทางธรรมเรียกเดรัจฉานวิชา หรือวิชาของสัตว์ผู้ไม่รู้ ไม่รู้อะไร? ก็ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีไงละครับ เมื่อไม่รู้ก็กระทำในสิ่งที่เบียดเบียนผู้อื่น เช่น ผู้หญิงอยากได้ผู้ชายที่หมายปองแต่เขาไม่สนใจเรา ก็ไปหาหมอทำเสน่ห์ให้เขารักเราเขาหลง ถึงแม้เขาจะมีครอบครัวแล้วก็ตาม ส่วนคนที่เกลียดชังกันก็ไปทำคุณไสย เสกหนังควาย หนังหมี หนังเสือ ตะปู หรือของสกปรกอื่นๆเข้าตัวคู่กรณี
ตายก็มี เสียคนไปก็มีเยอะ สิ่งเล่านี้ล้วนเป็นอกุศลกรรมทั้งสิ้น ผู้เขียนรู้สึกเห็นใจบุคคลที่วนเวียนอยู่หนทางนี้มาก จึงได้เขียนวิธีแก้คุณไสยเบื้องต้นมาให้ ดีกว่าไปโดนหลอกจากบุคคลผู้อ้างตัวเป็นอาจารย์เรียกรับเงิน เรียกรับทอง เพลอๆเสียตัวให้หมอไปซะงั้น ลำดับการแก้มนต์ดำเบื้องต้นมีดังนี้
1.จุดธูปเทียนบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สมาทานศีล 5 ตั้งใจอธิฐานบุญเก่าที่สร้างสมให้มาช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป
2.ให้หาน้ำฝน(ต้องน้ำฝนเท่านั้น)ไปล้างเท้ามารดาผู้ให้กำเนิด อธิฐานขอพระคุณบิดามารดาให้มาสถิตเหนือเศียรเกล้า
3.ให้นำน้ำล้างเท้าดั่งกล่าวมากินและอาบชำระร่างกายใน วันเสาร์ (ช่วง เวลา 7.30-8.00 น)หรือวันอังคาร(ช่วง เวลา 10.00-10.30 น)
4.รักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัดอย่างน้อย 7 วัน
แล้วอาการจะทุเลาลงตามลำดับ แต่หากโดนคุณไสยหนักๆเช่น ตะปูหรือหนังควายอยู่ในร่างกาย ให้บวชเข้าวัด เจริญสมาธิภาวนาอย่างเดียวจนกว่าจะหาย…หากไม่มีกรรมหนักกันมา ก็คงหายได้ ส่วนหมอผีที่ทำหรือบุคคลที่ร่วมด้วยนั้น กรรมที่ได้รับเกินจะประมาณได้ เมื่อตายไปแล้วกรรมจะเป้นตัวนำดิ่งลงทุคติภูมิอย่างแน่นอน…สาธุ
ตามความเชื่อของคนโบราณ เชื่อว่าบุพการีคือ พระในบ้านที่ นอกจากเราจะต้อง เคารพ บูชา เราต้องหมั่นเติมความสุข หรือทดแทนบุญคุณให้ พ่อ-แม่ สม่ำเสมอ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป
ขอบคุณที่มา: http://www.kratisod.com/news/socialnews/2845
แม้สมัยนี้จะเป็นยุคของสังคมออนไลน์ แต่ความเชื่อเรื่องมนต์ดำและคุณไสยยังคงอยู่คู่กับสังคมไทยไม่เคยเสื่อมคลาย ทำไมของพวกนี้จึงไม่สูญสลายหายไปตามกาลเวลา เหมือนวัฒนธรรมความเชื่ออื่นๆของไทย คำตอบง่ายๆเพราะความโลภและกิเลสตันหาของคน หาได้สลายไปตามกาลเวลาด้วยไม่ แต่นับวันยิ่งเพิ่มเป็นทวีคูณ เช่นการทำเสน่ห์ การผูกหุ่น ฝังรูปฝังรอย หรือการผูกภูตพรายไว้ใช้งาน สิ่งเล่านี้เรียกกันว่า มนต์ดำหรือคุณไสย ทางธรรมเรียกเดรัจฉานวิชา หรือวิชาของสัตว์ผู้ไม่รู้ ไม่รู้อะไร? ก็ไม่รู้ผิดชอบชั่วดีไงละครับ เมื่อไม่รู้ก็กระทำในสิ่งที่เบียดเบียนผู้อื่น เช่น ผู้หญิงอยากได้ผู้ชายที่หมายปองแต่เขาไม่สนใจเรา ก็ไปหาหมอทำเสน่ห์ให้เขารักเราเขาหลง ถึงแม้เขาจะมีครอบครัวแล้วก็ตาม ส่วนคนที่เกลียดชังกันก็ไปทำคุณไสย เสกหนังควาย หนังหมี หนังเสือ ตะปู หรือของสกปรกอื่นๆเข้าตัวคู่กรณี
ตายก็มี เสียคนไปก็มีเยอะ สิ่งเล่านี้ล้วนเป็นอกุศลกรรมทั้งสิ้น ผู้เขียนรู้สึกเห็นใจบุคคลที่วนเวียนอยู่หนทางนี้มาก จึงได้เขียนวิธีแก้คุณไสยเบื้องต้นมาให้ ดีกว่าไปโดนหลอกจากบุคคลผู้อ้างตัวเป็นอาจารย์เรียกรับเงิน เรียกรับทอง เพลอๆเสียตัวให้หมอไปซะงั้น ลำดับการแก้มนต์ดำเบื้องต้นมีดังนี้
1.จุดธูปเทียนบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ สมาทานศีล 5 ตั้งใจอธิฐานบุญเก่าที่สร้างสมให้มาช่วยปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายออกไป
2.ให้หาน้ำฝน(ต้องน้ำฝนเท่านั้น)ไปล้างเท้ามารดาผู้ให้กำเนิด อธิฐานขอพระคุณบิดามารดาให้มาสถิตเหนือเศียรเกล้า
3.ให้นำน้ำล้างเท้าดั่งกล่าวมากินและอาบชำระร่างกายใน วันเสาร์ (ช่วง เวลา 7.30-8.00 น)หรือวันอังคาร(ช่วง เวลา 10.00-10.30 น)
4.รักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัดอย่างน้อย 7 วัน
แล้วอาการจะทุเลาลงตามลำดับ แต่หากโดนคุณไสยหนักๆเช่น ตะปูหรือหนังควายอยู่ในร่างกาย ให้บวชเข้าวัด เจริญสมาธิภาวนาอย่างเดียวจนกว่าจะหาย…หากไม่มีกรรมหนักกันมา ก็คงหายได้ ส่วนหมอผีที่ทำหรือบุคคลที่ร่วมด้วยนั้น กรรมที่ได้รับเกินจะประมาณได้ เมื่อตายไปแล้วกรรมจะเป้นตัวนำดิ่งลงทุคติภูมิอย่างแน่นอน…สาธุ
ตามความเชื่อของคนโบราณ เชื่อว่าบุพการีคือ พระในบ้านที่ นอกจากเราจะต้อง เคารพ บูชา เราต้องหมั่นเติมความสุข หรือทดแทนบุญคุณให้ พ่อ-แม่ สม่ำเสมอ เพื่อความเจริญรุ่งเรืองยิ่งๆขึ้นไป
ขอบคุณที่มา: http://www.kratisod.com/news/socialnews/2845