จากแม่ค้าเยาวราช สู่มาดามรถถัง ส่งขายกว่า 37 ประเทศ จนทั่วโลกยอมรับ

โดยในวันนี้เราจะพาทุกคนนั้นมาพบกับบุคคลหนึ่งที่บอกเลยว่าบุคคลนี้แม้จะเป็นผู้หญิงที่มีอายุมากแล้วแต่ประสบการณ์ทำงานของเธอบอกเลยว่ามากมายเพราะเธอนั้นสามารถทำให้ประเทศไทยมีการส่งออกรถถังถึง 37 ประเทศด้วยกันและถือเป็นการส่งออกที่ยิ่งใหญ่ในประเทศอีกด้วยโดยผู้หญิงคนเก่งคนนี้นั้นก็คือคุณนพรัตน์ กุลหิรัญ ผู้เป็นเจ้าของบริษัท ชัยเสรีเม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด ซึ่งบริษัทแห่งนี้จะมีการผลิตชิ้นส่วนยางติดเด็กและข้อสายพานให้กับกองทัพไทยและต่างประเทศซึ่งโรงงานของเธอนะมีพื้นที่ในการทำอยู่ประมาณ 140,000 ตารางเมตรซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดปทุมธานี ซึ่งในพื้นที่แห่งนี้นั้นมีโรงงานถึง 26 หลังด้วยกัน

แต่บอกเลยว่ากว่าที่เธอนั้นจะก้าวสู่ความสำเร็จในตรงนี้ตัวเธอนั้นต้องผ่านอุปสรรคมาอย่างมากมายและชีวิตเธอนั้นก็ไม่ได้ง่ายง่ายอย่างที่คิดโดยตัวเธอนั้นเกิดมาในครอบครัวคนจีนเป็นคนจีนที่มีสัญชาติไทยโดยพ่อของเธอได้อพยพมายังประเทศไทยซึ่งตัวเธอเป็นลูกสาวคนที่ 7 ของครอบครัวโดยครอบครัวทั้งหมดของเธอนะมีพี่น้องทั้งหมด 12 คนโดยในตอนเด็กอาศัยอยู่ที่ศาลเจ้าท่ามกงย่านเยาวราชในจังหวัดกรุงเทพมหานครโดยสมัยก่อนครอบครัวของเธอนั้นทำธุรกิจทางด้านโรงเหล็กและซื้อเครื่องยนต์กล่าวโดยมีชื่อร้านว่า ตั้งชุนฮวด ซึ่งเป็นธุรกิจที่ได้มีการสืบทอดมาตั้งแต่สมัยรุ่นปู่ที่ได้มีการข้ามน้ำข้ามทะเลมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2400

โดยคุณนพรัตน์นั้นเธอเรียกว่าเป็นเด็กผู้หญิงที่คลุกคลีอยู่กับเด็กมาตั้งแต่เด็กและรู้จักเด็กที่เป็นอาชีพของคุณพ่อเป็นอย่างดีเธอคอยมักจะช่วยเหลือคุณพ่ออยู่เสมอเพราะว่าคุณพ่อของเธอนั้นมีปัญหาในเรื่องของการพูดคุยติดอ่างและมักจะพลาดโอกาสเวลาดีๆทุกครั้งที่มีการประมูลเหล็กในบริเวณถนนคลองถมจึงทำให้คุณนพรัตน์ที่มีอายุวัยเพียงแค่ 5 ขวบเท่านั้นคอยช่วยคุณพ่อในการประมูลประกวดแข่งเหล็กอยู่เสมอ ถึงเรียกว่าเธอนั้นสามารถช่วยคุณพ่อหางานได้ตั้งแต่เด็กและเธอก็มาจะถูกคุณพ่อสั่งสอนอยู่เสมอว่าแม่เป็นผู้หญิงก็จะต้องทำให้ได้ทุกอย่างอยากให้ใครมาดูถูกเธอก็ยึดมั่นเหล่านี้และช่วยคุณพ่อมาตั้งแต่เด็กเรื่อยๆจนโต

