จำใส่ใจเอาไว้ “คนที่กล้าให้คุณยืมเงิน” ไม่ใช่เพราะ “โง่” ลองอ่านแล้วจะรู้ถึงความจริงที่เขามีให้คุณ
คนที่เขากล้าให้คุณยืมเงิน คือผู้อุปถัมภ์ของคุณ คนประเภทนี้มีน้อยมากแล้วในสังคมทุกวันนี้ หากคุณมีวาสนาได้พบเจอ ต้องสำนึกคุณไปชั่วชีวิตเลยนะ
ตอนที่คุณลำบากเรื่องคน แล้วมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงคุณไว้ ไม่ใช่ว่าเพราะเขามีเงินมากมาย แต่เพราะน้ำใจของเขาที่อยากฉุดคุณไว้ให้ขึ้นจากหุบเหวของความลำบากนั้น
ที่ให้คุณยืมนั้นมันไม่ใช่เงิน แต่มันคือความเชื่อใจความไว้ใจและกำลังใจ!!!
เพราะเชื่อในศักยภาพของคุณ เพื่อให้คุณพ้นจากความลำบากในตอนนั้น
หวังว่าคุณทั้งหลายที่เป็นคนยืมเงินอย่าได้เหยียบย่ำคำว่า “น้ำใจ” ที่ใครเขาให้มา เพราะคำว่า “เสียสัจจะ”คือการล้มละลายที่สาหัสที่สุดในชีวิตคนเรา ต้องระวังไว้ให้ดี
มิตรสหายที่จริงใจคือทรัพย์สมบัติที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต
ในขณะเดียวกัน ขอให้คุณพึงระลึกไว้เสมอว่า…
คนที่ชอบจ่ายเงินก่อน ไม่ใช่เพราะเขาอวดว่ามีเงินมาก แต่เป็นเพราะเขาเห็นว่ามิตรภาพสำคัญกว่าราคาอาหารในมื้อนั้น
คนที่ยอมยกผลประโยชน์ให้คุณมากหน่อยตอนร่วมหุ้น ไม่ใช่เพราะเขาโง่ แต่เป็นเพราะเขารู้จักแบ่งปัน
คนที่ยอมทำงานมากกว่าคนอื่น ไม่ใช่เพราะเขาโง่ แต่เป็นเพราะเขาอยากรับผิดชอบในหน้าที่และเขารักองค์กร
คนที่ยอมขอโทษก่อนเวลาทะเลาะกัน ไม่ใช่เพราะเขาผิด แต่เป็นเพราะเขายังแคร์ความรู้สึกของคุณอยู่
คนที่ยอมช่วยเหลือคุณไม่ว่าเรื่องใด ไม่ใช่เพราะเขาเป็นหนี้คุณ แต่เป็นเพราะเขาเห็นคุณเป็นเพื่อนแท้
คนอื่นช่วยเหลือคุณนั่นเป็นเรื่องของน้ำใจ ที่ไม่ช่วยเหลือคุณนั่นก็เป็นเรื่องของเขา
คนเป็นจำนวนมากแสดงท่าทางโกรธแค้นที่คนอื่นไม่ยอมให้ยืมเงิน ทั้งที่คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธแค้นเขาเลย
คนบางคนกลับทำตัวฉลาด ยืมแล้วไม่ยอมคืน! คนประเภทนี้ สักวันหนึ่งจะหมดค่าในสายตาของผู้คน หากการได้พบการได้รู้จักกันคือวาสนา การจะคบหากันให้ยาวนานต้องอาศัยสัจจะและความจริงใจ
