แชร์เก็บไว้เลย 14 วิธีทำความสะอาดของใช้ในบ้านอย่างง่ายๆ
มาค้นตำรับเทคนิคดีๆ ที่จะเปลี่ยนความเป็นอยู่ของคุณให้ง่ายขึ้นกว่าที่เคย ด้วยวิธีทำความสะอาดที่ให้ผลลัพธ์เกิดคาด จนต้องบอกต่อเพราะเป็นวิธีทำความสะอาดที่เวิร์กมากจริง ๆ
คงจะจริงที่ว่า “ต่อให้เกิดมาสูงต่ำดำขาวอย่างไร ถ้าสะอาดก็มีชัยไปเกินครึ่งแล้ว” ดังนั้นไม่ว่าบ้านคุณจะหลังเล็ก หรือคฤหาสน์หลังใหญ่โตเพียงใด ชีวิตก็เริดเลอได้เช่นกัน ถ้ารู้จักที่จะทำความสะอาดด้วยทริคเวิร์ก ๆ อย่างที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ที่อยากให้ไปพิสูจน์กันเลยว่าถ้าทำแล้ว ชีวิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี๊ดีขึ้นจริงหรือเปล่านะ อย่ารอช้ารีบไปดูแล้วทำตามกันด่วนค่ะ
1. เบกกิ้งโซดาชำระล้างคราบกาแฟเข้ม ๆ ในแก้ว
งานนี้บอกเลยว่าเหล่าคอกาแฟมีเฮ เพราะแก้วกาแฟแก้วโปรดของคุณจะยังคงความใหม่ได้อยู่ตลอดกาลปราศจากคราบกาแฟเหลือ ๆ ที่ทำให้รสชาติเปลี่ยนแล้วล่ะ เพียงแค่เทเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะลงในแก้วพร้อมกับน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ และใช้แปรงล้างขวดคนให้เข้ากันก่อนจะถูแก้วให้ทั่วแล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที หรือถ้าคราบเกาะหนึบเกินไปก็ให้ทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วค่อยนำมาล้างด้วยน้ำอุ่นซ้ำอีกครั้ง
2. ข้าวสารและน้ำส้มสายชูล้างคราบน้ำแบบมัว ๆ บนแก้วใส
แขกที่มาเยี่ยมบ้านต้องประหลาดใจแน่นอน หากคุณเสิร์ฟน้ำด้วยแก้วที่ขุ่นมัว มาลบภาพลักษณ์แย่ ๆ เหล่านั้นด้วยการใช้ข้าวสารและน้ำอุ่นขัดแก้ว แล้วใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูเช็ดก่อนจะนำไปล้างด้วยน้ำยาล้างจานตามปกติ คราวนี้แก้วของคุณก็จะกลับมาใสแวววาวเป็นที่ประทับใจกับแขกที่มาเยี่ยมแล้วล่ะ
3. เช็ดพื้นกระเบื้องด้วยสูตรที่เลื่องลือจากน้ำส้มสายชู
ไม้ถูพื้นที่สมน้ำสมเนื้อกับกระเบื้องมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นไม้ถูพื้นแบบไมโครไฟเบอร์ ที่กำจัดคราบได้ดีเยี่ยมและอ่อนโยนต่อกระเบื้อง แต่ก่อนลงมือถูพื้นควรขัดร่องกระเบื้องให้สะอาดด้วยหัวแปรงแบบวีเชฟเสียก่อน ต่อมาถ้ากระเบื้องคุณเป็นแบบไวนิลและเซรามิกให้ถูด้วยน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวงกับน้ำเปล่า 1 แกลลอน สำหรับกระเบื้องหินแนะนำให้ถูด้วยน้ำร้อน 1 แกลลอนผสมกับน้ำน้ำยาล้างจานสัก 2-3 หยดดีกว่า เพื่อป้องกันกระเบื้องหินถูกกัดกร่อนนั่นเอง
4. ก้อนเบกกิ้งโซดาคืนความสะอาดปราศจากเชื้อโรคในโถส้วม