โดยคุณนพรัตน์นะจะคอยช่วยเหลือคุณพ่ออยู่ตลอดคอยแข่งขันเอากล่องเหล็กมาให้คุณพ่อสร้างอาชีพสร้างรายได้และมักจะคอยบอกคนอื่นอยู่เสมอว่าให้โอกาสพ่อของเธอพูดบ้างและการทำแบบนี้ก็ทำให้เธอนั้นสั่งสมประสบการณ์ต่างๆที่มีมาและได้คลุกคลีอยู่กับวงการนี้ซึ่งเธอก็ได้รู้จักเหล็กตั้งแต่กระบวนการทำความสะอาดจนถึงกระทั่งกระบวนการดัดแปลงจึงเรียกได้ว่าในการประมูลของเธอนั้นเธอจึงมีประสบการณ์แม้จะอายุน้อยก็ตามทีและด้วยที่เธอเป็นเด็กผู้หญิงคอยช่วยเหลือพ่อในการประมูลจะมีคนคอยเอ็นดูเธออยู่เสมอมาจะเอาของกินมาให้เธอและเธอก็มาจะทำตัวให้คนอื่นเอ็นดูในการเสิร์ฟน้ำเสิร์ฟถ้าให้กับคนที่มาประมูลซึ่งนั่นจะทำให้เธอนั้นมีข้อต่อรองเวลาที่เธออยากจะได้กองเหล็กกองไหนนั้นเธอก็สามารถขอได้อยู่เสมอจึงทำให้ที่บ้านของเธอนั้นมีงานเข้ามาอยู่เรื่อยๆ

และด้วยความใฝ่รู้ใฝ่เรียนเธอนั้นเป็นเด็กที่ชอบในเรื่องของการเรียนภาษาเป็นอย่างมากโดยได้แรงบันดาลใจมาจากคุณพ่อของเธอเองที่คุณพ่อของเธอนั้นคอยนั่งแปลภาษาจีนเพื่อช่วยเหลือคนอื่นในแต่ก่อนซึ่งแต่ก่อนนั้นคนจีนหลายคนนั้นเขียนไม่ออกอ่านไม่ได้ที่มีพ่อเธอนั้นคอยเขียนเป็นจดหมายถ่ายทอดตัวหนังสือผ่านจดหมายให้กับคนจีนได้รู้นั่นก็ทำให้เธอนั้นซึมซับความรู้และความใฝ่รู้ที่อยากจะเรียนรู้ภาษาโดยมาตลอด

นอกจากนี้คุณพ่อของเธอก็ยังคอยสอนอยู่เสมอว่าเกิดเป็นมนุษย์ต้องคอยพึ่งพาคนอื่นเมื่อมีโอกาสและคอยช่วยเหลือคนอื่นเมื่อเขาทิ้งหวังแต่อยากรบกวนเขามากเกินไปและต้องรู้จักบุญคุณทุกครั้งอีกทั้งยังมีการสอนให้อีกว่าเมื่อเกิดเป็นหญิงนั้นอยู่กับพ่อแม่ได้ไม่นานเขาก็ต้องไปอยู่กับคนอื่นก็ต้องแต่งงานสิ่งที่พ่อของเธอจะมอบให้นั่นก็คือการศึกษาที่จะอยู่ติดตัวเธอไปตลอดชีวิต ด้วยพ่อเธอนั้นก็ได้มีการบอกอยู่เสมอว่าผู้ชายนั้นจะได้รับผลบาทแต่พวกผู้หญิงจะไม่ได้รับอะไรเลยและหวังอย่าพึ่งอะไรจากพ่อแม่จะต้องเลี้ยงดูตัวเองให้ได้เกิดเป็นลูกสาวอยู่บ้านอื่นอย่าให้ใครดูถูกอย่าไปพึ่งพาอะไรมากจนเกินไปจนถึงตัวเองให้มีคุณค่าให้มากที่สุด

ด้วยคำถามเหล่านี้ก็ทำให้มีการหล่อหลอมคุณนพรัตน์มาจะทำนั้นให้เธอสามารถเข้าเรียนในระดับชั้นประถมศึกษาที่โรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์และเริ่มเรียนภาษาอังกฤษอีกทั้งยังมีการฝึกฝนงานฝีมือต่างๆและหลังจากที่เรียนจบพ่อของเธอก็เห็นว่าเธอเป็นคนพูดเก่งชอบคบค้าสมาคมจึงมีการได้แนะนำให้เธอเรียนต่อทางด้านภาษาและในต่อมาก็ได้เรียนต่อในระดับชั้นมัธยมตอนปลายของโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์ทางด้านภาษาฝรั่งเศสระดับอุดมศึกษาจากวิทยาลัยการศึกษาซึ่งทำให้เธอนั้นได้เรียนอยู่ในสาขาวิชาที่สวนกระแสนิยมในสังคมยึดนั้นและทำให้เธอกลายเป็นเด็กเรียนดีและฝ่ายความรู้จนเธอนั้นสามารถสอบเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยจุฬาหรือมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ได้ทั้งคู่

