รีบจดด่วน! เผยสูตรปลาทูต้มเค็ม...สูตรโบราณ ก้างเปื่อย ตำรับชาววัง

รีบจดด่วน! เผยสูตรปลาทูต้มเค็ม...สูตรโบราณ ก้างเปื่อย ตำรับชาววัง

สูตรปลาทูต้มเค็มที่ก้างเปื่อย ตำรับวังสวนสุนันทาสูตรนี้ได้ต่อมาจาก ป้านิด อีกทีหนึ่ง..ปลาทูต้มเค็มที่ก้างเปื่อยนี้มีอยู่ในหนังสือชีวิตในวังอยู่แล้วเป็นตำรับของวังสวนสุนันทา แต่ในหนังสือไม่ได้บอกอะไรละเอียดมากนัก สูตรนี้เราต่อมาจากป้านิด บุตรสาวของคุณยายเนื่องมาอีกที่หนึ่ง มีเคล็ดลับมากมายกว่าในหนังสือฟังดูงายนะวิธีการทำอาหารแต่เวลาทำจริงๆแล้วไม่ง่ายเลย

สูตรอาหารโบราณ

1 ปลาทูสด ไม่มีใช้ปลารังก็ได้ จำนวนแล้วแต่สะดวก(หน้าหนาวนี้ปลาทูเนื้ออร่อยมาก)

2 มันหมูไม่มีใช้หมูสามชั้นติดมันเยอะ

3 น้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลตะโหนด

4 มะขามเปียกใหม่ๆ 2 ปั้น

5 น้ำปลาอย่างดี ทิพรส คนแบกกุ้งดีที่สุด

6 ต้นอ้อยสักท่อนหรือ2ท่อนถ้าหาไม่ได้ใช้ชั้นอ้อยที่คนขายน้ำอ้อยคั้นเขาบีบน้ำอ้อยแล้วก็ได้ ใช้แก้ตัวปลาติดหม้อ



เครื่องปรุงพิเศษ

1 ต้นหอมซอย

2 หอมแดงซอย

3 พริกชี้ฟ้าซอย

4 มะเขือเทศสีดา

5 ขิงอ่อนซอย

6 น้ำอ้อย

7 น้ำส้มซ่า

วิธีทำ

- ขยำมะขามเปียกด้วยน้ำปลาและน้ำตาลใส่น้ำนิดหน่อย แล้วชิมให้รสเท่ากัน หวานเค็ม เปรี้ยว แล้วกรองเอากากออก

- ล้างท่อนอ้อยแล้วผ่าเป็ยซีกๆปูก้นหม้อกันปลาทูต้ดก้นหม้อ

- ปลาทูตัดหัวออกแล้วควักไส้ออกล้างให้สะอาด วางเรียงในหม้อกลับหัวหาวให้เท่ากัน ตอนเราต้มจะไม่มีการคน หรือขยับตัวปลา

- ลาดน้ำมะขามลงไปแล้วเติ่มน้ำให้ท่วมปลา หั่นมันหมูหรือหมูสามชั้นใส่ลงไป2 กำมือถ้าปลามาก 3-4กำมือ

- ปิดหม้อตั้งไฟตอน 10นาทีแรกใช้ไฟแรงต้มจนเดือดหลัง10นาทีไปแล้วลดไปลงให้เบาที่สุดต้มไป ทั้งวัน ถ้าน้ำแห้งเติมน้ำ

- ทำแบบนี้ 3วัน ก้างปลาจะเปื่อยเป็นแป้ง เนื้อปลาจะเเข็งทดสอบดูเลาะตัวปลาแล้วบี้ก้างดู ถ้าไม่ชอบเนื้อแข็งหรือใจร้อนข้เกียจรอ ต้ม 30นาที่ก็ทานได้แล้ว

- ที่น่าแปลกคือถ้าใช้เตาถ่านปลาจะก้างเปื่อยไวมากกว่าใช้เตาแก็ส คุณยายเนื่องบอกว่ามันหมูจะทำให้ก้างเปื่อยน้ำมะขามเปรี้ยวๆจะรัดให้เนื้อปลาแข็งแต่ที่ขายข้างถนนเขาใส่ดินประสิวสารเคมีก้างปลาจึงเปื่อยเร็ว

- เครื่องปรุงพิเศษ คือจะทานธรรมดาก็ได้ แต่เราตอนต้มปลาจะหั่นมะเขือเทศใส่ลงไปด้วยแต่กลิ่นและสีของปลาและวันที่3ของการต้มจะใส่น้ำอ้อยลงไปเพิ่มความหอมให้ปลาทูตอนทานจะซอยขิงอ่อน หอมแดง ต้นหอม พริกแดงใส่ลงไป บีบน้ำส้มซ่าใส่ลงไป ขอบอกว่าหอมและอร่อยมาก

ข้อมูลจาก : Kaijeaw.com