หากทุกครั้งที่แขกขอเข้าห้องน้ำ คุณจะรู้สึกกังวลใจทุกครั้ง เพราะไม่แน่ใจว่าแขกจะตกใจกับคราบสกปรกหรือเปล่า หยุดความระทึกใจไว้ตรงนั้นแล้วมาทำก้อนเบกกิ้งโซดาล้างส้วมกันดีกว่า เริ่มจากผสมเบกกิ้งโซดา 2 ถ้วยตวงกับดีเกลือ ¼ ถ้วยตวงแล้วปั่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นหยดน้ำยาล้างจานสูตรมะนาวเข้มข้นลงไป 9 หยดและน้ำมันสกัดกลิ่นหอม ๆ หากต้องการกลิ่นหอมสดชื่น เสร็จแล้วตักใส่แม่พิมพ์ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วนำไปหย่อนลงในชักโครกค้างคืนและทำความสะอาดตามปกติ โดยทำเช่นนี้ 1 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านี้ห้องน้ำก็สะอาดเอี่ยมไม่อายแขกแล้วล่ะ
5. ปลดล็อกคราบหนัก ๆ ให้หลุดออกจากเตาอบ ด้วยน้ำส้มสายชูกับเบกกิ้งโซดา
คราบอาหารที่ทั้งเหนียวและไหม้ติดเป็นก้อนอยู่ในเตาอบ ทำให้เราหมดอารมณ์ทำอาหารขึ้นมาทันที มาปลดมันออกพร้อม ๆ กัน โดยเริ่มจากถอดตะแกรงออกมาก่อน แล้วนำเบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อยก่อนคนส่วนผสมให้เข้ากัน จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเบกกิ้งโซดาแล้วถูไปให้ทั่วตู้ทิ้งไว้ 1 คืน แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดออก ตอกย้ำความสะอาดด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูแล้วเช็ดซ้ำอีกครั้งด้วยผ้าเปียก เปิดเตาอบในอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 15-20 นาที เท่านี้ก็กลับมาน่าใช้เหมือนเดิมแล้ว
6. ครีมออฟทาร์ทาร์กร่อนคราบอ่างล้างจานแบบเคลือบ
บ้านใครที่นิยมแต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์คลาสสิก อย่างอ่างล้างจานเคลือบที่มีสีไปทางโทนเบส ก็ต้องรักษาความสะอาดให้ดีที่สุดไม่เช่นนั้น มันยิ่งดูเก่ากว่าที่เราตั้งจะให้เป็นซะอีก แค่ผสมครีมออฟทาร์ทาร์ 2 ช้อนโต๊ะ กับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ช้อนโต๊ะ ให้เข้ากันแล้วนำใช้ฟองน้ำจุ่มแล้วนำไปขัดที่อ่างล้างจานแล้วล้างออก ถ้าคราบมันเกาะแน่นจนเกินไปก็ให้ทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนล้างออก ที่สำคัญส่วนผสมนี้ต้องใช้งานภายใน 2 ชั่วโมงหลังผสมเสร็จไม่เช่นนั้นมันจะไม่ได้ผล
7. น้ำสายชูคู่หูเบกกิ้งโซดสากัดคราบไอน้ำที่เตารีด
เสื้อผ้าที่ไร้ซึ่งความยับเยินทำให้เราดูมีราศีขึ้นมาเป็นกอง แต่กว่าจะรีดได้นั้นต้องฝ่าฟันกับเตารีดจอมเหนียวหนืด จับตัวเป็นก้อนดำคล้ำที่อาจติดไปกับเสื้อเราได้ มากำจัดก้อนดำร้าย ๆ ด้วยพระเอกแพ็กคู่อย่างน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวงและเบกกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันก่อนนำไปถูที่หน้าเตารีดไอน้ำ ตรงไหนที่เป็นร่องให้ใช้แปรงเก่า ๆ ขัดออกและเช็ดด้วยผ้าสะอาด เท่านี้คุณจะสามารถวางเตารีดไปบนผ้าได้อย่างสนิทใจแล้วล่ะ
