เมื่อคืนนี้แอปเปิลได้เปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด ที่ชื่อว่า “iPhone 7”
และ “iPhone 7 Plus” อย่างเป็นทางการแล้ว พร้อมเผยสเปคสุดเทพ 10 อย่าง
มาดูกันเลยว่าปีนี้แอปเปิลได้ยัดฟีเจอร์อะไรใหม่ ๆ มาใน iPhone 7 บ้าง
และอีกสีหนึ่งที่มาพร้อมกันก็คือ สี “Black” เป็นตัวเครื่องอะลูมิเนียมเหมือน iPhone 6s ตัวเครื่องจะมีสีดำสนิท ดูสวยงาม มาพร้อมกับอีก 3 สี อย่างสี Silver, Gold และ Rose Gold
นอกจากนี้ AirPods สามารถฟังเพลงได้สูงสุด 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และตัวกล่องก็มีหน้าที่เป็น PowerBank ชาร์จหูฟัง ทำให้รวมแล้วสามารถใช้ฟังเพลงได้สูงสุด 24 ชั่วโมง ต่อการชาร์จกล่อง 1 ครั้ง และตัว AirPods สามารถฟังเพลงได้ถึง 3 ชั่วโมง เพียงการชาร์จแค่ 15 นาที
ยิ่งไปกว่านั้น AirPods สามารถเชื่อมต่อกับ Mac, iPhone, iPad, Apple Watch แบบอัตโนมัติ เราจะเลือกฟังเพลงจากเครื่องไหนก็ทำได้ ไม่ต้องมานั่ง Pair แต่ละเครื่องให้เสียเวลา โดยเริ่มวางจำหน่ายปลายเดือนตุลาคมนี้
ที่มา – Apple
สรุป 10 ฟีเจอร์ iPhone 7 และ iPhone 7 Plus ใหม่ !!
1) สีใหม่สีดำ Jet Black และ Black
สำหรับสี “Jet Black” เป็นสีที่เป็นตัวชูโรง iPhone 7 ในครั้งนี้เลยก็ว่าได้ โดยตัวเครื่องจะมีความมันวาวดูหรูหรา เหมือนกับผิว Mac Pro ตรงโลโก้แอปเปิลเป็น Stainless Steel อย่างดีและอีกสีหนึ่งที่มาพร้อมกันก็คือ สี “Black” เป็นตัวเครื่องอะลูมิเนียมเหมือน iPhone 6s ตัวเครื่องจะมีสีดำสนิท ดูสวยงาม มาพร้อมกับอีก 3 สี อย่างสี Silver, Gold และ Rose Gold
2) ปุ่มโฮมแบบใหม่ !! แยกแยะแรงกดได้
เป็นครั้งแรกที่แอปเปิลที่นำฟีเจอร์ Force Touch มาใส่ให้กับปุ่มโฮมบนไอโฟน ซึ่งจะทำให้ปุ่มโฮมสามารถแยกแยะแรงกดได้เหมือนหน้าจอ ยิ่งไปกว่านั้นยังมี Taptic Engine ไว้สั่นตอบสนองเวลาเราใช้แรงกดลงไปที่ปุ่มโฮม3) กันน้ำ และกันฝุ่น ตามมาตรฐานได้ IP67
หลังจากที่แอปเปิลเปิดตัว Apple Watch Series 2 ไปที่สามารถกันน้ำ แอปเปิลก็ได้ใส่ฟีเจอร์นี้ลงใน iPhone 7 เช่นกัน โดยสามารถกันฝุ่นได้เต็มรูปแบบ และสามารถจุ่มน้ำได้ที่ความลึกตั้งแต่ 15 เซนติเมตร ถึง 1 เมตร นั่นหมายความว่าสามารถกันน้ำฝน น้ำหกได้ แต่ไม่สามารถใช้งานใต้น้ำเหมือน Apple Watch Series 2 ได้4) กล้องขั้นเทพ มีกล้องคู่ มาพร้อม LED Flash 4 ดวง
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งฟีเจอร์ที่เป็นตัวชูโรงของ iPhone 7 นั่นก็คือ แอปเปิลได้พัฒนากล้อง iPhone 7 ให้ดียิ่งขึ้นอย่างมาก ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้- กล้องหลังมีความละเอียด 12 ล้านพิกเซล f/1.8 เลนส์ 6 ชิ้น สำหรับ iPhone 7
- กล้องหลังคู่ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล เลนส์ 6 ชิ้น มีเลนส์ Wide (f/1.8) และ Tele (f/2.8) สำหรับ iPhone 7 Plus
- iPhone 7 Plus สามารถ Optical Zoom ได้ 2 เท่า และ Digital Zoom ได้ 5 เท่า รวมเป็น 10 เท่า
- ส่วน iPhone 7 สามารถซูมแบบ Digital ได้ 5 เท่า
- หลังหน้ามาพร้อมความละเอียด 7 ล้านพิกเซลเหมือนกัน
- มีระบบกันสั่นทั้ง iPhone 7 และ 7 Plus
