ในชีวิตของพสกนิกรชาวไทยคนหนึ่ง
การได้เข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
ก็นับเป็นความโชคดีที่สุดแล้ว
และยิ่งได้มีโอกาสเข้าเฝ้าถวายงานพระองค์อย่างใกล้ชิดและร่วมแข่งขันกีฬาด้วย
ยิ่งเป็นความทรงจำอันยิ่งใหญ่ในชีวิต
พล.ร.อ.ไพบูลย์ นาคยุคล นักกีฬาเรือใบอาวุโสของทีมราชนาวี กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเหลือเกิน ที่ได้มีโอกาสได้รับใช้ใกล้ชิดในเบื้องพระยุคลบาท และมีโอกาสได้ร่วมการแข่งขันเรือใบประเพณี ระหว่างทีมสโมสรจิตรลดา และทีมราชนาวี หลายครั้ง
"ครั้งแรกที่ทราบว่าพระองค์ท่านจะทรงแล่นใบด้วย พวกเราดีใจมาก และประทับใจในพระปรีชาสามารถของพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศอย่างมาก พระองค์ท่านมีพระหัตถ์และวิธีการอันล้ำเลิศ ยากที่จะเอาชนะได้ ไม่ใช่เพราะพระองค์เป็นพระราชา แต่เพราะพระปรีชาสามารถอย่างแท้จริง" อดีตนายทหารเรือวัย 85 ปี ย้อนอดีต
เดิมทีการแข่งขันเรือใบประเพณี ซึ่งเริ่มจัดการแข่งขันก่อนปี 2520 จะแข่งกัน 3 สโมสร คือ สโมสรจิตรลดา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ สโมสรราชนาวี และสโมสรราชวรุณ ที่พัทยา ก่อนจะหยุดไป 4-5 ปี และทางกองทัพเรือขอกราบบังคมทูลให้มีการจัดแข่งขันอีกครั้งในปี 2526 โดยเหลือเพียง 2 ทีม คือ สโมสรจิตรลดา และราชนาวี นับจากนั้นที่พระราชวังไกลกังวล หัวหิน
สามีของ ศ.กิตติคุณ ดร.กาญจนา นาคสกุล ผู้ดำเนินรายการ "ภาษาไทยวันละคำ" เล่าว่า พระองค์ทรงใส่พระทัยทุกอย่างและทรงจูนเรือทุกครั้งด้วยพระองค์เอง โดยไม่ได้วางกฎเกณฑ์อะไรพิเศษ แต่จะยึดกติกาอย่างเคร่งครัด
ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ได้แล่นเรือร่วมกับพระองค์ ครั้งหนึ่งที่เป็นความประทับใจมากที่สุดของ พล.ร.อ.ไพบูลย์ วันนั้น เกือบมีโอกาสชนะพระองค์ได้ ก่อนจะแพ้ไปเพียง 18 วินาที
"การแข่งขันวันนั้น กำลังจะชนะพระองค์แล้ว และเกือบจะเข้าเส้นชัย แต่ได้ยินเสียงแตรดังมา แต่เต็ดแต่ หันไปดู พระองค์มาแล้ว และแซงชนะไปในที่สุด เป็นวันที่ทำได้ดีที่สุด และพระองค์ท่านทรงเย้าหยอกว่า ผมจูนวิทยุเก่ง และจูนเรือใบสู้พระองค์ท่านไม่ได้" อดีตครูสายวิทยาการอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือ ซึ่งได้มีโอกาสถวายงานด้านทิศการแพร่คลื่นความถี่วิทยุ เพื่อทรงใช้ตามพระราชอัธยาศัย ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน กล่าว
