กินให้ได้บ่อยๆ ขนุน มีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็ง และต้านมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้

กินให้ได้บ่อยๆ ขนุน มีฤทธิ์ฆ่าเซลล์มะเร็ง และต้านมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้


ตามรายงานโดยสถาบันมะเร็งแห่งชาติในประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 2013ชาวอเมริกาประมาณ 1.17 ล้านคนได้ลงทะเบียนเป็นผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ โรคมะเร็งลำไส้

ใหญ่เป็นโรคที่รักษายาก แต่มีวิธีธรรมชาติในการรักษาโรคนี้และมันคือผลไม้เขตร้อนที่เรียกกันว่า ขนุน

ขนุนใช้ในการป้องกันโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ได้อย่างไร ?

ขนุนมีสารต้านมะเร็งที่มีประสิทธิภาพมากดังต่อไปนี้

-ไฟโตนิวเทรียนท์ phytonutrients

-ลิกแนน lignans

-ไอโซฟลาโวน isoflavones

-ซาโปนิน saponins

สารเหล่านี้ช่วยกำจัดสารอนุมูลอิสระที่ก่อตัวของเซลล์มะเร็งและเนื้องอก

สิ่งเหล่านี้คือสารต่อต้านสารก่อมะเร็ง

-ไอโซฟลาโวน และลิกแนน

สารเหล่านี้สามารถป้องกันการเกิดมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก การศึกษาวิจัยในปี 2006 ได้ดำเนินการทดสอบกับผู้หญิงจำนวน 500 คน ได้แยกผู้หญิงออกหนึ่งกลุ่มที่ได้

รับสารลิกแนนจากขนุน

และผลที่ออกมามันช่วยลดความเสี่ยงและบรรเทาอาการมะเร็งของพวกเขาได้ เมื่อเทียบกับอีกกลุ่มที่ไม่ได้สารชนิดนี้ ผลการวิจัยนี้ถูกตีพิมพ์ในวารสารของสถาบัน

มะเร็งแห่งชาติ

-ไฟโตนิวเทรียนท์

สารชนิดนี้เป็นสารที่พบในขนุนช่วยยับยั่งการเกิดโรคมะเร็งในระยะเริ่มต้น

-ซาโปนิน

มีสารแอนตี้มะเร็งที่พบในขนุนสามารถลดการเกิดโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ สารชนิดนี้ทำหน้าที่หยุดการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง

ประโยชน์ของขนุน

-สามารถป้องกันเซลล์ดีเอ็นเอ

ขนุนมีสารต้านอนุมูลอิสระในการปกป้องเซลล์ดีเอ็นเอที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

-ช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกัน

ขนุนอุดมไปด้วยวิตามินซีที่ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันและช่วยทำให้ร่างกายต่อสู้กับการติดเชื้อได้อย่างเป็นธรรมชาติ

-ช่วยระบบย่อยอาหาร

ขนุนช่วยบรรเทาปัญหาของระบบทางเดินอาหาร เช่น อาหารไม่ย่อย ท้องผูก เพราะขนุนอุดมไปด้วยไฟเบอร์นอกจากนี้ยังลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งลำไส้

ใหญ่และทวารหนัก

ข้อมูลทางโภชนาการของขนุน

-ขนุนมีปริมาณคอเรสตอรอลและโซเดียมต่ำ

-ขนุนหนึ่งถ้วยมีปริมาน 155 แคลอรี่ และมีไขมันเพียง 4 แคลอรี่

-ในขนุนหนึ่งถ้วยช่วยเพิ่มไฟเบอร์ให้คุณถึง 11%

-ขนุนประกอบด้วยน้ำตาลเชิงเดี่ยวที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพของคุณ

-ขนุนอุดมไปด้วยเซเลเนียม สังกะสี ทองแดง แคลเซียม แมกนีเซียม ฟอสฟอรัส เหล็ก และแมงกานีส

-นอกจากนี้ยังมีระดับโฟเลตสูง ไนอาซิน วิตามินบี ไรโบเฟลวิน วิตามินเอและซี

อ้างอิง : timefornaturalhealthcare.com
แปลข้อมูลโดย : http://www.rak-sukapap.com/