- มาพร้อมโหมด Portrait ซึ่งสามารถตรวงจับร่างกายและใบหน้าได้
- Slo-mo รองรับความละเอียด 1080p ที่ 120 fps
- ถ่ายวิดีโอได้ความละเอียดสูงสุดระดับ 4K ที่ 30 fps
5) หน้าจอ Retina HD แบบใหม่สีสวย สมจริงและสว่างกว่าเดิม
หน้าจอ Retina HD แบบใหม่นี้ แอปเปิลได้อธิบายว่า iPhone 7 นั้นจะมีจอที่ให้สีที่กว้างขึ้น นั่นหมายความว่าแสดงเฉดสีเยอะขึ้นกว่าเดิม หน้าจอสว่างขึ้น 25% และรองรับ 3D Touch เหมือนกันทั้ง 2 รุ่น6) ครั้งแรกที่มีลำโพงเตอริโอ
เป็นครั้งแรกที่แอปเปิลได้ใส่ลำโพงคู่มาให้ใน iPhone 7 เลย โดย ลำโพงตัวแรกจะยังคู่อยู่ด้านล่างข้าง ๆ พอร์ต Lightning เหมือนเดิม และลำโพงอีกตัวนั่นก็คือ ลำโพงที่เอาไว้คุยโทรศัพท์นั่นเอง7) EarPods มาพร้อมพอร์ต Lightning
เป็นไปตามข่าวลือที่หูฟังไอโฟนที่แถมมาให้ในกล่องนั่นก็คือ หูฟัง EarPods ซึ่งแน่นอนว่า iPhone 7 ได้ตัดช่องเสียบหูฟังออกไป ทำให้ EarPods รุ่นใหม่นี้เป็นพอร์ต Lightning แทน ซึ่งในกล่องแอปเปิลได้แถม Apdater ที่แปลงจากหัว 3.5 มม. ให้กลายเป็นพอร์ต Lightning ได้8) AirPods หูฟังไร้สายสุดล้ำ ราคา 6,900 บาท
หูฟัง AirPods ใหม่ล่าสุดของแอปเปิล เปิดตัวพร้อมกับ iPhone 7 โดยหูฟังใหม่นี้มีพร้อมชิป W1, ไมโครโฟนข้างละ 2 ตัว, เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ทำให้สามารถพูดคุย ฟังเพลงได้อย่างชัดเจน และเราสามารถเรียก Siri ด้วยการเคาะที่หูฟังข้างใดก็ได้ 2 ครั้งนอกจากนี้ AirPods สามารถฟังเพลงได้สูงสุด 5 ชั่วโมงต่อการชาร์จ 1 ครั้ง และตัวกล่องก็มีหน้าที่เป็น PowerBank ชาร์จหูฟัง ทำให้รวมแล้วสามารถใช้ฟังเพลงได้สูงสุด 24 ชั่วโมง ต่อการชาร์จกล่อง 1 ครั้ง และตัว AirPods สามารถฟังเพลงได้ถึง 3 ชั่วโมง เพียงการชาร์จแค่ 15 นาที
ยิ่งไปกว่านั้น AirPods สามารถเชื่อมต่อกับ Mac, iPhone, iPad, Apple Watch แบบอัตโนมัติ เราจะเลือกฟังเพลงจากเครื่องไหนก็ทำได้ ไม่ต้องมานั่ง Pair แต่ละเครื่องให้เสียเวลา โดยเริ่มวางจำหน่ายปลายเดือนตุลาคมนี้
9) เปิด Apple Pay และ Transit ให้ใช้ในญี่ปุ่น
ฟีเจอร์นี้เป็นการเพิ่ม Apple Pay และฟีเจอร์ใน Apple Maps ใหม่ อย่าง Transit ที่จะคอยหาสายรถไฟ รถประจำทาง ซึ่งแอปเปิลจะเปิดให้ใช้ในประเทศญี่ปุ่นในเดือนตุลาคมนี้ ส่วนประเทศไทยก็รอต่อไป10 ฮาร์ดแวร์ทรงพลัง แรงซะใจ
iPhone 7 เรียกว่าแอปเปิลจัดเต็มสำหรับการให้สเปคมา ซึ่งแอปเปิลพัฒนาตั้งแต่ชิปซีพียู กราฟฟิก- ชิป Apple A10 Fusion เป็นชิป Quad Core
- ประมวลผลเร็วกว่า iPhone 6 สองเท่า และประมวลผลกราฟิกเร็วกว่า iPhone 6 ถึง 3 เท่า
- มาพร้อมกับชิป M10 เพื่อช่วยการประมวลผลและตรวจจับการเคลื่อนไหว
- เป็นชิปประหยัดพลังงานที่สุดตั้งแต่เคยมีมา
- แบตเตอรี่สามารถใช้งานได้นานขึ้น
- มีความจุ 32, 128 และ 256 GB ให้เลือก
- สี Jet Black จะมีเฉพาะรุ่นความจุ 128 และ 256 GB เท่านั้น
- ส่วนราคา iPhone 7 เริ่มต้น $649 และ iPhone 7 Plus เริ่มต้น $769 (ยังไม่เปิดเผยราคาในไทย)
- เริ่ม Pre-order วันที่ 9 กันยายน และวางจำหน่ายวันแรก 16 กันยายนนี้ โดยเริ่มวางจำหน่ายในประเทศกลุ่มแรก 28 ประเทศ
ที่มา – Apple