8. ล้างคราบน้ำที่ประตูกระจกกั้นด้วยน้ำส้มสายชู
คราบความมัวหมองไม่ได้อยู่ที่ชักโครกเพียงที่เดียว แต่ประตูกระจกกั้นระหว่างที่อาบน้ำกับพื้นที่อื่น ๆ ก็มัวหมองด้วยคราบน้ำได้นะ หากจะล้างให้กลับมาใสวิ้งคงต้องใช้สูตรนี้ ให้เอาน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง ไปเวฟด้วยความร้อนต่ำประมาณ 2 นาที แล้วนำมาผสมกับน้ำยาล้างจาน 1 ถ้วยตวง แล้วใช้ฟองน้ำชุบและขัดให้ทั่วกระจก จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งกระจกก็จะใสปิ๊งทันใจเลย
9. ปั่นเครื่องเปล่าทำความสะอาดเครื่องซักผ้าแบบฝาบน
ถ้าถามว่า “ใช้เครื่องซักผ้าไปแล้วกี่ครั้ง” คำตอบนั่นก็คือ “นับครั้งไม่ถ้วน” แสดงให้เห็นว่าต้องมีคราบสกปรกบนเสื้อผ้าตกค้างอยู่บ้างล่ะ ฉะนั้นได้โปรดอย่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้เลย ให้นำน้ำส้มสายชูและผงซักฟอกเทลงไปในช่องผงซักฟอก เปิดเครื่องให้ทำงานด้วยน้ำร้อนสูงสุดและเปิดฝาเครื่องทิ้งไว้ให้อากาศถ่ายเทปิดช่องทางการเติบโตของเชื้อโรค
10. น้ำมันมะกอกคงความเงางามให้เฟอร์นิเจอร์หนัง
ไม่ว่าคุณจะสั่งตรงเฟอร์นิเจอร์เครื่องหนังอย่างดีจากอิตาลี ก็ต้องมีริ้วรอยให้กวนใจกันบ้างล่ะ ถ้าอย่างนั้นมาลบรอยเหล่านี้ด้วยการใช้น้ำมันมะกอกถูบาง ๆ ให้ทั่ว เพราะมันจะซึมลึกลงไปบำรุงรอยขีดข่วนที่ไม่สวยให้ชุ่มชื้นกลับมา หรือจะใช้แปรงขัดรองเท้าปาดครีมขัดรองเท้ามาขัดถูก็ช่วยได้ ไม่ต้องเสียเงินซื้อโซฟาหนังใหม่ เพราะทำตามวิธีง่าย ๆ ที่แสนประหยัดแบบนี้ก็พอแล้ว
11. เช็ดน้ำส้มสายชูที่ฝาหน้าของเครื่องซักผ้าให้สะอาด ซักผ้าได้ ไร้เชื้อโรค
อย่าเพิ่งชื่นชมผ้าหอมสะอาดที่ออกมาจากเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าเด็ดขาด ถ้าคุณยังไม่เคยทำความสะอาดฝาหน้าเลยตั้งแต่ซื้อมา รีบด่วนค่ะ ! ไปผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำสะอาดในปริมาณที่เท่า ๆ กัน แล้วใช้ฟองน้ำถูทุกซอกทุกมุมไม่เว้นแม้แต่ช่องใต้ยางล็อกฝา จากนั้นค่อยเอาฝาไมโครไฟเบอร์เช็ดออกให้เกลี้ยงก็เลี่ยงความสกปรกได้แล้ว
12. คราบไวน์แดงสุดหรู ถูกเกลือดูดเกลี้ยงทุกอณู
คราบนี้บ่งบอกได้เลยว่าคุณมีฐานะมากพอเลยทีเดียว แต่อาจจะเสียเซลฟ์กันบ้างถ้าคราบนี้เกิดขึ้นในเวลาสำคัญ ๆ มาแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนกัน ด้วยการเปิดน้ำให้ไหลผ่านจุดที่มีคราบไวน์ จากนั้นใช้เกลือถูรอบ ๆ คราบ แล้วทิ้งไว้ 10 นาทีให้เกลือดูดคราบออก ก่อนนำไปซักด้วยน้ำเย็นก็จะเห็นผลทันที
