ครั้งหนึ่งหลวงปู่ดู่ได้เล่าถึงการปลุกเสกของขลัง ไว้ว่า...
“.... พวกติดคุกติดตะรางหรือไอ้เสือทั้งหลายเหล่านี้
มักจะมีความสามารถทางคงกระพันชาตรี แล้วเกิดฮึกเหิมขาดศีลธรรม
ทำให้เขาต้องประพฤติตัวออกนอกลู่นอกทางไปในที่สุด บางคนไม่มีพระ
ไม่มีคาถาอาคม ก็ยังสามารถรอดจากภยันตรายได้ เรื่องมีว่า
มีคนเหนือไปทำงานแถบปราจีนบุรี ซึ่งมีพวกเขมรมาก และเกิดไปขัดใจกับพวกนั้น
พวกเขมรนั้นเก่งทางทำของ ทำคุณไสย เขาก็ปล่อยมาให้เจ้าคนนี้
แต่ก็น่าแปลกใจที่ไม่สามารถทำอะไรได้
จนในที่สุดคนทำของเกิดความสงสัยจึงไปถาม
เขาตอบว่า "ไม่มีเครื่องรางของขลังอะไรเลย คาถาอาคมก็ไม่มี แต่ก่อนจะนอนทุกคืนต้องกราบหมอน ไหว้พ่อไหว้แม่ เป็นเช่นนี้มิได้ขาด"
คนทำของจึงบอกว่า "คืนนี้แกอย่าไหว้พ่อ ไหว้แม่นะ ข้าจะปล่อยของแล้วจะแก้ให้"
เขาก็ทำตาม ตอนนี้เป็นเพื่อนกันแล้ว คืนนั้นก็ปล่อยของเข้าตัวได้
แล้วเขาก็แก้ให้ นี่ขนาดไหว้พ่อ ไหว้แม่นะ ทำให้จริงยังสามารถป้องกันตัวได้
หลวงปู่สอนให้พวกเรามีความกตัญญูรู้คุณพ่อแม่ และผู้มีพระคุณทั้งหลาย
ซึ่งถือเป็นคุณธรรมที่ควรประพฤติปฏิบัติ ดังพุทธภาษิตว่า "นิมิตตัง สาธุ
รูปานัง กตัญญูกตเวทิตา" ความกตัญญูกตเวทิตา เป็นเครื่องหมายของคนดี
ต่อมาเป็นเรื่องของหลวงปู่ม่น วัดเนินตามาก เกจิดังเมืองชล
ได้มีลูกศิษย์ลูกหามาพูดคุยสนทนาธรรมด้วย ซึ่งจู่ๆ
หลวงปู่ม่นก็เกิดถามลูกศิษย์ว่า.
"แกอยากได้วัตถุมงคลที่เหนือกว่าของฉันไหม ?"
ลูกศิษย์คนนั้นก็คิดว่า แหม ถามได้นะ ใคร ๆ ก็อยากจะได้ทั้งนั้น
จึงรีบกราบเรียนท่านว่า อยากได้ครับ นึกว่าท่านจะให้เหล็กไหล ไพลดำ
คดมะพร้าว ตับเหล็ก ฯลฯ อะไรประมาณนี้
แต่ท่านยิ้มอย่างใจดี แล้วบรรยายว่า...
"แกกลับไปบ้านนะ แล้วหาแผ่นโลหะจะเป็นอะไรก็ได้นะ
แล้วเอาเส้นผมของแม่กับชายผ้าซิ่นของแม่วางลงบนแผ่นโลหะนั้นแล้วม้วนเข้าด้วยกันเป็นตะกรุด
แล้วแกก็เอาไปให้แม่อธิษฐานให้ ถ้าแม่แกยังแข็งแรง
จะให้วางของให้ม้วนให้เลยก็ได้ ตอนแม่อธิษฐานให้พรแก
แกลองฟังดูซิว่าเขาจะว่าให้แกตายแกเสื่อมไหม
ถ้าทุกคำพูดมีแต่เรื่องดีไม่มีแช่งล่ะก็ ตะกรุดนั้นไม่มีเสื่อมหรอก
ดียิ่งกว่าใคร ๆ ทำให้นะ ตะกรุดของฉันก็ไม่สู้ตะกรุดของแม่แกหรอก
....เพราะฉันรักแกไม่เท่าแม่แก...."