เมื่อเธอได้เข้าสู่การเป็นนักศึกษาผ่านชื่ออะไรนะในช่วงชีวิตไว้นานทำให้เธอรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากเพราะสามารถเลือกเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆที่มีอยู่ในมหาลัยได้อย่างมากมายทั้งค่ายอาสาชุมชนใดมีการเดินไปยังชายแดนเพื่อทำขบวนทำกิจกรรมต่างๆกับเพื่อนและยังเข้าร่วมไปเรียนต่อต้านสังคมทางการเมืองเศรษฐกิจต่างๆและด้วยความสามารถทางภาษาจึงทำให้เธอนั้นได้มีโอกาสเข้าไปช่วยเหลือในช่วงที่มีสงครามเวียดนามเข้าไปในสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งประชาชาติเพื่อเป็นล่ามภาษาฝรั่งเศสและยังเป็นครูสอนภาษาไทยให้กับผู้ที่อพยพเข้ามาจนกระทั่งมีโรคระบาดเกิดขึ้นจะทำให้เธอนั้นได้หยุดเข้าโครงการนี้นะกลับไปอยู่บ้านอีกครั้งหนึ่ง

หลังจากที่เธอนั้นกลับมายังที่บ้านเธอก็ได้เรียนต่อได้แบ่งเวลามาเรียนมาสอนภาษาไทยให้กับชาวจีนที่วัดสามปลื้มและวัดไตรมิตรจนกระทั่งเรียนจบในระดับการศึกษาปริญญาตรีสอบเข้าบรรจุครูในโรงเรียนยานนาเวศได้ก่อนที่จะตัดสินใจย้ายไปเป็นครูโรงเรียนของตัวเองนั่นก็คือโรงเรียนอัสสัมชัญคอนแวนต์สอนวิชาภูมิศาสตร์โดยในตอนนั้นช่วงชีวิตของเธอรู้สึกมีความสุขเป็นอย่างมากที่ได้สอน เด็กๆและได้ถ่ายทอดวิชาความรู้ให้กับผู้อื่นจึงทำให้เธอนั้นสามารถประกอบอาชีพนี้ได้อย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลย

แต่แล้วความสุขของเธอนั้นก็ต้องจบสิ้นลงเพราะว่าคุณพ่อของเธอนั้นได้เล็งเห็นว่าเธอหนีห่างจากความเป็นผู้หญิงและต้องการให้เธอที่จะแต่งงานโดยในตอนนั้นเธอก็ได้มีการแต่งงานโดยมีอายุเพียง 26 ปีเท่านั้นกับคุณ หิรัญ กุลหิรัญ ซึ่งเป็นเจ้าของกิจการซ่อมรถและดัดแปลงเครื่องยนต์ซึ่งทำให้เธอมีจุดเริ่มต้นของชีวิตครอบครัวโดยอย่างยากลำบากและต้องย้ายไปอยู่ในบ้านสามีโดยในตอนนั้นแม่สามีของเธอนั้นแค่พูดกับเธอเป็นอย่างมากและทำให้เธอรู้สึกไม่มีความสุขแตกต่างชีวิตกับเมื่อก่อนที่มีอิสระและยังต้องคอยรับคำสั่งของแม่สามีโดยแม่สามีของเธอสั่งให้เธอลาออกจากงานที่เธอรักและตีเธอสั่งให้เธอเลิกเป็นครูโดยในตอนนั้นเธอแทบจะทนไม่ได้จึงได้กลับบ้านยังที่บ้านเพื่อปรึกษาพ่อหาหนทางแห่งความร่ำรวยมั่งคั่งและสามารถยืนได้ด้วยตัวเองโดยไม่พึ่งใครและคำแนะนำในครั้งนั้นก็ทำให้เธอก้าวสู่ธุรกิจพันล้านในตอนนี้นี่เอง

