จะดีกว่าไหม หากเรารู้ทันและรู้ทางด้วย “4 เทคนิคพิชิตหนี้บัตรเครดิต”
เพื่อเอาชนะหนี้ของตัวเองให้ทันเวลา ดังนี้
1เตรียมหลักฐานทางการเงินให้พร้อม
หลายคนน่าจะเคยผ่านประสบการณ์การขออนุมัติ สินเชื่อจากธนาคารต่างๆ เพื่อนำเงินทุนที่ได้มา เติมเต็มความฝันของตนเอง แต่บางครั้งอาจมีทั้ง สมหวังและผิดหวัง เพราะธนาคารก็ต้องพิจารณา สถานะทางการเงินของผู้ขอสินเชื่ออย่างเข้มข้น เพื่อป้องกันการผิดนัดชำระหนี้จนเกิดหนี้เสีย ตามมาเช่นกัน
2วางแผนจัดสรรรายได้-ค่าใช้จ่าย
เริ่มต้นจากปรับพฤติกรรมการใช้จ่ายของตัวเอง หยุดใช้
จ่ายในเรื่องที่ไม่จำเป็น จากนั้นจัดสรรเงินรายได้ให้เหมาะสม
โดยแบ่งเป็นเงินก้อนแรกสำหรับค่าใช้จ่ายคงที่ต่างๆ เช่น
ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถประกันชีวิต เงินก้อนที่สองสำหรับ
ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน เช่น ค่าอาหาร ค่าเดินทาง เงินที่เหลือก้อนสุดท้ายนำไปใช้หนี้บัตรเครดิตโดยพยายามจ่ายให้ได้มากที่สุด และไม่ควรจ่ายเฉพาะยอดขั้นต่ำ เพราะจะทำให้เราไม่สามารถแก้ปัญหาหนี้ ในระยะยาวได้
3ทยอยใช้หนี้ให้เร็วที่สุด
โดยเฉพาะหนี้บัตรเครดิตที่มีค่าใช้จ่ายแพงที่สุดก่อน โดยเราต้องทราบว่าดอกเบี้ยบัตรเครดิตมีอัตราสูงสุดถึง 20% ต่อปี และยอดหนี้จะเพิ่มขึ้นได้ตามระยะเวลาที่เป็นหนี้ การที่เราไม่จ่ายชำระหนี้บัตรเครดิตให้เร็ว ก็จะทำให้เกิดภาระหนี้จากดอกเบี้ย ที่งอกเงยจนบางครั้งกลายเป็นดินพอกหางหมู จนเกิดความท้อแท้ไม่รู้ว่าจะชำระหนี้อย่างไรให้หมดได้ซักที
ตัวอย่าง : การคำนวณดอกเบี้ยบัตรเครดิต เมื่อชำระค่าสินค้าและบริการไม่เต็มจำนวน
หาก เรารูดบัตรเครดิตซื้อสินค้า เมื่อวันที่ 1 เมษายน จำนวน 20,000 บาท โดยสรุปยอดรายการทุกวันที่ 10 ของเดือน และมีกำหนดชำระทุกวันที่ 30 ของเดือน ทำให้วันที่ 10 เมษายน ธนาคารสรุปยอดเป็นจำนวนเงิน 20,000 บาท เราจึงนำเงินไปชำระขั้นต่ำจำนวน 2,000 บาทในวันที่ 30 เมษายนซึ่งเป็นวันครบกำหนดชำระ
วิธีคำนวณดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียม
= (ยอดรายการใช้จ่าย x อัตราดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมต่อปี x จำนวนวันในงวด)/จำนวนวันใน 1 ปี
จะเห็นว่าถึงแม้เราจะจ่ายเงินครบตามใบสรุปยอดรายการไปแล้วเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม แต่ก็จะยังมีดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมค้างจากวันที่ 11 พฤษภาคมถึงวันที่ 29 พฤษภาคม (วันก่อนกำหนดชำระเงิน 30 พ.ค.) ดังนั้น สถาบันการเงินจึงมีการแจ้งยอดรายการอีกครั้ง ในวันที่ 10 มิถุนายนอีกจำนวน 187.40 บาท
ดังนั้น ทางที่ดีที่สุดก็คือ ควรชำระบัตรเครดิตยอดเต็มจำนวนทุกงวด เพื่อไม่ให้ถูกคิดดอกเบี้ยและค่าธรรมเนียมตั้งแต่วันที่ ใช้บัตรจนถึงก่อนวันที่เราชำระเงิน แต่หากไม่มีความสามารถจริงๆ อย่างน้อยก็ควรชำระยอดขั้นต่ำ เพราะหากผิดนัด ชำระหนี้เกิน 3 เดือน นับจากวันครบกำหนดชำระ ธนาคารจะมิสิทธิยกเลิกการใช้บัตรเครดิตของเราได้ทันที และหากมีการ ทวงถามการชำระอยู่เรื่อยๆ อาจต้องติด Black list หรือถูกฟ้องร้อง จนไม่สามารถทำธุรกรรมการเงินได้อีก
4เจรจากับธนาคารเจ้าหนี้
หากมีปัญหาหนี้บัตร เครดิตมากเกินกว่าที่จะชำระหมดได้ ให้ลองติดต่อเข้าไป พูดคุยกับทางธนาคารเพื่อหาทางประนอมหนี้ โดยตกลงกันว่าวิธีการชำระเงิน แบบไหนที่จะทำให้เราสามารถชำระหนี้ได้ อย่าปล่อยให้เนิ่นนานเพราะธนาคาร อาจจะส่งฟ้องศาลจนเกิดผลกระทบในด้านต่างๆ ตามมา
หากเราพลาดเป็นหนี้บัตรเครดิตไปแล้ว สิ่งแรกที่จะต้องดำเนินการก็คือ การตั้งเป้าหมายว่าจะไม่เป็นหนี้ หยุดใช้บัตรเครดิตมาสร้างหนี้เพิ่ม และวางแผนการเงินให้ดีว่าจะชำระหนี้บัตรเครดิตอย่างไร หากพบปัญหาและอุปสรรคในหนี้บัตรเครดิต ก็ควรพูดคุยกับทางธนาคาร เพื่อหาทางออกร่วมกันอย่างเป็นระบบจนทำให้เราสามารถปลดหนี้ทั้งหมดได้ในที่ สุด
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก www.set.or.th