อ่านเถอะครับ 30 วิเอง คำพูดสุดท้ายจากสตีฟ จ็อบส์ เรื่องน่าคิดชีวิตคนทำงาน!

อ่านเถอะครับ 30 วิเอง เผยคำพูดสุดท้ายจากสตีฟ จ็อบส์ เรื่องน่าคิดชีวิตคนทำงาน!

ผมประสบความสำเร็จอย่างมากในด้านธุรกิจ หรืออาจกล่าวว่าชีวิตผมเป็นตัวอย่างที่เด่นชัดของความสำเร็จ

แต่นอกจากการทำงานแล้ว ผมไม่ได้มีความสุขนัก เพราะในที่สุด ความร่ำรวยก็กลายเป็นสิ่งเดียวที่ผมมี

ในขณะนี้ ผมกำลังนอนป่วยอยู่บนเตียงและพยามยามรำลึกถึงชีวิตของผมที่ผ่านมา ผมพบว่าความร่ำรวยที่ผมเคยภูมิใจ กลับไม่มีค่าอะไรเลยในช่วงสุดท้ายที่ผมกำลังจะตาย

ในความมืด ผมมองเห็นเพียงแสงสีเขียวและเสียงของเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งทำให้ผมรู้ว่าความตายใกล้เข้ามาแล้ว

ตอนนี้ผมเพิ่งตระหนักว่า เมื่อเราร่ำรวยพอแล้ว เราควรหันไปใส่ใจกับเรื่องอื่นๆ บ้าง

ซึ่งอาจเป็นสิ่งอื่นๆที่สำคัญ เช่น งานศิลป ที่เราเคยใฝ่ฝันในตอนเด็กๆ

การไม่ยอมหยุดสร้างความร่ำรวย จะทำให้ต้องมีชีวิตเหมือนที่ผมเป็น

พระเจ้าได้มอบความรักไว้ในหัวใจของมนุษย์ทุกคน ซึ่งไม่สามารถซื้อหาได้ด้วยเงิน

เมื่อผมตาย ผมเอาความร่ำรวยไปด้วยไม่ได้ สิ่งที่ผมจะนำติดตัวไปคือความทรงจำเกี่ยวกับความรักเท่านั้น ซึ่งเป็นความร่ำรวยที่แท้จริงและจะเป็นแสงนำทางให้กับเราต่อไป

ความรักจะติดตามเราไปได้ทุกที่ เพราะมันอยู่ในหัวใจและในมือของเราเอง

เตียงที่แพงที่สุดในโลกก็คือเตียงผู้ป่วย

คุณสามารถจ้างคนมาขับรถให้ มาทำงานหาเงินให้ แต่ไม่มีใครมาป่วยแทนคุณได้

สิ่งของใดๆ ที่หายไป เราอาจหาพบได้ แต่เราเอาชีวิตที่เสียไปกลับคืนมาไม่ได้

เมื่อเราเข้าไปอยู่ในห้องผ่าตัด เราจะตระหนักได้ว่า เราใส่ใจสุขภาพของตัวเองน้อยเกินไป

แต่เรามักจะรู้ตัวเมื่อสายเกินไปเสมอ

จงให้ความรักกับครอบครัว กับคนรัก และเพื่อนๆ หมั่นดูแลสุขภาพของตัวเองและใส่ใจคนรอบข้างให้มากๆ

สิ่งที่พิสูจน์แล้ว เงิน เวลา สุขภาพ

สุขภาพคือสิ่งสำคัญที่สุด

เวลา และเงิน คือสิ่งสำคัญรองลงมา

สตีฟ จ็อบส์ เป็นเศรษฐีอันดับต้นๆ ของโลก ผลงานแห่งความสำเร็จ ความร่ำรวยไม่มีใครปฏิเสธได้

แต่คำพูดสุดท้ายแห่งชีวิต ก็ได้ให้ข้อคิดแก่คนทั่วโลกได้เป็นอย่างดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผลตอบแทนที่เขาได้รับ คือ เตียงคนไข้ที่แพงที่สุดในโลก เงินที่มีจ้างคนมาป่วยแทนไม่ได้

หากสตีฟได้เห็นสัจธรรมของชีวิต ที่มีเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นวัฏจักร หากได้ศึกษาและเข้าใจคำสอนของท่านพุทธทาส ที่ว่า ตายเสียก่อนตาย ทดลองเข้าห้องนิพพานที่อนุสรณ์พุทธทาส ที่สวนรถไฟ จตุจักร คงไม่ต้องประสบชีวิตช่วงสุดท้าย ดังที่สะท้อนไว้

เราจะนำเอาตัวอย่าง บทเรียนจากสตีฟ มาปรับปรุง พัฒนาการดำเนินชีวิตของเราที่เหลือได้อย่างมีคุณภาพ อย่างมีความสุขได้มากน้อยเพียงใด ก็สุดแต่ท่านจะไขว่คว้าได้มากน้อยตามอัธยาศัยส่วนตน

สุดท้าย ของสุดท้าย ทุกคนไม่อาจหลีกพ้นกฎแห่งกรรมได้

การทำแต่กรรมดี ทั้งกาย วาจา ใจ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำได้ ณ บัดนี้

ข้อมูลจาก http://www.naarn.com/11901/