ไม่ว่าจะแข่งกี่ครั้ง พระองค์ท่านก็ทรงเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ตลอด จากการบอกเล่าของ พล.ร.ต.สุนันท์ มนธาตุผลิน นักกีฬาเรือใบอาวุโสของทีมราชนาวีอีกคน ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ทั้งในฐานะกรรมการการแข่งขัน และผู้เข้าร่วมแข่งขัน
พล.ร.อ.ไพบูลย์ นาคยุคล นักกีฬาเรือใบอาวุโสของทีมราชนาวี กล่าวว่า นับเป็นพระมหากรุณาธิคุณเหลือเกิน ที่ได้มีโอกาสได้รับใช้ใกล้ชิดในเบื้องพระยุคลบาท และมีโอกาสได้ร่วมการแข่งขันเรือใบประเพณี ระหว่างทีมสโมสรจิตรลดา และทีมราชนาวี หลายครั้ง
"ครั้งแรกที่ทราบว่าพระองค์ท่านจะทรงแล่นใบด้วย พวกเราดีใจมาก และประทับใจในพระปรีชาสามารถของพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศอย่างมาก พระองค์ท่านมีพระหัตถ์และวิธีการอันล้ำเลิศ ยากที่จะเอาชนะได้ ไม่ใช่เพราะพระองค์เป็นพระราชา แต่เพราะพระปรีชาสามารถอย่างแท้จริง" อดีตนายทหารเรือวัย 85 ปี ย้อนอดีต
เดิมทีการแข่งขันเรือใบประเพณี ซึ่งเริ่มจัดการแข่งขันก่อนปี 2520 จะแข่งกัน 3 สโมสร คือ สโมสรจิตรลดา ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ สโมสรราชนาวี และสโมสรราชวรุณ ที่พัทยา ก่อนจะหยุดไป 4-5 ปี และทางกองทัพเรือขอกราบบังคมทูลให้มีการจัดแข่งขันอีกครั้งในปี 2526 โดยเหลือเพียง 2 ทีม คือ สโมสรจิตรลดา และราชนาวี นับจากนั้นที่พระราชวังไกลกังวล หัวหิน
สามีของ ศ.กิตติคุณ ดร.กาญจนา นาคสกุล ผู้ดำเนินรายการ "ภาษาไทยวันละคำ" เล่าว่า พระองค์ทรงใส่พระทัยทุกอย่างและทรงจูนเรือทุกครั้งด้วยพระองค์เอง โดยไม่ได้วางกฎเกณฑ์อะไรพิเศษ แต่จะยึดกติกาอย่างเคร่งครัด
ตลอดช่วงเวลาหลายปีที่ได้แล่นเรือร่วมกับพระองค์ ครั้งหนึ่งที่เป็นความประทับใจมากที่สุดของ พล.ร.อ.ไพบูลย์ วันนั้น เกือบมีโอกาสชนะพระองค์ได้ ก่อนจะแพ้ไปเพียง 18 วินาที
"การแข่งขันวันนั้น กำลังจะชนะพระองค์แล้ว และเกือบจะเข้าเส้นชัย แต่ได้ยินเสียงแตรดังมา แต่เต็ดแต่ หันไปดู พระองค์มาแล้ว และแซงชนะไปในที่สุด เป็นวันที่ทำได้ดีที่สุด และพระองค์ท่านทรงเย้าหยอกว่า ผมจูนวิทยุเก่ง และจูนเรือใบสู้พระองค์ท่านไม่ได้" อดีตครูสายวิทยาการอิเล็กทรอนิกส์ทหารเรือ ซึ่งได้มีโอกาสถวายงานด้านทิศการแพร่คลื่นความถี่วิทยุ เพื่อทรงใช้ตามพระราชอัธยาศัย ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน กล่าว
ไม่ว่าจะแข่งกี่ครั้ง พระองค์ท่านก็ทรงเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 ตลอด จากการบอกเล่าของ พล.ร.ต.สุนันท์ มนธาตุผลิน นักกีฬาเรือใบอาวุโสของทีมราชนาวีอีกคน ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาท ทั้งในฐานะกรรมการการแข่งขัน และผู้เข้าร่วมแข่งขัน