สุดท้ายแล้วเรื่องการยืมเงิน เขียนเป็นเกร็ด 7 ข้อที่นึกได้
1. ยิ่งเราสนิทกับคนที่จะยืมเงินเรามากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้คืนก็มีความเสี่ยง ยกตัวอย่างกรณี ถ้าคนที่จะยืมเงินมีหนี้หลายคน เค้าจะเลือกจ่ายหนี้ให้กับคนที่เค้าเกรงใจก่อน ส่วนคนสนิทหรือคนรู้จักมักได้คิวหลังๆ (เป็นผมเองก็ทำอย่างนั้นนะบอกตรงๆ)
2. ผมชอบปฏิเสธคนที่จะมายืมเงิน โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากเสียเพื่อนหรือคนรู้จัก เรื่องเงินเราขอไม่ช่วยเพราะว่าเราก็มีภาระ แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ เรายินดีช่วยเต็มที่ (แล้วถ้าเค้าขอ…ก็ต้องช่วยเค้าจริงๆ นะ) อย่างนี้ไม่เสียคน
3. ถ้าทำตัวมีเงิน โอกาสที่จะถูกยืมขอตังค์ก็จะมีมากขึ้นไปด้วย
4. ระลึกไว้เสมอว่า ให้ใครยืมเงินไป ให้นึกถึงด้วยว่าถ้าหนี้ก้อนนั้นเป็นศูนย์เราต้องอยู่ได้
5. คนที่ติดหนี้พนันบอล หรือธุรกิจมืดอย่าให้ยืมเงิน เพราะโอกาสได้คืนต่ำมากๆ
6. ยิ่งเงินก้อนใหญ่ ยิ่งมีโอกาสได้คืนยากขึ้น เพราะลูกหนี้บางคนมองว่าเป็นภาระ ถ้าไม่ใช้มันคนเดียวก็สบายเราไปเลย
7. ยิ่งระยะผ่านไปนานเท่าไหร่ โอกาสได้เงินคืนยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนตัวมองว่า ยิ่งนานไป ความรู้สึกต้องรับผิดชอบที่ยืมเงินมามันจะลดลงเรื่อยๆ แล้วจะมองว่า ทำไมตูต้องจ่ายเงินให้มันด้วยฟระ (ลืมความรู้สึกรับผิดชอบไปแล้ว)
คนที่เขากล้าให้คุณยืมเงิน คือผู้อุปถัมภ์ของคุณ คนประเภทนี้มีน้อยมากแล้วในสังคมทุกวันนี้ หากคุณมีวาสนาได้พบเจอ ต้องสำนึกคุณไปชั่วชีวิตเลยนะ
ตอนที่คุณลำบากเรื่องคน แล้วมีคนยื่นมือเข้ามาช่วยพยุงคุณไว้ ไม่ใช่ว่าเพราะเขามีเงินมากมาย แต่เพราะน้ำใจของเขาที่อยากฉุดคุณไว้ให้ขึ้นจากหุบเหวของความลำบากนั้น
ที่ให้คุณยืมนั้นมันไม่ใช่เงิน แต่มันคือความเชื่อใจความไว้ใจและกำลังใจ!!!
