4 เหตุการณ์เดือนตุลาแห่งความโศกเศร้า สิ้นสูญดวงใจของเหล่าปวงชน

 นับย้อนหลังเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ในรอบ 150 ปีที่ผ่านมา ปวงชนชาวไทยได้สูญเสียดวงใจผู้เป็นที่รักยิ่งเหนือสิ่งใดด้วยความโทมนัสในช่วงเดือนตุลาคม จากเหตุการณ์ครั้งยิ่งใหญ่ถึง 4 ครั้ง

1 ตุลาคม 2411 : พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เสด็จสวรรคต

 ภาพจาก kingmongkut.com

          ภายหลังพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระมหากษัตริย์ไทยพระองค์ที่ 4 แห่งราชวงศ์จักรี เสด็จฯ ทอดพระเนตรสุริยุปราคาเต็มดวงที่บ้านหว้ากอ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ตามที่พระองค์ทรงคำนวณไว้อย่างแม่นยำ และเสด็จกลับพระนครได้เพียงไม่นาน พระองค์เริ่มมีพระอาการประชวรจับไข้และทรงทราบว่าพระอาการจะไม่หาย จึงได้มีพระบรมราชโองการให้พระราชวงศ์และข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ 3 คน เข้าเฝ้าฯ พร้อมกันที่พระแท่นบรรทม เพื่อมอบพระราชกิจในการดูแลพระนคร ก่อนจะเสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งภานุมาศจำรูญ ภายในพระบรมมหาราชวัง เมื่อวันพฤหัสบดี ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 ปีมะโรง เวลาทุ่มเศษ ตรงกับวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2411 รวมพระชนมพรรษา 64 พรรษา รวมดำรงสิริราชสมบัติ 16 ปี 6 เดือน

          ในกาลต่อมาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชโอรสพระองค์ที่ 9 ในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เสวยราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์ รัชกาลที่ 5 สืบต่อไป

23 ตุลาคม 2453 : พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เสด็จสวรรคต

  เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 ได้เกิดเหตุการณ์ที่สร้างความเศร้าโศกให้กับประเทศไทยครั้งใหญ่หลวง เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ทรงพระประชวรด้วยโรคพระวักกะ (ไต) เสด็จสวรรคต ณ พระที่นั่งอัมพรสถานพระราชวังดุสิต รวมพระชนมพรรษาได้ 58 พรรษา ครองราชสมบัตินานถึง 42 ปี

          เนื่องด้วยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเป็นกษัตริย์ที่เป็นที่เคารพรักของทวยราษฎร์ ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณอเนกประการ ทั้งในการปกครองบ้านเมืองและพระราชทานความร่มเย็นเป็นสุขแก่ชนทุกหมู่เหล่า ทรงบำเพ็ญพระราชกรณียกิจต่าง ๆ อันก่อให้เกิดคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติ ให้รอดพ้นจากวิกฤตการณ์ และสามารถธำรงเอกราชไว้ตราบจนทุกวันนี้ ทวยราษฎร์ทั้งปวงจึงน้อมใจแสดงความจงรักภักดี ด้วยการถวายพระราชสมัญญานามว่า "พระปิยมหาราช" หรือพระพุทธเจ้าหลวง และกำหนดให้ทุกวันที่ 23 ตุลาคม เป็นวันปิยมหาราช เพื่อระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ท่าน

24 ตุลาคม 2556 : สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก สิ้นพระชนม์
 เฟซบุ๊ก สำนักเลขานุการสมเด็จพระสังฆราช

          ย้อนกลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 24 ตุลาคม 2556 ชาวพุทธได้รับทราบข่าวการสิ้นพระชนม์ของ สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก (เจริญ สุวฑฺฒโน)  สมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 19 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ เนื่องจากติดเชื้อในกระแสพระโลหิต ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ รวมพระชันษา 100 ปี นับเป็นพระสังฆราชที่ทรงดำรงตำแหน่งยาวนานที่สุดถึง 23 ปี และทรงมีพระชันษายืนยาวที่สุดในประวัติคณะสงฆ์ไทย


          เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความโศกเศร้าอาดูรให้แก่ชาวพุทธทั่วโลกเป็นอย่างยิ่ง เพราะตลอดห้วงระยะเวลาที่ผ่านมา สมเด็จพระสังฆราช ทรงประกอบพระกรณียกิจเพื่อพุทธศาสนาอย่างมากมาย ทั้งในประเทศไทย และประเทศอื่นทั่วโลก จนได้รับทูลถวายตำแหน่งผู้นำคณะสงฆ์สูงสุดแห่งโลกพระพุทธศาสนา เมื่อปี พ.ศ. 2555 ซึ่งในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2558 ประชาชนชาวไทยทั่วประเทศต่างร่วมกันแต่งกายด้วยชุดดำ เพื่อร่วมถวายอาลัยแด่สมเด็จพระสังฆราช

13 ตุลาคม 2559 : พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคต
  ภายหลังพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร เสด็จพระราชดำเนินไปประทับรักษาพระอาการประชวร ณ โรงพยาบาล ตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2557 ประชาชนชาวไทยจากทั่วทุกสารทิศต่างเดินทางมาลงนามถวายพระพร ขอให้พระองค์ทรงพระเจริญ มีพระพลานามัยแข็งแรง อยู่เป็นมิ่งขวัญแก่ปวงชนชาวไทย พร้อมติดตามแถลงการณ์สำนักพระราชวังเพื่อรับทราบพระอาการของพระองค์อย่างใกล้ชิด

          ทว่า...แม้คณะแพทย์ได้ถวายการรักษาอย่างสุดความสามารถตลอด 2 ปี แต่พระอาการประชวรหาคลายไม่ ได้ทรุดหนักลงตามลำดับ ในที่สุดแล้ว น้ำตาไทยต้องไหลรินเมื่อได้รับทราบข่าวพ่อหลวง รัชกาลที่ 9 เสด็จสวรรคตเมื่อเวลา 15.52 น. ของวันที่ 13 ตุลาคม 2559 ด้วยพระอาการสงบ สิริพระชนมพรรษาปีที่ 89

          พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ทรงครองราชสมบัติ  70 ปี นับเป็นพระมหากษัตริย์ผู้ครองราชย์นานที่สุดในโลก

          พระมหากรุณาธิคุณที่ทรงเหน็ดเหนื่อยตรากตรำเพื่อประชาชนทั่วทุกหนทุกแห่งของพระองค์มาตลอด 70 ปี จะสถิตอยู่ในใจของปวงชนชาวไทยตลอดไป...