13. น้ำส้มสายชูเสกจุดหมองเล็ก ๆ บนพรม ให้จบลงทันใด
คุณแม่บ้านหลายท่านต้องกุมขมับ เพราะพรมสกปรกเป็นจุดเล็ก ๆ เต็มไปหมด ครั้นจะจ้างช่างมาซักก็ดูเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าอย่างนั้นมาลองสูตรแจ่ม ๆ ที่คุณไม่ต้องยกหูจ้างใครมาช่วย แค่ผสมน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวงกับน้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวงขัดล้างตรงบริเวณที่มีคราบ หรือสาว ๆ คนไหนที่ชอบแต่งเล็บก็สามารถหยิบน้ำยาล้างเล็บมาเช็ดออกแทน พรมก็กลับมาสะอาดเหมือนเดิมแล้วค่ะ
14. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์พิชิตคราบหมองบนเฟอร์นิเจอร์บุนวม
หลาย ๆ คนที่เติบโตมาพร้อมกับยุคน้ำอัดลมจรวด รับรองว่าต้องรู้จักเฟอร์นิเจอร์บุนวมแน่นอน เป็นไอเทมสุดเดิร์นที่ทุกบ้านต้องมี แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปสภาพของเฟอร์นิเจอร์ก็เปลี่ยนแปลงเพราะมีคราบสกปรกเกิดขึ้น มารักษาความคลาสสิกให้อยู่ได้นาน ๆ ด้วยสูตรผสมน้ำยาล้างจาน ½ ถ้วยตวง และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ถ้วยตวง คนส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วเทใส่ขวดสเปรย์ฉีดพ่นไปที่คราบสกปรกและเช็ดออกให้เกลี้ยงก็จบ
หากใครที่รู้สึกหดหู่กับชีวิตที่อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเดิม ๆ เติมเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ก็ลุกขึ้นมาทำความสะอาดตามทริคที่ว่านี้ดูสิคะ แล้วคุณจะรู้ว่าเมื่อสิ่งรอบตัวคุณสะอาดชีวิตก็จะเปลี่ยนรสชาติให้ไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน
Credit. kapook
มาค้นตำรับเทคนิคดีๆ ที่จะเปลี่ยนความเป็นอยู่ของคุณให้ง่ายขึ้นกว่าที่เคย ด้วยวิธีทำความสะอาดที่ให้ผลลัพธ์เกิดคาด จนต้องบอกต่อเพราะเป็นวิธีทำความสะอาดที่เวิร์กมากจริง ๆ
คงจะจริงที่ว่า “ต่อให้เกิดมาสูงต่ำดำขาวอย่างไร ถ้าสะอาดก็มีชัยไปเกินครึ่งแล้ว” ดังนั้นไม่ว่าบ้านคุณจะหลังเล็ก หรือคฤหาสน์หลังใหญ่โตเพียงใด ชีวิตก็เริดเลอได้เช่นกัน ถ้ารู้จักที่จะทำความสะอาดด้วยทริคเวิร์ก ๆ อย่างที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ ที่อยากให้ไปพิสูจน์กันเลยว่าถ้าทำแล้ว ชีวิตจะเปลี่ยนไปในทางที่ดี๊ดีขึ้นจริงหรือเปล่านะ อย่ารอช้ารีบไปดูแล้วทำตามกันด่วนค่ะ
1. เบกกิ้งโซดาชำระล้างคราบกาแฟเข้ม ๆ ในแก้ว