เพราะเชื่อในศักยภาพของคุณ เพื่อให้คุณพ้นจากความลำบากในตอนนั้น
หวังว่าคุณทั้งหลายที่เป็นคนยืมเงินอย่าได้เหยียบย่ำคำว่า “น้ำใจ” ที่ใครเขาให้มา เพราะคำว่า “เสียสัจจะ”คือการล้มละลายที่สาหัสที่สุดในชีวิตคนเรา ต้องระวังไว้ให้ดี
มิตรสหายที่จริงใจคือทรัพย์สมบัติที่ประเสริฐที่สุดในชีวิต
ในขณะเดียวกัน ขอให้คุณพึงระลึกไว้เสมอว่า…
คนที่ชอบจ่ายเงินก่อน ไม่ใช่เพราะเขาอวดว่ามีเงินมาก แต่เป็นเพราะเขาเห็นว่ามิตรภาพสำคัญกว่าราคาอาหารในมื้อนั้น
คนที่ยอมยกผลประโยชน์ให้คุณมากหน่อยตอนร่วมหุ้น ไม่ใช่เพราะเขาโง่ แต่เป็นเพราะเขารู้จักแบ่งปัน
คนที่ยอมทำงานมากกว่าคนอื่น ไม่ใช่เพราะเขาโง่ แต่เป็นเพราะเขาอยากรับผิดชอบในหน้าที่และเขารักองค์กร
คนที่ยอมขอโทษก่อนเวลาทะเลาะกัน ไม่ใช่เพราะเขาผิด แต่เป็นเพราะเขายังแคร์ความรู้สึกของคุณอยู่
คนที่ยอมช่วยเหลือคุณไม่ว่าเรื่องใด ไม่ใช่เพราะเขาเป็นหนี้คุณ แต่เป็นเพราะเขาเห็นคุณเป็นเพื่อนแท้
คนอื่นช่วยเหลือคุณนั่นเป็นเรื่องของน้ำใจ ที่ไม่ช่วยเหลือคุณนั่นก็เป็นเรื่องของเขา
คนเป็นจำนวนมากแสดงท่าทางโกรธแค้นที่คนอื่นไม่ยอมให้ยืมเงิน ทั้งที่คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะโกรธแค้นเขาเลย
คนบางคนกลับทำตัวฉลาด ยืมแล้วไม่ยอมคืน! คนประเภทนี้ สักวันหนึ่งจะหมดค่าในสายตาของผู้คน หากการได้พบการได้รู้จักกันคือวาสนา การจะคบหากันให้ยาวนานต้องอาศัยสัจจะและความจริงใจ
สุดท้ายแล้วเรื่องการยืมเงิน เขียนเป็นเกร็ด 7 ข้อที่นึกได้
1. ยิ่งเราสนิทกับคนที่จะยืมเงินเรามากเท่าไหร่ โอกาสที่จะได้คืนก็มีความเสี่ยง ยกตัวอย่างกรณี ถ้าคนที่จะยืมเงินมีหนี้หลายคน เค้าจะเลือกจ่ายหนี้ให้กับคนที่เค้าเกรงใจก่อน ส่วนคนสนิทหรือคนรู้จักมักได้คิวหลังๆ (เป็นผมเองก็ทำอย่างนั้นนะบอกตรงๆ)
2. ผมชอบปฏิเสธคนที่จะมายืมเงิน โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากเสียเพื่อนหรือคนรู้จัก เรื่องเงินเราขอไม่ช่วยเพราะว่าเราก็มีภาระ แต่ถ้าเป็นเรื่องอื่นๆ เรายินดีช่วยเต็มที่ (แล้วถ้าเค้าขอ…ก็ต้องช่วยเค้าจริงๆ นะ) อย่างนี้ไม่เสียคน
3. ถ้าทำตัวมีเงิน โอกาสที่จะถูกยืมขอตังค์ก็จะมีมากขึ้นไปด้วย
4. ระลึกไว้เสมอว่า ให้ใครยืมเงินไป ให้นึกถึงด้วยว่าถ้าหนี้ก้อนนั้นเป็นศูนย์เราต้องอยู่ได้
5. คนที่ติดหนี้พนันบอล หรือธุรกิจมืดอย่าให้ยืมเงิน เพราะโอกาสได้คืนต่ำมากๆ
6. ยิ่งเงินก้อนใหญ่ ยิ่งมีโอกาสได้คืนยากขึ้น เพราะลูกหนี้บางคนมองว่าเป็นภาระ ถ้าไม่ใช้มันคนเดียวก็สบายเราไปเลย
7. ยิ่งระยะผ่านไปนานเท่าไหร่ โอกาสได้เงินคืนยิ่งยากขึ้นเรื่อยๆ ส่วนตัวมองว่า ยิ่งนานไป ความรู้สึกต้องรับผิดชอบที่ยืมเงินมามันจะลดลงเรื่อยๆ แล้วจะมองว่า ทำไมตูต้องจ่ายเงินให้มันด้วยฟระ (ลืมความรู้สึกรับผิดชอบไปแล้ว)