"เมื่อปี 2526 มีทหารยศเรือเอกคนหนึ่งแล่นเรือนำพระองค์ท่าน แบบสูสีมาก เขาพยายามคุมพระองค์ท่านไม่ให้ขึ้นเหนือ จนสุดท้ายมาเข้าเส้นชัยเป็นอันดับ 1 และพระองค์ท่านเข้าอันดับ 2 แบบเส้นยาแดงผ่าแปด ตอนนั้นทุกคนใจไม่ดี ผมยังคิดในใจเรือเอกคนนั้นไปกันพระองค์ท่านแบบนั้นได้ไง แต่พอเข้าเส้นชัย พระองค์ท่านแย้มสรวล และรับสั่งว่า ‘นายคนนั้นเขาแน่นะ ฉันเอาชนะเขาไม่ได้เลย' ทุกคนก็โล่งอก"
ครั้งนั้นน่าจะเป็นครั้งเดียวในความทรงจำของ พล.ร.ต.สุนันท์ ที่พระองค์ทรงพ่ายแพ้ในการแข่งขันเรือใบที่ทรงโปรด
"มีอยู่ปีหนึ่ง น่าจะประมาณปี 2527-2528 ปกติการแข่งขันเรือใบ ก่อนออกสตาร์ทจะมีสัญญาณ 1, 2, 5 นาที มันมีสัญญาณก่อนสตาร์ท 1 นาที พระองค์ท่านเข้าใจผิด นึกว่าออกสตาร์ทแล้ว กรรมการให้สัญญาณเสียงแตรดัง 1 ครั้ง ชักธงด้วย ว่ามีเรือล้ำเส้นออกก่อนเวลา 5 ลำ เมื่อพระองค์ท่านทรงได้ยิน และหันมาดู และเห็นสัญญาณ ก็วนกลับมาสตาร์ทใหม่ ออกสตาร์ทในลำที่ 30 จากทั้งหมด 60-70 แต่สามารถกลับมาเข้าเส้นชัยในอันดับ 5 แสดงถึงพระปรีชาสามารถมาก"
ผู้ชนะอันดับ 1 ในครั้งนั้น คือ พล.ร.อ.ประภัทร์เผ่า ปัณยาชีวะ และอันดับ 2 ม.จ.ภีศเดช รัชนี พระสหายซึ่งเป็นผู้ถวายคำแนะนำเกี่ยวกับการเล่นและการต่อเรือใบในระยะแรกๆ ตามด้วยอันดับ 3 พล.ร.อ.ไพบูลย์
เหตุการณ์ครั้งนั้นยังนำมาสู่ความประทับใจในพระมหากรุณาธิคุณที่ยังแจ่มชัดในความทรงจำไม่รู้ลืมของ พล.ร.ต. สุนันท์ แม้จะผ่านมาแล้ว 30 ปี
"ผมในฐานะกรรมการตอนนั้น เมื่อมีการออกสตาร์ทล้ำเส้น ก็ต้องปฏิบัติตามกฎกติกา เพราะผมรู้ว่าพระองค์ท่านทรงยึดในกติกามาก พอกลับขึ้นฝั่ง ม.จ.ภีศเดช ก็เดินมาหาผม รับสั่งให้เข้าเฝ้าฯ ผมก็ตามไปที่โต๊ะเสวยงานเลี้ยงในวัง กราบบังคมทูลชี้แจงเรื่องกติกา ซึ่งพระองค์ท่านทรงทราบดีอยู่แล้ว แต่อยากฟังจากกรรมการ"
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศยังมีพระอารมณ์ขันเสมอ
"พระองค์ตรัสว่า ประภัทร์เผ่า บอกฉันแล้วเหลืออีก 1 นาที แต่ฉันนึกว่าฉันแน่ ฉันก็เลยออก นี่ถ้าฉันไม่ล้ำเส้น ภีศเดช คงไม่เห็นฝุ่นฉันหรอก ก่อนที่ ม.จ.ภีศเดช จะบอกว่า ในทะเลไม่มีฝุ่นพระเจ้าค่ะ และพระองค์ทรงพระสรวล"
ไม่ใช่แค่เพียงด้านกีฬาเท่านั้น ตลอดชีวิตการเป็นข้ารับใช้ที่ผ่านมา อดีตนายทหารทั้งสองคนได้เห็นถึงพระปรีชาสามารถในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะทำสิ่งใด จะเป็นเลิศขึ้นมาได้เสมอ และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่เปรียบมิได้
"ชีวิตของเราอยู่ได้ทุกวันนี้ เพราะมีพระองค์ท่านทรงเป็นประมุข มีความเมตตากรุณาต่อข้าราชบริพารทั้งหลาย"
ที่มา : Posttoday.com