งานนี้บอกเลยว่าเหล่าคอกาแฟมีเฮ เพราะแก้วกาแฟแก้วโปรดของคุณจะยังคงความใหม่ได้อยู่ตลอดกาลปราศจากคราบกาแฟเหลือ ๆ ที่ทำให้รสชาติเปลี่ยนแล้วล่ะ เพียงแค่เทเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะลงในแก้วพร้อมกับน้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ และใช้แปรงล้างขวดคนให้เข้ากันก่อนจะถูแก้วให้ทั่วแล้วทิ้งไว้ประมาณ 10 นาที หรือถ้าคราบเกาะหนึบเกินไปก็ให้ทิ้งไว้ข้ามคืน แล้วค่อยนำมาล้างด้วยน้ำอุ่นซ้ำอีกครั้ง
2. ข้าวสารและน้ำส้มสายชูล้างคราบน้ำแบบมัว ๆ บนแก้วใส
แขกที่มาเยี่ยมบ้านต้องประหลาดใจแน่นอน หากคุณเสิร์ฟน้ำด้วยแก้วที่ขุ่นมัว มาลบภาพลักษณ์แย่ ๆ เหล่านั้นด้วยการใช้ข้าวสารและน้ำอุ่นขัดแก้ว แล้วใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูเช็ดก่อนจะนำไปล้างด้วยน้ำยาล้างจานตามปกติ คราวนี้แก้วของคุณก็จะกลับมาใสแวววาวเป็นที่ประทับใจกับแขกที่มาเยี่ยมแล้วล่ะ
3. เช็ดพื้นกระเบื้องด้วยสูตรที่เลื่องลือจากน้ำส้มสายชู
ไม้ถูพื้นที่สมน้ำสมเนื้อกับกระเบื้องมากที่สุด คงจะหนีไม่พ้นไม้ถูพื้นแบบไมโครไฟเบอร์ ที่กำจัดคราบได้ดีเยี่ยมและอ่อนโยนต่อกระเบื้อง แต่ก่อนลงมือถูพื้นควรขัดร่องกระเบื้องให้สะอาดด้วยหัวแปรงแบบวีเชฟเสียก่อน ต่อมาถ้ากระเบื้องคุณเป็นแบบไวนิลและเซรามิกให้ถูด้วยน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวงกับน้ำเปล่า 1 แกลลอน สำหรับกระเบื้องหินแนะนำให้ถูด้วยน้ำร้อน 1 แกลลอนผสมกับน้ำน้ำยาล้างจานสัก 2-3 หยดดีกว่า เพื่อป้องกันกระเบื้องหินถูกกัดกร่อนนั่นเอง
4. ก้อนเบกกิ้งโซดาคืนความสะอาดปราศจากเชื้อโรคในโถส้วม
หากทุกครั้งที่แขกขอเข้าห้องน้ำ คุณจะรู้สึกกังวลใจทุกครั้ง เพราะไม่แน่ใจว่าแขกจะตกใจกับคราบสกปรกหรือเปล่า หยุดความระทึกใจไว้ตรงนั้นแล้วมาทำก้อนเบกกิ้งโซดาล้างส้วมกันดีกว่า เริ่มจากผสมเบกกิ้งโซดา 2 ถ้วยตวงกับดีเกลือ ¼ ถ้วยตวงแล้วปั่นให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นหยดน้ำยาล้างจานสูตรมะนาวเข้มข้นลงไป 9 หยดและน้ำมันสกัดกลิ่นหอม ๆ หากต้องการกลิ่นหอมสดชื่น เสร็จแล้วตักใส่แม่พิมพ์ทิ้งไว้ให้แห้งแล้วนำไปหย่อนลงในชักโครกค้างคืนและทำความสะอาดตามปกติ โดยทำเช่นนี้ 1 ครั้งต่อสัปดาห์เท่านี้ห้องน้ำก็สะอาดเอี่ยมไม่อายแขกแล้วล่ะ
5. ปลดล็อกคราบหนัก ๆ ให้หลุดออกจากเตาอบ ด้วยน้ำส้มสายชูกับเบกกิ้งโซดา
คราบอาหารที่ทั้งเหนียวและไหม้ติดเป็นก้อนอยู่ในเตาอบ ทำให้เราหมดอารมณ์ทำอาหารขึ้นมาทันที มาปลดมันออกพร้อม ๆ กัน โดยเริ่มจากถอดตะแกรงออกมาก่อน แล้วนำเบกกิ้งโซดา 2 ช้อนโต๊ะผสมกับน้ำเปล่าเล็กน้อยก่อนคนส่วนผสมให้เข้ากัน จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำเบกกิ้งโซดาแล้วถูไปให้ทั่วตู้ทิ้งไว้ 1 คืน แล้วใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดออก ตอกย้ำความสะอาดด้วยการใช้ผ้าชุบน้ำส้มสายชูแล้วเช็ดซ้ำอีกครั้งด้วยผ้าเปียก เปิดเตาอบในอุณหภูมิต่ำสุดประมาณ 15-20 นาที เท่านี้ก็กลับมาน่าใช้เหมือนเดิมแล้ว