ซึ่งพ่อของเธอกล่าวว่าถ้าเธอมัวแต่จับปลาในแม่น้ำเจ้าพระยาปลามันมีจำกัดต้องแย่งกันนับวันก็จะมีแต่น้อยลงแต่ถ้าเธออยากจะให้ยืนยงจงจับได้เยอะๆและต้องต่อเรือไปจับปลาในทะเลหลวงซึ่งเธอนั้นก็จะสามารถจับปลาได้อย่างไม่รู้สิ้น เบอร์สิ่งที่คุณพ่อของเธอนั้นพูดอาจจะทำให้ใครหลายคนนั้นงงแต่คุณนพรัตน์นั้นกลับเข้าใจดีกับสิ่งที่คุณพ่อกล่าว จึงหันกลับมาคุยกับสามีที่บ้านและเริ่มทำการติดต่อการค้ากับกองทัพ ที่ได้เคยคุยไว้ในลักษณะเอเย่นต์ จัดหาอุปกรณ์เครื่องยนต์ รวมถึงซ่อมบำรุงช่วงล่างให้กับรถบรรทุกต่างๆ แล้วเวลานั้นเองเป็นช่วงประจวบเหมาะที่สงครามเวียดนามได้สิ้นสุดลงทางกองทัพอเมริกาได้ถอนทิ้งอาวุธต่างๆมากมายในประเทศเวียดนามและเขมรจึงทำให้คุณนพรัตน์นั้นได้มีการติดต่อกองทัพเพื่อขอซื้อวัสดุเหล่านี้เข้ามายังประเทศไทยให้โรงงานชัยเสรีมีอะไรเกี่ยวกับกองทัพเป็นจำนวนมากและเพียงพอต่อความต้องการของกองทัพไทยโดยเธอตอนนั้นก็ได้มีการแสวงหาข้อมูลและสืบเนื่องตามโรงงานต่างๆที่ยกเลิกกิจการหลากหลายเอามาทำธุรกิจเป็นของตัวเอง

โดยในตอนนั้นเองเธอก็ได้รู้จักกับลูกค้าชาวอเมริกันที่เล่นเป็นคนเปิดเผยวิธีการผลิตและดำเนินขั้นตอนต่างๆโดยตัวเธอนั้นได้เดินทางไปยังโรงงานสหรัฐอเมริการู้ เพื่อเรียนรู้โดยคู่ค้าชาวอเมริกาคนนี้ก็ไม่ได้สนใจว่าเธอนั้นจะสามารถจดจำในสิ่งที่เธอเห็นในทุกอย่างแต่กลับกลายเป็นว่าเธอสามารถจดจำได้โดยเธอจะอาศัยจดจำความรู้ที่ได้และเข้าห้องน้ำไปจดบันทึกสิ่งที่เธอรู้มาจากไหนเมื่อกลับมายังเมืองไทยก็ได้ดำเนินการต่างๆมากมายตามธุรกิจที่เคยเห็นมา

โดยในตอนนั้นธุรกิจชัยเสรีนั้นก็กำลังเป็นไปได้ด้วยดีและกลายเป็นเรื่องที่น่าขบขันอย่างหนึ่งเมื่อวันหนึ่งลูกค้าชาวอเมริกันคนนั้นได้มาเยี่ยมเยียนที่เมืองไทยและขอเข้าชมโรงงานโดยในตอนแรกคุณนพรัตน์ก็กลัวว่าลูกค้าชาวอเมริกันจะรู้ว่าเป็นการ copy ของเขาแต่กลับกลายเป็นว่าเขาน่าประทับใจเป็นอย่างมากจนถึงขั้นบอกว่าถ้าหากครั้งหน้าหากมีงานประมูลไปก็จะเลิกกิจการและยินดีที่จะขายเครื่องจะทั้งหมดให้กับเธอในทันที

ซึ่งตอนนั้นเธอก็ปฏิเสธพร้อมกับบอกว่าเธอมีเพียงเงินแค่ 25 ล้านเท่านั้นโดยเธอได้ทำการโอนและให้เครื่องจักร เหล่านั้นส่งมายังเธอซึ่งทางนั้นก็โอเคโดยในตอนนั้นคุณนพรัตน์ก็นำคนงานไปประมาณ 15 คนพร้อมกับตู้คอนเทนเนอร์ประมาณ 2 ตู้เพื่อไปเรียนรู้การใช้งานประมาณ 7 วันก่อนที่จะขนย้ายเครื่องจักรเหล่านั้นกลับมายังประเทศไทยแต่สุดท้ายเธอก็ได้ครึ่งจากทั้งหมด 45 ตู้และกินนอนอยู่ในโรงงานถึง 45 วันเพื่อเรียนรู้ขั้นตอนต่างๆมาให้หมดไม่ว่าจะเป็นแบบที่เครื่องอัดเยาง แบบพิมพ์ เครื่องขึ้นรูปตะขายต่างๆนั้นเอง แต่กลับกลายเป็นว่านั่นก็กลับบ้านความสุขให้กับเธอเป็นอย่างมากเพราะเธอนั้นแกเป็นคนที่ฉวยโอกาสและเอาเปรียบไม่เสียหายจึงทำให้ถูกสามีดูว่าทำอะไรเกินตัวและไม่รู้จักประเมินกำลังของตัวเองและความสามารถบริษัทซึ่งในตอนนั้นก็ทำให้เธอแทบกินไม่ได้นอนไม่หลับเลยทีเดียว