6. ครีมออฟทาร์ทาร์กร่อนคราบอ่างล้างจานแบบเคลือบ
บ้านใครที่นิยมแต่งบ้านด้วยเฟอร์นิเจอร์คลาสสิก อย่างอ่างล้างจานเคลือบที่มีสีไปทางโทนเบส ก็ต้องรักษาความสะอาดให้ดีที่สุดไม่เช่นนั้น มันยิ่งดูเก่ากว่าที่เราตั้งจะให้เป็นซะอีก แค่ผสมครีมออฟทาร์ทาร์ 2 ช้อนโต๊ะ กับไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ช้อนโต๊ะ ให้เข้ากันแล้วนำใช้ฟองน้ำจุ่มแล้วนำไปขัดที่อ่างล้างจานแล้วล้างออก ถ้าคราบมันเกาะแน่นจนเกินไปก็ให้ทิ้งไว้ 15 นาที ก่อนล้างออก ที่สำคัญส่วนผสมนี้ต้องใช้งานภายใน 2 ชั่วโมงหลังผสมเสร็จไม่เช่นนั้นมันจะไม่ได้ผล
7. น้ำสายชูคู่หูเบกกิ้งโซดสากัดคราบไอน้ำที่เตารีด
เสื้อผ้าที่ไร้ซึ่งความยับเยินทำให้เราดูมีราศีขึ้นมาเป็นกอง แต่กว่าจะรีดได้นั้นต้องฝ่าฟันกับเตารีดจอมเหนียวหนืด จับตัวเป็นก้อนดำคล้ำที่อาจติดไปกับเสื้อเราได้ มากำจัดก้อนดำร้าย ๆ ด้วยพระเอกแพ็กคู่อย่างน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวงและเบกกิ้งโซดา 3 ช้อนโต๊ะ ผสมให้เข้ากันก่อนนำไปถูที่หน้าเตารีดไอน้ำ ตรงไหนที่เป็นร่องให้ใช้แปรงเก่า ๆ ขัดออกและเช็ดด้วยผ้าสะอาด เท่านี้คุณจะสามารถวางเตารีดไปบนผ้าได้อย่างสนิทใจแล้วล่ะ
8. ล้างคราบน้ำที่ประตูกระจกกั้นด้วยน้ำส้มสายชู
คราบความมัวหมองไม่ได้อยู่ที่ชักโครกเพียงที่เดียว แต่ประตูกระจกกั้นระหว่างที่อาบน้ำกับพื้นที่อื่น ๆ ก็มัวหมองด้วยคราบน้ำได้นะ หากจะล้างให้กลับมาใสวิ้งคงต้องใช้สูตรนี้ ให้เอาน้ำส้มสายชู 1 ถ้วยตวง ไปเวฟด้วยความร้อนต่ำประมาณ 2 นาที แล้วนำมาผสมกับน้ำยาล้างจาน 1 ถ้วยตวง แล้วใช้ฟองน้ำชุบและขัดให้ทั่วกระจก จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาดและเช็ดให้แห้งกระจกก็จะใสปิ๊งทันใจเลย
9. ปั่นเครื่องเปล่าทำความสะอาดเครื่องซักผ้าแบบฝาบน
ถ้าถามว่า “ใช้เครื่องซักผ้าไปแล้วกี่ครั้ง” คำตอบนั่นก็คือ “นับครั้งไม่ถ้วน” แสดงให้เห็นว่าต้องมีคราบสกปรกบนเสื้อผ้าตกค้างอยู่บ้างล่ะ ฉะนั้นได้โปรดอย่าปล่อยให้เป็นอย่างนี้เลย ให้นำน้ำส้มสายชูและผงซักฟอกเทลงไปในช่องผงซักฟอก เปิดเครื่องให้ทำงานด้วยน้ำร้อนสูงสุดและเปิดฝาเครื่องทิ้งไว้ให้อากาศถ่ายเทปิดช่องทางการเติบโตของเชื้อโรค
10. น้ำมันมะกอกคงความเงางามให้เฟอร์นิเจอร์หนัง