และในที่สุดนี้ประสิทธิภาพในการทำงานของโรงงานชัยเสรีก็สามารถทะยานไปได้เพราะเพื่อนมันมีตั้งแต่สมัยอีกครั้งเธอนั้นยังมีโอกาสได้รับผิดชอบในสิ่งที่เธอใฝ่คว้าหาความรู้จักครูขนิษฐาประเทศมากมายเลยในสุดท้ายทางชัยเสรีนะก็ได้รับการที่ประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐอเมริกาและมีการเจริญเติบโตทางด้านธุรกิจสุดท้ายก็มีการตกลงจนสามารถเซ็นสัญญาผลิตชิ้นส่วนยางติดเหล็กและข้อสายพานลองกดสายพานเพื่อนำไปติดตั้งให้กับรถถังที่นั่นทั้งหมดเป็นที่สำเร็จมาจึงทำให้กิจการเสรีนั้นสามารถเจริญรุ่งเรืองเติบโตและได้สั่งอะไหล่จากค่ายทหารต่างๆหลากหลายประเทศที่มีการปลดประจำการทำและผลงานที่สร้างความภาคภูมิใจใหักับชัยเสรีมากที่สุดนั้นก็คือ รถหุ้มเกราะ First Win ซึ่งทางชัยเสรีก็ใช้เวลาในการพัฒนามานานกว่า 10 ปีโดยมีประสบการณ์จากการซ่อมรถในกองทัพมาอย่างยาวนานโดยสาเหตุที่ได้รถรุ่นนี้นั่นก็เป็นเพราะว่าคุณนพรัตน์มีความรู้สึกว่ารถที่นำเข้ามาจากต่างประเทศนั้นไม่เหมาะสมกับสภาพเมืองในเมืองไทยเป็นอย่างมากจึงกลายเป็นที่มาของการสร้างสรรค์ออกแบบ First Win นั่นเอง

โดยวัสดุนั้นเป็นวัสดุที่ผลิตจากโรงงานในประเทศไทยทั้งหมด ยกเว้นเพียงแต่เครื่องยนต์เท่านั้นที่นำเข้าจากต่างประเทศสหรัฐอเมริกาและด้วยสิ่งที่มาจากประเทศไทยจึงทำให้มีราคาที่ถูกกว่ารถนำเข้าถึง 40 เปอร์เซ็นต์โดยในปัจจุบัน First Win นั้นก็ได้มีการประจำการอยู่ในกองทัพไทยและกรมสอบสวนพิเศษหรือลบการปราบปรามยาเสพติดและหน่วยกรมราชทานอีกทั้งยังมีอยู่ในประจำต่างประเทศต่างๆจึงกลายเป็นรถกองทัพที่ทางมาเลเซียนั้นให้ความเชื่อมั่นและสั่งซื้อไปถึง 200 คัน

ถึงได้ว่าตัวเธอนั้นสามารถมีจุดสีขาวที่การทำธุรกิจและการทำตัวพิเศษของเธอนั่นก็คือความเป็นมนุษย์และการทำธุรกิจมันก็คือความจริงใจและการใส่ใจในกระบวนการไขว่คว้าสิ่งรอบรู้ที่อยู่ข้างตัวโดยไม่หวังผลเพียงแค่ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้นและต้องเอาจริงเอาจังในสิ่งที่ตัวเองทำและส่วนตัวเองไปเรื่อยๆจะไปสู่ความสำเร็จและไม่ควรหลงตัวเองจนเกินไปและมีความรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองทำดีกับเหล่านี้นี่แหละจึงทำให้คุณนพรัตน์นั้นสามารถประสบความสำเร็จได้ในที่สุด