ไม่ว่าคุณจะสั่งตรงเฟอร์นิเจอร์เครื่องหนังอย่างดีจากอิตาลี ก็ต้องมีริ้วรอยให้กวนใจกันบ้างล่ะ ถ้าอย่างนั้นมาลบรอยเหล่านี้ด้วยการใช้น้ำมันมะกอกถูบาง ๆ ให้ทั่ว เพราะมันจะซึมลึกลงไปบำรุงรอยขีดข่วนที่ไม่สวยให้ชุ่มชื้นกลับมา หรือจะใช้แปรงขัดรองเท้าปาดครีมขัดรองเท้ามาขัดถูก็ช่วยได้ ไม่ต้องเสียเงินซื้อโซฟาหนังใหม่ เพราะทำตามวิธีง่าย ๆ ที่แสนประหยัดแบบนี้ก็พอแล้ว
11. เช็ดน้ำส้มสายชูที่ฝาหน้าของเครื่องซักผ้าให้สะอาด ซักผ้าได้ ไร้เชื้อโรค
อย่าเพิ่งชื่นชมผ้าหอมสะอาดที่ออกมาจากเครื่องซักผ้าแบบฝาหน้าเด็ดขาด ถ้าคุณยังไม่เคยทำความสะอาดฝาหน้าเลยตั้งแต่ซื้อมา รีบด่วนค่ะ ! ไปผสมน้ำส้มสายชูกับน้ำสะอาดในปริมาณที่เท่า ๆ กัน แล้วใช้ฟองน้ำถูทุกซอกทุกมุมไม่เว้นแม้แต่ช่องใต้ยางล็อกฝา จากนั้นค่อยเอาฝาไมโครไฟเบอร์เช็ดออกให้เกลี้ยงก็เลี่ยงความสกปรกได้แล้ว
12. คราบไวน์แดงสุดหรู ถูกเกลือดูดเกลี้ยงทุกอณู
คราบนี้บ่งบอกได้เลยว่าคุณมีฐานะมากพอเลยทีเดียว แต่อาจจะเสียเซลฟ์กันบ้างถ้าคราบนี้เกิดขึ้นในเวลาสำคัญ ๆ มาแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนกัน ด้วยการเปิดน้ำให้ไหลผ่านจุดที่มีคราบไวน์ จากนั้นใช้เกลือถูรอบ ๆ คราบ แล้วทิ้งไว้ 10 นาทีให้เกลือดูดคราบออก ก่อนนำไปซักด้วยน้ำเย็นก็จะเห็นผลทันที
13. น้ำส้มสายชูเสกจุดหมองเล็ก ๆ บนพรม ให้จบลงทันใด
คุณแม่บ้านหลายท่านต้องกุมขมับ เพราะพรมสกปรกเป็นจุดเล็ก ๆ เต็มไปหมด ครั้นจะจ้างช่างมาซักก็ดูเป็นเรื่องใหญ่ ถ้าอย่างนั้นมาลองสูตรแจ่ม ๆ ที่คุณไม่ต้องยกหูจ้างใครมาช่วย แค่ผสมน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวงกับน้ำเปล่า ¼ ถ้วยตวงขัดล้างตรงบริเวณที่มีคราบ หรือสาว ๆ คนไหนที่ชอบแต่งเล็บก็สามารถหยิบน้ำยาล้างเล็บมาเช็ดออกแทน พรมก็กลับมาสะอาดเหมือนเดิมแล้วค่ะ
14. ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์พิชิตคราบหมองบนเฟอร์นิเจอร์บุนวม
หลาย ๆ คนที่เติบโตมาพร้อมกับยุคน้ำอัดลมจรวด รับรองว่าต้องรู้จักเฟอร์นิเจอร์บุนวมแน่นอน เป็นไอเทมสุดเดิร์นที่ทุกบ้านต้องมี แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปสภาพของเฟอร์นิเจอร์ก็เปลี่ยนแปลงเพราะมีคราบสกปรกเกิดขึ้น มารักษาความคลาสสิกให้อยู่ได้นาน ๆ ด้วยสูตรผสมน้ำยาล้างจาน ½ ถ้วยตวง และไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ 1 ถ้วยตวง คนส่วนผสมให้เข้ากัน แล้วเทใส่ขวดสเปรย์ฉีดพ่นไปที่คราบสกปรกและเช็ดออกให้เกลี้ยงก็จบ
หากใครที่รู้สึกหดหู่กับชีวิตที่อยู่ท่ามกลางสภาพแวดล้อมเดิม ๆ เติมเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ก็ลุกขึ้นมาทำความสะอาดตามทริคที่ว่านี้ดูสิคะ แล้วคุณจะรู้ว่าเมื่อสิ่งรอบตัวคุณสะอาดชีวิตก็จะเปลี่ยนรสชาติให้ไปในทางที่ดีขึ้นแน่นอน
Credit. kapook